บทที่ 132 แผนการที่น่าละอาย
เจียงนวลนวลควงแขนเจียงเจิ้นก่อนจะพูดเสียงระรื่น “คุณพ่อ ช่วงนี้บ้านเรากำลังร่วมงานกับตระกูลเลี๋ยงอยู่ไม่ใช่หรอคะ?”
เจียงเจิ้นพยักหน้า เขามองเจียงนวลนวลอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว ทำไมหรอ?”
ระยะนี้ตระกูลเจียงร่วมงานกับบริษัทเลี๋ยงซื่อจริง เขารู้จักกับซีอีโอของบริษัทเลี๋ยงซื่อมานาน แต่เพราะก่อนหน้านี้ตระกูลเจียงมีข่าวเม้าท์ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทเลี๋ยงซื่อลังเลอยู่ว่าจะร่วมงานด้วยหรือไม่
เจียงเจิ้นเองก็คิดหาวิธีพูดโน้มน้าวบริษัทเลี๋ยงซื่ออยู่เช่นกัน
แต่ซีอีโอของบริษัทเลี๋ยงซื่อเป็นคนหนักแน่นเด็ดขาด เขารู้สึกว่าตอนนี้ตระกูลเจียงยังไม่เหมาะที่จะร่วมงานด้วย…
เจียงนวลนวลพูดยิ้มๆ “ทำไมไม่แนะนำพี่ให้เขารู้จักล่ะคะ! ถึงยังไงตอนนี้ก็ถูกคุณชายจิ้นผลักไสไล่ส่งแล้วนี่นา ส่งพี่ไปแต่งกับตระกูลเลี๋ยง ยังไงบ้านเราก็ได้กำไรไม่น้อย แถมพี่ยังได้ใช้ชีวิตหรูหราไฮโซก็นับว่าเราได้ชดเชยให้พี่ด้วย พี่ซือเฉินว่าจริงไหม?”
หลานซือเฉินเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ใช่! คุณพ่อครับที่นวลนวลพูดมาก็มีเหตุผลอยู่ ถ้าเจียงสื้อสื้อได้แต่งไปจริงๆเราสองตระกูลก็จะได้ดองกันเป็นหนึ่งเดียว เรื่องที่จะร่วมงานกันก็ไม่ต้องห่วงเลยจริงไหมครับ?”
ฟังจบ เจียงเจิ้นก็นิ่งไป
เสิ่นซูหลันก็คิดว่าความคิดนี้ไม่เลว ถึงยังไงแค่ได้เห็นนังแพศยานั่นซวยเธอก็รู้สะใจเป็นอย่างมาก
“จริงด้วยสามี! ถึงผอ.เลี๋ยงจะมีอายุไปหน่อย แต่ก็เป็นคนรักแล้วก็โอ๋เมียมาก!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย ชายอายุร่นราวสี่สิบกว่าก็เดินเข้ามา เขาหัวล้าน รูปร่างค่อนไปทางอวบ ดูเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว
ทันทีที่ได้ยินเขาก็เอ่ยปากทัก “ทำไมพอมาถึงก็ได้ยินพวกคุณกำลังพูดถึงผมเลยล่ะ?”
เขาคือเลี๋ยงห้าวเทียนผู้อำนวยการเลี่ยงที่ใครๆต่างก็รู้จัก
เมื่อได้ยินเสียง เจียงนวลนวลจึงหันกลับมาแล้วยิ้มทักทาย “ใช่แล้วค่ะ! พวกเรากำลังพูดถึงลุงเลี่ยงกันอยู่เลยว่าธุรกิจของลุงประสบความสำเร็จมาก แถมยังสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง เสียก็แค่ไม่มีคนข้างกาย เป็นเพราะสเป็คสูงหรืออะไรกันนะ!”
