บทที่ 74 คุณบ้าไปแล้วหรอ
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือที่หนาวเย็นของเธอไว้ แต่แปลกที่เจียงสื้อสื้อที่อยู่ในความฝันกลับรู้สึกอุ่นใจ และคิ้วที่ขมวดก็คลายตัวลงด้วย
ในหัวสมองของจิ้นเฟิงเฉินปรากฏฉากเมื่อกี้อีกครั้ง พร้อมเผยสีหน้าเคร่งเครียด เรื่องนี้ต้องมีคนมีส่วนเกี่ยวข้องแน่….
สักพักใหญ่ จิ้นเฟิงเหราก็มาถึง
“พี่ชาย พี่สะใภ้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า โดยไม่พูดอะไร
“ผู้ชายคนนั้นถูกคุมตัวที่โรงพักแล้ว แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่หัว และได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะหมดสติ ส่วนเบื้องหลังฐานะของเขา ผมกำลังสืบอยู่ครับ อีกอย่างผมได้ปิดข่าวเรียบร้อยแล้วด้วย”
จิ้นเฟิงเฉินมองดูผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเม้มปาก และพูดขึ้นว่า : “ทำให้เขาติดอยู่ในนั้นตลอดชีวิต อย่าได้คิดปล่อยออกมาได้”
“ครับ พี่ชาย เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง” จิ้นเฟิงเหราตอบรับ เขามองดูเจียงสื้อสื้อที่นอนอยู่บนเตียง และมองดูจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านข้าง ตอนแรกคิดอยากถามพี่ชายว่าอยากสลับกันเฝ้าไหม แต่ดูท่าทางแล้วคง…..
จิ้นเฟิงเหราเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ
……
เจียงนวลนวลในตอนนี้อยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน
สถานการณ์ที่โรงแรม เธอส่งพนักงานบริการเป็นคนเฝ้าสังเกตการณ์ ดังนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอย่อมไม่พลาด
เจียงนวลนวลกุมโทรศัพท์อย่างแน่น เธอคาดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายคนนั้นจะลงมือช้ามากขนาดนั้น และตกอยู่ในกำมือของสองพี่น้องตระกูลจิ้นด้วย
ขยะไร้ประโยชน์จริงๆ เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ
เจียงนวลนวลเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว เรื่องนี้เกินความคาดการณ์ของเธอ ถ้าหากจิ้นเฟิงเฉินสืบสาวถึงเธอ เธอคงประสบกับเรื่องใหญ่แน่
ความรู้สึกไม่สบายใจ หวาดกลัว และทุกอารมณ์ผุดโผล่ขึ้นในใจของเธอ
เมื่อรถยนต์ขับมาถึงบ้านตระกูลหลาน หลานซือเฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเจียงนวลนวล เลยซักถามว่า : “นวลนวล เป็นอะไรไปหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียง เจียงนวลนวลก็ดึงสติกลับมายิ้มและส่ายหน้า แล้วพูดว่า : “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พี่ซือเฉิน”
ซือเฉินหรี่ตามองอย่างตั้งใจ เพียงมองแวบหนึ่งเขาก็รู้ว่าเจียงนวลนวลกำลังโกหกอยู่
“ผู้ชายคนนั้นที่คุณจ้างเมื่อกี้ทำอะไรเจียงสื้อสื้อหรือเปล่า?”
ในงานเลี้ยงงาน เจียงนวลนวลเคยพูดว่า ต้องการจัดฉากแสดงสักหน่อย
หลานซือเฉินรอจนคนในงานเลี้ยงเริ่มใกล้หมด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเจียงนวลนวลคิดทำอะไร ต่อมาก็ไม่ได้ซักถามเรื่อง แต่ตอนนี้ดูแล้ว….
“ไม่มีอะไรค่ะ พี่ซือเฉิน” เจียงนวลนวลเผยสีหน้าลำบากใจ เรื่องล้มเหลวไม่เป็นท่าแบบนี้ เธอจะมีหน้ากล้าบอกกับหลานซือเฉินได้ยังไงอีก
“เธอแน่ใจหรอว่าจะปิดบังผม?” หลานซื้อเฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เจียงนวลนวลขบฟันแน่น เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้คงปิดไม่มิด ถ้าที่ดีพูดความจริงดีกว่า
หลังจากหลานซือเฉินฟังจบก็เผยสีหน้าโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที
“เจียงนวลนวล เธอเป็นบ้าไปแล้วหรอ?”
ตอนแรกเขานึกว่าเจียงนวลนวลอยากจะสั่งสอนเจียงสื้อสื้อแค่นิดเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องใหญ่แบบนี้
เมื่อได้ยินหลานซือเฉินเรียกชื่อเต็มของตัวเอง ทั้งยังตะคอกด้วย เจียงนวลนวลก็รู้สึกน้อยใจทันที
“พี่ซือเฉิน ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน! แต่ผู้หญิงคนนั้นเจียงสื้อสื้อ….กล้าดียังไงทำให้คุณชายของตระกูลจิ้นทั้งสองคนล้อมรอบตัวเธอ! ฉันเลยคิดอยากฉวยโอกาสวันนี้ทำให้พวกเขาเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาเท่านั้น”
เพราะเห็นเจียงสื้อสื้อคืนนี้สวยโดดเด่นเป็นพิเศษ เธอเลยเกิดความรู้สึกอิจฉา และขาดสติครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
“แล้วเธอเคยคิดไหมว่าถ้าหากแผนการล้มเหลวจะเป็นยังไง? อย่างเช่นตอนนี้ ในตอนนี้เจียงสื้อสื้อถูกหามส่งโรงพยาบาล อาการเป็นยังไงบ้าง พวกเรายังไม่รู้เลย อีกอย่างผู้ชายคนนั้นยังถูกส่งเข้าโรงพักด้วย ตระกูลจิ้นมีอำนาจแค่ไหนเธอก็รู้ แล้วเธอไม่กลัวว่าจะสืบสาวถึงเธอหรอ?”
