บทที่ 69 จับคู่
“ฉันเอาแต่เหยียบเท้าตลอดเลย ตะกี้คุณชายรองจิ้นก็ถูกเหยียบจนหน้าถอดสีมาแล้ว คุณมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะมาเต้นรำกับฉัน?”
พูดถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกอยากยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอสงสัยจริงๆเหรอว่าจิ้นเฟิงเหรากลัวว่าตัวเองจะถูกเธอเหยียบอีกก็เลยจงใจผลักเธอออกมา
แววตาของจิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนกำลังตลกอยู่ เขาพูดขึ้น“นั่นเป็นเพราะว่าเขาโง่ต่างหากล่ะ ผมสอนคุณรับรองว่าไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน”
ต่อมาจิ้นเฟิงเฉินก็โอบเอวของเจียงสื้อสื้อไว้ เสียงที่ทุ้มต่ำแต่ฟังดูแล้วน่าดึงดูดพูดขึ้น“ยื่นมือมาให้ผมสิ”
เจียงสื้อสื้อสีหน้าแดงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งวางไว้บนไหล่ของเขา มืออีกข้างวางประกบลงบนมือของเขา
“ก้าวเท้าซ้ายก่อน จากนั้นก็เท้าขวา……”
ลมหายใจของทั้งสองใกล้กันมาก ฟังเสียงที่ทุ้มต่ำนี่แล้ว หูของเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมา รู้สึกแค่ว่ามันชาไปทั้งตัว……
อีกด้านหนึ่ง ซูชิงหยิงที่มองทั้งสองจากไกลๆสายตาของเธอนิ่งขรึม จิ้นเฟิงเฉินช่างอดทนที่จะสอนเจียงสื้อสื้อเต้นรำเหลือเกิน
ในที่สุดซูชิงหยิงก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เธอจ้องจิ้นเฟิงเหรา พร้อมกับถามขึ้น“คุณเจียงกับพี่ชายของนาย……”
ทั้งสองมีความสัมพันธ์อะไรกัน? นี่ไม่ใช่คู่ควงที่จิ้นเฟิงเหราพามาหรอกเหรอ? แล้วจิ้นเฟิงเฉินจะไปสอนเธอทำไม
ตอนนี้มีคำถามมากมายพลั่งพลูเข้ามาในหัวของซูชิงหยิง
จิ้นเฟิงเหราแกล้งทำเป็นไม่รู้ พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“พี่ชิงหยิง กำลังเต้นรำกับผมอยู่ จะพูดถึงพี่ชายของผมทำไม ผมก็ไม่ได้เต้นแย่ขนาดนั้นใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อกับพี่ชายของเขาเป็นคู่กันอยู่แล้ว!
ซูชิงหยิงก็ยิ้มๆกับคำพูดนี้ของเขา“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คุณชายรองจิ้นเต้นได้เยี่ยมมากๆ”
จากนั้นเธอก็เต้นรำต่อกับจิ้นเฟิงเหรา แต่ก็เหลือบไปมองเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่รู้ตัว แววตาเต็มไปด้วยความนิ่งขรึม
……
ทางด้านของเจียงสื้อสื้อ หลังจากที่ผ่านการสอนด้วยความเอาใจใส่ของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว นอกจากที่ถูกเหยียบไปสองสามครั้งในตอนเริ่มต้น หลังจากนั้นก็เริ่มเต้นคล่องขึ้น จนสุดท้ายก็เริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ตอนนี้เธอเต้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นๆแล้ว
คุณชายรองจิ้นพอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม สอนเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมตัวเองถึงถูกเหยียบเยอะขนาดนั้น!
“เต้นได้ดีมาก”จิ้นเฟิงเฉินยกมุมปากขึ้น
“คุณสอนดีต่างหากล่ะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มๆ เธอรู้สึกว่าเต้นรำมันก็น่าสนใจมากเหมือกัน ก็เลยรู้สึกสนุกไปกับมัน
……
ตรงมุมอับลับสายตาผู้คนที่อยู่ไกลออกไป หลานซือเฉินและเจียงนวลนวลยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าเข้าไปกลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะเห็นเข้า พอพวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งสองก็สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“จิ้นเฟิงเฉินกำลังสอนเจียงสื้อสื้อเต้นรำ?”
หลานซือเฉินแววตาดูมืดมน จ้องมองเจียงสื้อสื้อที่ดูท่าทางสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นขนาดนั้น เขารู้สึกว่ามันขัดลูกกะตามาก ถึงแม้ว่าตนเองจะทอดทิ้งเธอไปแล้ว แต่ในใจของหลานซือเฉินก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี
เจียงนวลนวลก็เหมือนกัน สีหน้าดูบึ้งตึงสุดๆ
“เธอกล้าดียังไง นังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้”
เจียงนวลนวลแววตานิ่งขรึม เจียงสื้อสื้อไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ กล้าอ่อยคนนู้นคนนี้ต่อหน้าต่อตาซูชิงหยิง
เต้นรำอยู่กับคุณชายรองจิ้นอยู่แท้ๆยังจะไปอ่อยจิ้นเฟิงเฉินอีก ไร้ยางอาย
ในขณะนี้ ก็ได้ยินผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆพูดซุบซิบกัน
“นี่ ดูสิๆ คุณชายจิ้นเปลี่ยนคนแล้ว ไม่ใช่ซูชิงหยิงแล้วแหละ!”