“ใช่ค่ะ! นี่เราก็เลยคุยกันว่าจะแนะนำสักคนให้คุณลุงอยู่!” เสิ่นซูหลันว่า
เลี๋ยงห้าวเทียนเกิดความสนใจขึ้นมาทันใด
“เอาสิ! ถ้าใช้ได้ล่ะก็ ฉันอาจจะรับไว้พิจารณา”
สายตาของเจียงนวลนวลฉายประกายออกมา แล้วพูดเสียงระรื่น “พี่สาวหนูเป็นไงคะ! คุณลุงดูสิ เธออยู่ตรงนั้นพอดี!” พูดๆอยู่ เจียงนวลนวลก็ชี้ไปที่เจียงสื้อสื้อ เลี๋ยงห้าวเทียนมองตามไป แววตาเปร่งประกายขึ้นมา
“คนที่ใส่ชุดราตรีสีฟ้าหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
เจียงนวลนวลรูดีว่าตาแก่เลี๋ยงห้าวเทียนบ้ากามเป็นอย่างมาก ตลอดหลายปีนี้แม้จะไม่แต่งงาน แต่ก็หญิบจับผู้หญิงเป็นของเล่นมาไม่น้อย หุ่นดีๆแบบเจียงสื้อสื้อจะต้องเข้าตาเขาแน่ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ…เจียงนวลนวลยกยิ้มมุมปาก
มองดูสภาพของเลี๋ยงห้าวเทียน เจียงนวลนวลก็คิดในใจ ถ้าทำให้เจียงสื้อสื้อแต่งออกได้ก็ดีสิ สองคนนี้อยู่ด้วยกัน เสียงสื้อสื้อก็คงกลายเป็นตัวตลกที่ใครๆก็หัวเราะ อยากรู้จริงๆว่ายัยนั่นยังจะกล้าแอ่นอกเชิกหน้าต่อไปได้ยังไง
ดูท่าเลี๋ยงห้าวเทียนจะชอบพออยู่ไม่น้อย ถึงแม้เขาจะผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่อย่างเจียงสื้อสื้อที่ดูบริสุทธิ์ไร้เล่ห์เหลี่ยม เขาก็เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก
ถ้าได้ผู้หญิงแบบนี้แต่งเข้ามาเป็นเมีย เขาย่อมเต็มใจอยู่แล้ว
แม้จะรู้สึกชอบอยู่ไม่น้อย แต่เลี๋ยงห้าวเทียนก็ยังแสร้งพูด “ใครจะคิดกันว่านอกจากคุณหนูนวลนวล คุณเจียงยังมีลูกสาวที่สวยขนาดนี้อยู่อีกคน ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินคุณพูดถึงเธอเลยนะ!”
เจียงเจิ้นยิ้มนิดหน่อยก่อนจะว่า “ลูกสาวคนโตผม แกเรียนมองนอกตั้งแต่เด็ก ผมเลี้ยงแกเหมือนเป็นไข่ในหิน แกเลยไม่ค่อยประสีประสาโลกเท่าไหร่น่ะครับ”
“งั้นหรอ? แต่ว่าคุณหนูเจียงสวยปานนางฟ้าขนาดนี้ ผอ.เจียงไม่หวงแกหรอ?”
เจียงเจิ้นดูออกว่าเลี๋ยงห้าวเทียนชอบเจียงสื้อสื้ออยู่ไม่น้อย ถ้าทั้งสองคนได้แต่งงานกัน เรื่องที่จะร่วมธุรกิจกับบริษัทเลี๋ยงซื่อ ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เจียงเจิ้นเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้งมาแต่ไหนแต่ไรจึงรีบพูดขึ้น “ผอ.เลี๋ยงก็ว่าไป คุณเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แถมยังเพอร์เฟ็คไปทุกด้าน ลูกสาวผมแกนิสัยค่อนข้างเด็กไปบ้าง ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะเป็น ถ้าคุณเอ็นดูแก ก็นับว่าเป็นบุญของแกแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเลี๋ยงห้าวเทียนก็เผยแววยิ้ม เจียงนวลนวลเห็นแบบนั้นก็รีบพูดต่อ “ไม่งั้นลุงเลี่ยงก็รีบใช้โอกาสในคืนนี้เข้าไปทำความรู้จักกับพี่เป็นไงคะ?”
