ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 61 ใส่ใจอย่างบอกไม่ถูก

บทที่ 61 ใส่ใจอย่างบอกไม่ถูก

บทที่ 61 ใส่ใจอย่างบอกไม่ถูก

การประชุมสิ้นสุดลง หลังจากที่เจียงสื้อสื้อกลับมาถึงโต๊ะของตัวเอง ก็เปิดอีเมลตรวจดูเอกสารที่ซูซานส่งมา

หลังจากที่ดูข้อมูลประวัติคร่าวๆของหยุนซานเสร็จ เธอก็ขมวดคิ้ว พรางคิดว่าที่การที่จะทำให้โปรเจกต์หยุนซานสำเร็จลุล่วงไปได้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆแบบที่คิดไว้ซะแล้ว

จะต้องมีปัจจัยหลายๆอย่าง สุดท้ายก็ต้องวางแผนช่องทางการโฆษณาที่ดีที่สุดเพื่อทำโฆษณาให้กับหยุนซาน

เธอเริ่มคิดว่าควรจะทำการโฆษณาในรูปแบบไหนดี จึงจะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ของหยุนซานออกไปสู่ต่างประเทศได้

……

ขณะที่กำลังยุ่งอยู่กับการคิดอยู่นั้น เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว

เจียงสื้อสื้อลืมดูเวลาไปสนิท จนกระทั่งมือถือบนโต๊ะดังขึ้นมา เธอรับสาย อีกฝั่งมีเสียงน่าสงสารของเสี่ยวเป่าดังเข้ามาในสาย

“น้าสื้อสื้อ ไม่อยู่บ้านเหรอฮะ?”

เสี่ยวเป่าพอเลิกเรียนก็ให้คนขับรถพาเขามาหาเจียงสื้อสื้อทันที ตามจริงต้องไปทานข้าวที่บ้านเจียงสื้อสื้อด้วยกันเหมือนกับที่ผ่านมา แต่ไม่คิด ยืนว่ากดกระดิ่งอยู่ตั้งนานกลับไม่มีใครตอบกลับมา

เจียงสื้อสื้อก้มมองเวลาที่ข้อมือ ถึงได้เห็นว่าตอนนี้มันเป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว

แย่แล้ว เธอลืมเสี่ยวเป่าไปได้ยังไง!

เจียงสื้อสื้อรีบเก็บข้าวของพรางพูดเอ่ยปากขอโทษ“ขอโทษด้วย!เสี่ยวเป่า วันนี้น้ายุ่งมากๆ ตอนนี้ยังอยู่บริษัทอยู่เลย!เสี่ยวเป่ารอน้าเก็บของแป๊บนะ เสร็จแล้วจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

เสี่ยวเป่ามองต่ำลง แววตามีความรู้สึกผิดหวัง แต่ยังพูดตอบกลับไปอย่างเข้าใจ“ไม่เป็นไรฮะ น้าสื้อสื้อ เสี่ยวเป่าให้คุณลุงคนขับรถพาไปกินข้าวก็แล้วกัน ค่อยมาหาน้าพรุ่งนี้ก็ได้”

แม้ว่าเขาอยากจะเจอน้าสื้อสื้อสุดๆ แต่ว่าเธอยุ่งมาทั้งวันแล้ว ก็เลยไม่อยากให้เธอต้องรีบกลับมากินข้าวกับตัวเอง

รับรู้ได้ถึงความคิดของเด็กน้อย เจียงสื้อสื้อในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา

“แบบนั้นก็ได้ เสี่ยวเป่ารีบไปหาข้าวกินเถอะ!เดี๋ยวจะหิวเอา”

“อื้อ น้าสื้อสื้อ เจอกันนะฮะ”

กดวางสายลง เจียงสื้อสื้อยิ้มๆ เธอหันมาดูเอกสารต่ออีกหน่อย ผ่านไปสักพักจึงเก็บของออกจากบริษัทไป

ยุ่งจนมาถึงตอนนี้ ท้องของเธอก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว แต่ที่บ้านไม่มีข้าว เจียงสื้อสื้อก็ขี้เกียจไปซื้อของมาทำกับข้าวด้วย เลยกะที่หาอะไรกินแถวๆนี้สักหน่อย