“นั่นเป็นคู่ควงที่คุณชายรองจิ้นพามานี่นา!ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอกับคุณชายจิ้นยืนด้วยกันแล้วมันดูเหมาะสมกันมากกว่าอีกนะ!”
“ใช่ๆ อิจฉาผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
……
เจียงนวลนวลกำมือแน่น ตนเองต้องมาหลบๆซ่อนๆ ส่วนเจียงสื้อสื้อกลับถูกผู้คนต่างพากันอิจฉา
ความโกรธเกลียดผุดเข้ามาในใจของเจียงนวลนวล ไม่ เธอไม่ยอมให้เจียงสื้อสื้อหาผู้ชายมาดีกว่าตัวเองแน่นอน คืนนี้เธอจะต้องทำให้คุณชายทั้งสองของตระกูลจิ้นได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเจียงสื้อสื้ออย่างแจ่มแจ้ง จนทำให้จิ้นเฟิงเฉินต้องทิ้งเธอไป
มองผู้หญิงที่อยู่กลางฟลอร์เต้นรำ เจียงนวลนวลแววตาเต็มไปด้วยความมืดมน
……
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอหันไปมอง แต่กลับไม่เห็นอะไร คงจะคิดไปเอง?
จิตใจเหม่อลอยไม่ทันได้ระวัง เจียงสื้อสื้อก็เผลอเหยียบเท้าของจิ้นเฟิองเฉินอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”เธอรีบขอโทษทันที
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มๆ “ไม่เป็นไร”
เจียงสื้อสื้อพบว่าจริงๆแล้ว จิ้นเฟิงเฉินคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด
ตนเองเหยียบเท้าเขาเยอะขนาดนี้แต่กลับไม่รู้สึกโกรธอะไร สติอารมณ์ดีจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว!
ซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเหราที่ออกมาจากฟลอร์เต้นรำแล้ว เธอกำลังยืนอยู่ข้างๆ มองเห็นสิ่งที่เกิดตรงหน้า ในใจของเธอรู้สึกขมขื่นมากๆ
ตั้งแต่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ เธอไม่เคยเห็นจิ้นเฟินเฉินเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย สรุปแล้วเจียงสื้อสื้อกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
หลังจากที่เวลาผ่านไปได้สักพัก เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินก็ออกมาจากฟลอร์เต้นรำ
ซูชิงหยิงเดินเข้ามา พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“คิดไม่ถึงว่าคุณเจียงจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้ เพิ่งจะเต้นรำครั้งแรกก็เต้นออกมาได้ไม่เลวเลย”
“ที่ไหนกันล่ะคะ คุณซูก็เต้นได้ดีเหมือนกันเลยค่ะ”เจียงสื้อสื้อตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ
ซูชิงหยิงมองจิ้นเฟิงเฉินไปหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้นต่อ“เฟิงเฉินก็สอนได้ไม่เลวเลย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นเขามีความอดทนขนาดนี้ คุณทั้งสองดูเข้ากันได้ดีมากเลย ไม่ทราบว่ารู้จักกันมานานแล้วยังคะ?”
“ก็ไม่นานมาก……”เจียงสื้อสื้อรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เธอแอบรู้สึกว่า ประโยคที่ซูชิงหยิงถามนี้มันแฝงอีกความหมายหนึ่งอยู่
จิ้นเฟิงเฉินที่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ ก็ไม่ได้พูดอะไร
พอได้ยินคำตอบของเจียงสื้อสื้อ ซูชิงหยิงก็กำมือจิกนิ้วแน่น เล็บจิ้มเข้ามาในเนื้อ
เธอรู้สึกได้ว่าเจียงสื้อสื้อดูเป็นคนพิเศษต่อจิ้นเฟิงเฉิน เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับปฏิบัติกับเธอแบบนี้ ถึงขนาดที่ว่ามากกว่าตนเองไปด้วยซ้ำ
ความรู้สึกเหมือนที่เหมือนกับตนเองกำลังจะเจอเข้ากับเหตุการณ์วิกฤต จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ
หลายปีมานี้ ซูชิงหยิงถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ต่างประเทศ แต่ว่าคนที่เข้ามาในชีวิตของจิ้นเฟิงเฉินเป็นใครมาจากไหน เธอรู้ชัดหมดทุกคน แต่เจียงสื้อสื้อคนนี้เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเธอถึงไม่รู้?