แน่นอนว่าผอ.เลี๋ยงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเดินเข้าไปทางที่เจียงสื้อสื้อกำลังยืนอยู่
……
ส่วนเจียงสื้อสื้อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตัวเองได้ถูกครอบครัวขายไปแล้วเรียบร้อย
ในสมองของเธอยังคงคิดถึงจิ้นเฟิงเฉิน ไม่รู้ว่าป่านนี้เขากับซูชิงหยิงถูกออร์แกไนซ์พาไปที่ไหนแล้ว คิดว่าคงไปคุยงานกันอยู่ แม้ว่างานเลี้ยงในคืนนี้จะจัดอย่างใหญ่โต แต่เธอก็มักเกิดความกังวลขึ้นในใจอยู่เป็นพักๆอย่างอดไม่ได้
เธอไม่อยากเจอจิ้นเฟิงเฉินในสถานการณ์แบบนี้ เจียงสื้อสื้อคิด อีกสักพักรอเจอเย่เจี่ยนหยางแล้วค่อยขอตัวกลับก่อนแล้วกัน!
ตอนนี้เองที่ร่างของเย่เจี่ยนหยางก็ปรากฏตัวขึ้นในงาน เจียงสื้อสื้อเล็งโอกาสนี้หวังจะเข้าไปทักทาย ใครจะคิดว่าไม่ทันจะได้สาวเท้าเข้าไปตัวเองก็ถูกรั้งไว้ซะก่อน
“บังเอิญจังพี่สื้อสื้อ! คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะได้เจอพี่ที่นี่” เจียงนวลนวลพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
เห็นเจียงนวลนวลกับเจียงเจิ้นพร้อมคนอื่นๆ เจียงสื้อสื้อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอคิดว่าทำไมคนพวกนี้ถึงตายยากตายเย็นนัก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอ
เจียงสื้อสื้อขี้เกียจแม้แต่จะทักทาย จึงตั้งใจจะเดินหนี
เจียงนวลนวลเห็นดังนั้น ก็เข้าใจว่าเจียงสื้อสื้อจะไปหาจิ้นเฟิงเฉิน จึงรีบดึงแขนรั้งตัวเธอไว้
“จะรีบไปไหนล่ะพี่สื้อสื้อ!”
“มีธุระอะไรไม่ทราบ?” แววตาของเจียงสื้อสื้อเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากแนะนำใครคนนึงให้พี่รู้จักน่ะ”
เจียงนวลนวลพูดจบ เลี๋ยงห้าวเทียนก็เดินเข้ามา เขายิ้มให้พร้อมแนะนำตัว “สวัสดีครับคุณหนูเจียง ผมเลี๋ยงห้าวเทียนเป็นซีอีโอของบริษัทเลี๋ยงซื่อ คิดว่าคุณคงจะเคยได้ยิน บริษัทเลี๋ยงซื่อเป็นธุรกิจที่ผมก่อร่างสร้างขึ้นมาเองกับมือ จริงสิ ได้ยินว่าคุณเจียงกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทวางแผน บริษัทผมกำลังจะมีโปรเจคนึงที่สามารถร่วมงานกับพวกคุณได้พอดี”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กๆ เธอเอ่ยปากถาม “แล้วไงคะ?”
ผอ.เลี๋ยงอะไรนี่จู่ๆจะมาอยากร่วมงานกับเธอทำไม หลังจากเห็นสายตามีเลศนัยนั่น ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างก็ผุดขึ้น
ได้ยินดังนั้น เสิ่นซูหลันก็พูดขึ้นบ้าง “พ่อเธออุตส่าห์หาคู่ให้ ผอ.เลี๋ยงก็เป็นคนดีใช้ได้ แถมรู้จักดูแลคนอื่น สื้อสื้อ ถ้าเธอได้แต่งกับเขา เธอจะต้องมีความสุขแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อมองชายวัยสี่สิบตรงหน้าที่สามารถเป็นพ่อของเธอได้แล้วไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง คนพวกนี้จะให้เธอแต่งงานกับชายตรงหน้านี้เนี่ยนะ? เธอพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณป้าล้อเล่นอะไรกันคะ?”
เจียงเจิ้นเดินขึ้นมาด้านหน้าแล้วว่า “ป้าเราเขาไม่ได้ล้อเล่น สื้อสื้อ คุณเลี่ยงน่ะสนใจเราอยู่ ทำไมไม่ลองคบๆคุยๆกันดูล่ะ! ถ้าไปได้สวย คบกันสักพักก็แต่งงานกันเลยเป็นไง”
ได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็โมโหทันใด