เจียงสื้อสื้อกำลังเดินอยู่บนถนน บริษัทจิ่นซื่อกับจิ้นกรุ๊ปใกล้กันมาก ทั้งสองบริษัทต่างก็อยู่โซนที่ค่อนข้างคึกคักของย่านธุรกิจ

ขณะที่เดินผ่านจิ้นกรุ๊ป สายตาของเธอก็เผลอหันไปมองบริษัทโดยไม่รู้ตัว

เธอรู้ดีว่าจิ้นเฟิงเฉินปกติแล้วงานยุ่งมาก ตอนค่ำก็มักจะอยู่ทำงานต่อที่บริษัท

เธออดนึกถึงโทรศัพท์ที่เสี่ยวเป่าโทรมาเมื่อตะกี้อย่างช่วยไม่ได้ เขาถูกบริษัทพาไปส่ง ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า จิ้นเฟิงเฉินก็อาจจะยังอยู่ที่บริษัท

ฝีเท้าของเจียงสื้อสื้อหยุดลงยืนอยู่ตรงข้ามกับปากทางเข้า ไม่รู้ว่าเขากินข้าวแล้วหรือยัง? เธอกุมมือถือเอาไว้แน่น กำลังคิดอยู่ว่าจะโทรไปหาจิ้นเฟิงเฉินดีไหม

ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เจียงสื้อสื้อก็เห็นคนคนหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาเดินออกมาจากบริษัท

นั่นก็คือ จิ้นเฟิงเฉิน

ข้างตัวเขายังมีผู้หญิงหน้าตาสละสลวยอยู่ด้วย เดินเคียงไหล่กันออกมา ทั้งสองดูเหมาะสมกันมาก ผู้หญิงใบหน้ายิ้มแย้ม ตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรอยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน

เจียงสื้อสื้ออึ้งตะลึงไปสักพัก มือที่กุมมือถือเอาไว้ กะที่จะโทรออกไปก่อนหน้านี้ก็หยุดชะงักลง เธอยืนมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย

มีความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไงผุดขึ้นมาในใจ……

“เฟิงเฉิน คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม! ถ้าอย่างนั้นไปทานข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อไหม?”ซูชิงหยิงเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เช้าวันนี้ เธอได้เข้ามาทำงานในจิ้นกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหนึ่งในเลขาของจิ้นเฟิงเฉิน

พอคิดว่าจากนี้ไปจะได้เห็นเขาทุกวัน ซูชิงหยิงก็กลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่

ถึงแม้ว่าจะทำงานมาทั้งวัน แต่เธอแทบไม่ได้เจอหน้าจิ้นเฟิงเฉินเลย ได้คุยกันก็ไม่กี่ประโยค นอกจากเรื่องงานแล้วทั้งสองก็แทบไม่ได้คุยเรื่องอื่นกันเลย

ซูชิงหยิงไม่อยากให้วันนี้มันผ่านพ้นไปแบบนี้ จริงๆเธอสามารถกลับไปก่อนก็ได้ แต่ว่าจงใจรอจนถึงตอนนี้ เพื่อจะได้ออกมาพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน

จิ้นเฟิงเฉินพอได้ยินแบบนั้น ก็ดูเวลาที่ข้อมือ ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ไม่ล่ะ ตอนนี้เสี่ยวเป่ากำลังรอผมอยู่ที่บ้านคนเดียว”

เขาปฏิเสธอย่างอ่อนโยน

พูดจบ ซูชิงหยิงในใจก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบกลับไปเถอะ!อย่าให้เสี่ยวเป่าต้องรออยู่บ้านนานเกินไปจะดีกว่า”

เธอรีบปลอบใจตัวเอง เป็นเพราะว่าเสี่ยวเป่าจริงๆแหละ ไม่ใช่เพราะว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่อยากไปทานข้าวกับตนเองหรอก

ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ซูชิงหยิงก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ใช่แล้ว สุดสัปดาห์นี้คุณปู่จัดงานต้อนรับให้กับฉัน ถือว่าเป็นการประกาศการกลับมาของฉันอย่างเป็นทางการ พอถึงตอนนั้นหวังว่าคุณจะมาเข้าร่วมนะ!”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ไม่ปฏิเสธ