ซูชิงหยิงจิตใจเริ่มสับสนวุ่นวาย แต่ว่าสีหน้าก็ดูไม่ออกว่าสรุปแล้วเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
เธออดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ยังคงพูดคุยกับทั้งสองอย่างอัธยาศัยดีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
ผ่านไปสักพัก คุณท่านซูก็เดินเข้ามา
ซูชิงหยิงเดินเข้าไปควงแขนของคุณท่านซู พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“คุณปู่”
จิ้นเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหราพูดทักทายขึ้นอย่างสุภาพ
คุณท่านซูยิ้มๆ มองสำรวจทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้น“ไม่ได้เจอกันนานแล้วสินะ เฟิงเหรากับเฟิงเฉินยังคงดูดีมีความสามารถเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!พวกนายสองพี่น้องนี่ก็จริงๆเลยนะ ไม่มาหาฉันกันบ้างเลย หรือว่าลืมปู่ไปแล้วใช่ไหม?”
“คุณปู่ซู ท่านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ผมกับพี่ก็แค่งานยุ่งมากเท่านั้นเองครับ เลยไม่มีเวลาไปเยี่ยมเยียนท่าน จะลืมท่านได้ยังล่ะครับ พวกเรานึกถึงท่านตลอดเวลาเลยล่ะครับ”จิ้นเฟิงเหราพูดขึ้น
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ช่างพูดจริงๆนะ”
คุณท่านซูสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะพูดขึ้นต่อ“ใช่แล้ว เฟิงเฉิน ชิงหยิงของพวกเราอยู่ที่บริษัทของพวกนายเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรให้นายใช่ไหม?”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็อึ้งไปสักพัก
ซูชิงหยิงทำงานอยู่ที่จิ้นกรุ๊ปจริงๆด้วย!ไม่แปลกที่วันนั้นเห็นเธอเดินออกมาพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเม้มปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า“คุณปู่ซู ท่านวางใจได้ เธอไม่ได้มาสร้างปัญหาอะไรให้ผม ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีครับ”
“คุณปู่ หนูบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณปู่ถึงไม่เชื่อหนูล่ะคะ?”ซูชิงหยิงท่าทางออดอ้อน พูดบ่นๆขึ้น
คุณท่านซูไม่ได้สนใจคำพูดของซูชิงหยิง เขาจ้องมองจิ้นเฟิงเฉิน
“ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรก็ดีแล้ว เฟิงเฉิน รบกวนนายช่วยสอนเธอเยอะหน่อยนะ จากนี้ไปฉันจะได้วางใจยกซูซื่อกรุ๊ปให้เธอรับช่วงดูแลต่อสักที”
“ได้ครับ คุณปู่ซู”
ทั้งสองสามคนก็พูดคุยกันต่อ จนกระทั่งคุยกันถึงเรื่องธุรกิจ ในตอนนี้ ได้ยินคุณท่านซูพูดว่า “ในตอนนี้จิ้นกรุ๊ปภายใต้การบริหารของพวกนายสองคนพี่น้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเลย แต่ว่าจุดด้อยแค่อย่างเดียวเท่านั้นก็คือพวกนายสองคนยังไม่แต่งงานมีครอบครัวสักที”
เจียงสื้อสื้อยืนอยู่เงียบๆอยู่ข้างๆ ตอนที่ได้ยินประโยคนี้แววตาเธอเหมือนมีแสงวิบวับขึ้นขึ้นมาเล็กน้อย เธอดูออกว่า ตอนที่คุณท่านซูพูดประโยคนี้แววตาจ้องมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน เธอแอบสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
จิ้นเฟิงเฉินเม้มปากพูดขึ้น“บริษัทยังต้องการการพัฒนาขึ้นไปอีก ผมคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ”
“ใช่ครับ!คุณปู่พี่ชายของผมงานยุ่งทุกวัน จะเอาเวลาไหนไปสร้างครอบครัวล่ะครับ”
จิ้นเฟิงเหราพูดเสริมขึ้นต่อ เอาแล้วไง เขารู้สึกได้ว่าคุณท่านซูกำลังจะพูดอะไรขึ้นมาต่อ
พอคุณท่านซูได้ยินแบบนั้น ก็ส่ายหัว
“พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูก ผู้ชายจะต้องพิจารณาถึงการสร้างครอบครัวเป็นเรื่องแรก เรื่องานเป็นเรื่องรอง แม้ว่าพวกนายสองคนจะทำกลับกัน แต่ว่านะ เฟิงเฉิน ในเมืองจิ่นแห่งนี้มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่อยากจะแต่งงานกับนาย ถ้าจะให้ปู่พูด ก็คือควรจะรีบหาเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว”
หลังจากพูดจบ คุณท่านซูก็มองหลานสาวของตระกูลตัวเอง ก่อนจะพูดเข้าประเด็น“เฟิงเฉิน นายว่าซูชิงหยิงของตระกูลฉันเป็นยังไงบ้าง?”