“พี่ซือเฉิน ฉัน….เรื่องนี้โทษฉันไม่ได้! ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าผู้ชายคนนั้น….”
เจียงนวลนวลทำตาลุกลี้ลุกลน และพูดอะไรไม่ถูก
ตอนแรกเธอวางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น
ถ้าหากตระกูลเจียงสืบทราบว่าผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการคือตัวเอง คงคิดทุกวิธีทางแก้แค้นให้กับเจียงสื้อสื้อแน่ หากตระกูลจิ้นต่อกรกับตระกูลเจียงคงต้านทานไม่ไหวแน่
เจียงนวลนวลคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อ
หลานซือเฉินโมโหเดือดดาล พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า : “นังโง่เอ่ย ทำอะไรไม่รู้จักปรึกษาฉันก่อน หากถูกจับได้ อย่าได้คิดว่าตระกูลหลานจะช่วยปกป้องเธอ”
หลังจากพูดจบ หลานซือเฉินก็ลงจากรถ แล้วเปิดประตูรถเดินจากไป
เจียงสื้อสื้อนั่งบนรถ พร้อมจ้องมองร่างเงาของเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า หลานซือเฉินจะพูดแบบนี้กับเธอ
เขาลืมไปแล้วหรอว่า ตอนที่แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ ใครกันอยู่เคียงข้างเขาทุกวัน? ถ้าหากไม่มีคนของตระกูลเจียง ตระกูลหลานจะมีวันนี้ไหม?
เจียงนวลนวลกำมือไว้อย่างแน่น พร้อมเผยดวงตาแดงก่ำ
……
ณ โรงพยาบาล ประมาณตอนรุ่งเช้า เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ในตอนนี้หัวสมองของเธอโล่งมาก
“เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง?” ข้างหูมีเสียงเข้มแฝงเสียงอ่อนโยนดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อสะดุ้งตกใจ และฉากเมื่อคืนก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในหัวสมอง ขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวก็ผุดขึ้นในใจอีกครั้ง ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็ขาวซีด และร่างกายก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เธออยู่ที่ไหน? แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง….
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นแบบนี้ก็โอบกอดเธอ และพูดปลอบใจว่า : “อย่ากลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว มันผ่านไปแล้ว”
เจียงสื้อสื้อเพิ่งสังเกตเห็นว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาล เธอไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว
“จิ้นเฟิงเฉิน”
เธอซบลงในอ้อมกอดของผู้ชาย พร้อมกับรู้สึกอบอุ่น และรู้สึกปลอดภัยมาก
เธอกลั้นน้ำตาไม่ไหว เลยไหลออกมาอย่างไม่หยุด
ช่างดีจริงๆ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำอะไรเธอ เธอยืนหยัดสู้จนจิ้นเฟิงเฉินมาช่วยไว้ทัน…..
จิ้นเฟิงเฉินโอบกอดผู้หญิง และรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เป็นเพราะเขาไม่ดีเอง เขาควรพาเธอกลับบ้านเร็วกว่านี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
บรรยากาศในห้องผู้ป่วยเงียบเชียบลง ทันใดนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เดินถืออาหารเข้ามา เมื่อเห็นฉากนี้ เขาก็คิดอยากออกไป แต่มันไม่ทันแล้ว
หลังจากเจียงสื้อสื้อเห็นเขาก็รีบดึงตัวออกจากอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉินทันที
จิ้นเฟิงเหราแอบตำหนิตัวเองในใจว่า ทำไมถึงมาในช่วงเวลาบังเอิญแบบนี้ด้วย! รบกวนเรื่องดีของพี่ชายกับพี่สะใภ้เลย เขายิ้มอย่างเก้อเขินและพูดว่า : “น้องเจียง ตื่นแล้วหรอ? ผมเอาอาหารมาให้กินด้วย”
เจียงสื้อสื้อเช็ดคราบน้ำตาอย่างเขินอาย “ขอบคุณค่ะ คุณชายรองจิ้น ขอบคุณพวกคุณที่มาช่วยทันเวลาพอดี ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณ….”
ตอนนี้ตัวเองคงแย่แน่
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าตัวเองโง่เขลามาก ที่เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้น และเดินไปที่ห้องของเขาด้วย
แต่ใครจะไปรู้ว่า ผู้ชายที่มีท่าทางสุภาพบุรุษจะมีจิตใจเลวทรามขนาดนี้
จิ้นเฟิงเฉินเอาอาหารวางลงบนโต๊ะ พร้อมเผยสายตายินดี
“น้องเจียง อย่าเกรงใจไปเลย ตอนที่พนักงานบริการบอกว่าเธออยู่ห้องข้างบน แล้วผมเคาะประตู แต่ไม่มีการตอบรับก็นึกว่าพนักงานบริการจำคนผิด แต่พี่ชายของผมยังคงยืนยันว่าคุณอยู่ที่นี้ เลยเรียกคนมาช่วยเปิดประตู คนที่เธอควรขอบคุณคือเขามากกว่า”
ทางที่ดีเธอควรมอบร่างกายเพื่อเป็นการตอบแทน จิ้นเฟิงเหราแอบคิดเงียบๆ