“อื้อ ไปแน่นอน”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ไม่ได้หันไปมองซูชิงหยิงอีก ก้าวขาเดินจากไปทันที

ซูชิงหยิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สายตามองเขาด้วยความรักและอาลัยอาวรณ์ มองจนกระทั่งเขาเดินจากไป

เธอกำนิ้วแน่นพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ ไม่ว่าตอนนี้จะเป็นยังไง ต่อจากนี้ไป เธอจะต้องทำให้จิ้นเฟิงเฉินหันมามองเธอให้ได้

……

เจียงสื้อสื้อหาของกินข้างนอกกินไปนิดหน่อย ก็กลับถึงบ้าน จิตใจของเธอว่างเปล่า ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่เห็นก่อนหน้านี้

ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับจิ้นเฟิงเฉิน? ตอนนี้พวกเขาไปกินข้าวด้วยกันแล้วใช่ไหม?

ไม่รู้ว่าทำไม เจียงสื้อสื้อรู้สึกใส่ใจกับเรื่องพวกนี้อย่างบอกไม่ถูก

แต่จู่ๆก็รู้สึกว่ามันน่าขำ มันน่าใส่ใจตรงไหน เธอก็ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรกับเขาสักหน่อย

ก่อนหน้านี้แทบจะอยากอยู่ห่างๆจิ้นเฟิงเฉินอยู่เต็มประดา แม้ว่าตอนนี้เธอกับเสี่ยวเป่าจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ระหว่างเขาสองคนก็ยังคงเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นไม่ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะเป็นยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ

แต่ไหนแต่ไรทั้งสองคนก็เหมือนคนที่อยู่คนละโลก เธอบอกกับตัวเองว่าต้องยอมรับความเป็นจริงได้แล้ว จะยึดติดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

หลังจากล้างหน้าเสร็จ เธอก็นอนเล่นบนเตียงอยู่นาน แล้วจึงหลับไป

……

วันต่อมา เจียงสื้อสื้อวางแผนงานให้ตัวเองเยอะมาก เธอพยายามใช้สมองให้มาคิดอยู่แต่เรื่องงาน พยายามไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นและคนเหล่านั้นอีก

ในช่วงบ่าย เธอลุกขึ้นไปรินน้ำที่ห้องชงกาแฟ

ไม่รู้ว่าทำไม พอใจสงบลง ในหัวของเจียงสื้อสื้อก็เอาแต่คิดถึงแต่จิ้นเฟิงเฉินอยู่ตลอดเวลาอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อคืนภาพภาพนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

แม้ว่าจะยืนอยู่ห่างๆ แต่เธอก็ยังมองออกว่า ซูชิงหยิงรูปร่างสูงเพรียว ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูสง่างาม

ประมาณว่าผู้หญิงแบบนี้แหละ ถึงจะเหมาะสมกับจิ้นเฟิงเฉิน!

“สื้อสื้อ ทำไมอะไร? เหม่ออะไรอยู่?”

เสียงของซูซานดังขึ้นมา พอเจียงสื้อสื้อดึงสติกลับมาก็พบว่าน้ำล้นออกมาจากแก้วเลอะเต็มโต๊ะไปหมด

“ขอโทษด้วยค่ะ ผู้จัดการซู ฉันกำลังคิดเรื่องโปรเจกต์อยู่น่ะค่ะ!”

เจียงสื้อสื้อรีบหาผ้ามาเช็ดน้ำบนโต๊ะด้วยความลนลาน

ซูซานยิ้มๆอย่างไม่มีทางเลือก“จะคิดเรื่องโปรเจกต์ก็อย่าคิดจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้สิ!ดูคุณสิ วันนี้ทั้งวันใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เริ่มมีรอยคล้ำใต้ตาแล้ว เมื่อคืนนอนไม่เพียงพอใช่ไหมล่ะ!ต้องระวังเรื่องการพักผ่อนด้วยนะ”

“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณผู้จัดการซูมากนะคะ”เจียงสื้อสื้อยิ้มๆอย่างอึดอัด

กลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง เธอก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องจิ้นเฟิงเฉินอีก เริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท