ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1685 : 300 ปีผ่านไป ทะเลกลายเป็นทุ่งนา

ตอนที่ 1685 : 300 ปีผ่านไป ทะเลกลายเป็นทุ่งนา

“ หลังจากที่พักผ่อนเสร็จแล้วเราจะเดินทางกัน ” จางหยูพูดขึ้นมา
คนอื่นจำเป็นต้องพัก ความเหนื่อยล้าทางร่างกายอาจจะใช้จิตผู้สร้างฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่ความเหนื่อยล้าทางจิตนั้นจะต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูมัน
ยิ่งไปกว่านั้น จางหยูก็ออกจากสำนักคังเฉียงมานานแล้ว เมื่อได้กลับมาก็เป็นธรรมดาที่เขาไม่คิดจะเดินทางออกมาในทันที
จางหยูสร้างรูหนอนขึ้นมาและเดินทางไปพร้อมกับจ้านเทียนเกอและคนอื่นๆเพื่อไปยังโลกป่า
“ นี่คือโลกขั้น 9 ที่ข้าได้สร้างขึ้นมา” จางหยูไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดขึ้น “ หากพวกเจ้าสนใจก็อยู่ที่นี่ไปก่อนได้ แน่นอนว่าพวกเจ้าจะไปยังโลกสวรรค์ร้างก่อนก็ได้ จากนั้นข้าจะเดินทางไปหาพวกเจ้าที่นั่น”   เมื่อได้ยินจางหยูบอกมาว่าโลกป่าคือโลกที่จางหยูสร้างขึ้นมา จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆก็พากันสนใจขึ้นมา พวกเขาต่างก็บอกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่
จางหยูพยักหน้าและบอกกับทุกคน “ งั้นพวกเจ้าก็ดูแลตัวเอง ข้าจะไม่พูดไร้สาระ ก่อนที่จะออกเดินทางข้าจะแจ้งกับพวกเจ้า”
จ้านเทียนเกอและหลินเป่ยชานได้เดินทางออกไปทันที
จางหยูและเกลดันได้เดินทางไปยังสำนักคังเฉียง
“ นี่คือสำนักที่เจ้าสำนักก่อตั้งขึ้นมารึ ?” เกลดันมองไปที่สำนักคังเฉียง เขารับรู้ได้ถึงอาจารย์และศิษย์ภายในสำนัก สีหน้าของเขาแสดงความสงสัยออกมา
“ หากพูดให้ถูกต้องแล้วนี่คือสำนักที่พ่อข้าก่อตั้งขึ้นมา” จางหยูพูดขึ้น “ เพราะเหตุผลบางอย่างจึงทำให้สำนักตกต่ำลง สุดท้ายข้าก็กลับมาพัฒนามันอีกรอบ..” แน่นอนว่าถึงแม้ว่าสำนักคังเฉียงจะไม่ตกต่ำลง แต่สำหรับคนส่วนมากแล้วมันก็แทบไม่ต่างจากการตกต่ำเลย
เกลดันคิดว่าที่ที่นี่ไม่มียอดฝีมือเพราะการฟื้นฟูสำนักขึ้นมาใหม่ เขาไม่คิดเลยว่าสำนักคังเฉียงตอนนี้คือการพัฒนาถึงขีดสุดของมันแล้ว
หลังจากที่มาถึงสำนัก จางหยูก็ได้เรียก ผานกู่, หงจวินและหยวนฉิงเข้าพบ
ทั้งสามคนรีบเดินทางมาทันที
“ เจ้าสำนัก”
“ เจ้าสำนัก”
“ ศิษย์ข้า “
ทุกคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับยิ้มทักทายจางหยู
“ เขาเป็นใครกัน ?” หยวนฉิงมองไปที่เกลดันด้วยความสงสัย
“ ศิษย์รึ ?” เกลดันสับสนอย่างมาก เจ้าสำนักเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 แต่ชายคนนี้ที่ไม่มีแม้แต่จิตผู้สร้างที่แท้จริงกลับเรียกเจ้าสำนักว่าศิษย์
“ นี่คือเกลดัน สหายที่ข้าเจอในความโกลาหล ” จางหยูเองก็ให้เกียรติเกลดัน
สหาย คำนี้ทำให้เกลดันรู้สึกดีอย่างมาก มันจะน่าภูมิใจแค่ไหนกันที่ถูกผู้ควบคุมขั้น 9 เรียกว่าสหาย ?
ต้องรู้ก่อนว่าฐานะที่แท้จริงของเขาคือทาส !
เกลดันพอใจอย่างมาก เขาถึงกับภูมิใจแต่ก็ไม่อาจแสดงมันออกมาได้ เขาสุภาพต่อหยวนฉิงและคนอื่นๆอย่างมาก เขาได้ป้องมือและพูดขึ้น “ ข้าเกลดัน ข้าคอยรับใช้เจ้าสำนัก ยินดีที่ได้พบกับทุกคน “ แม้ว่าความแข็งแกร่งของคนพวกนี้จะอ่อนแออย่างมาก แต่เจ้าสำนักก็เหมือนจะให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้ เป็นธรรมดาที่เกลดันจะไม่ดูหมิ่นคนพวกนี้
“ นี่คือเทพผานกู่, หงจวินและอาจารย์ของข้า หยวนฉิง” จางหยูแนะนำ “ พวกนี้คอยช่วยเหลือข้าไว้มากโดยเฉพาะอาจารย์ของข้าหากไม่มีเขาแล้วข้าคงไม่ประสบความสำเร็จเฉกเช่นวันนี้ ”
เมื่อได้ยินที่จางหยูบอกมา หยวนฉิง, ผานกู่และหงจวินต่างก็พากันอุ่นใจ
เกลดันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ดูหมิ่นทั้งสามคน
“ ท่านเกลดัน” ตอนนั้นหยวนฉิงลังเลและได้ถามขึ้นมา “ ข้าขอถามทีว่าท่านเป็นผู้ควบุคมขั้น 8 รึ ?” เขาเห็นตราที่อกของเกลดัน
ผานกู่และหงจวินไม่ได้รู้จักตรานั้น แต่เมื่อได้ยินที่หยวนฉิงพูดมา พวกนั้นถึงได้สังเกตเห็น “ ผู้ควบคุมขั้น 8 รึ ! ”
เกลดันพยักหน้าตอบรับ “ ใช่ !”
คำตอบของเขาเรียบง่ายเพราะต่อหน้าเจ้าสำนักแล้วผู้ควบคุมขั้น 8 นั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย นอกจากนี้แค่หลินเป่ยชานก็ยังเอาชนะเขาได้แล้ว นี่ไม่ต้องนับจ้านเทียนเกอที่เป็นผู้นำขั้น 8 เลย
“ งั้น…” หยวนฉิงมองไปที่จางหยู “ศิษย์ข้า เจ้าเป็นผู้ควบคุมขั้น 7 รึ ?”
จางหยูหัวเราะออกมา “ เรื่องนี้ไม่อาจจะมีใครกล้าโกหกได้ “
ตอนนั้นเองหยวนฉิง, ผานกู่และหงจวินต่างก็ตกตะลึง
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เข้าใจฐานะผู้ควบคุม พวกเขาไม่รู้จักตรานี้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ มียอดฝีมือคนอื่นๆเดินทางมาที่โลกป่ารวมถึงซานเหอและเหยียนอู้ อีกทั้งยังมีซางอี๋ว์,อู๋ยงและคนอื่นๆด้วย การมาถึงของคนเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้ข้อมูลเรื่องนี้ไปด้วย พวกเขาได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับโกลาหล
“ มันกลับเป็นว่าอู๋ยงน่ะพูดความจริง ” หยวนฉิงพึมพำออกมา
เขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะประสบความสำเร็จถึงระดับนี้ได้ !
“ อู๋ยงรึ ?” จางหยูแปลกใจ “ พวกเขามาถึงโลกป่าแล้วรึ ?”   หยวนฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “ ไม่นานมานี้มียอดฝีมือสองคนมาที่โลกป่า ตอนแรกพวกเราคิดว่าเป็นศัตรูที่บุกรุกเข้ามา จากนั้นพวกเขาก็อธิบายเป้าหมายในการมาที่นี่ เราจึงพบว่าเราตื่นตัวเกินเหตุ พวกเขาพูดถึงเจ้าด้วย เนื้อหาฟังดูลึกลับจนเราคิดว่ามันไม่ใช่ความจริง ”
จางหยูกระจ่างทันที
“ก่อนที่ซางอี๋ว์และอู๋ยงจะมาที่นี่ก็ยังมีคนอื่นเดินทางมาที่นี่ด้วย” หยวนฉิงได้พูดขึ้น “ มีคนที่บอกว่าเขาคือเหล่าเหอ เขาบอกว่าเขาเป็นสหายของเจ้า ตอนนี้เขากับคนอื่นๆได้พักอยู่ที่เมืองทะเลทราย มันยังมี…”
เมื่อพูดไปแล้วหยวนฉิงก็มองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ มีอะไรกัน ? ” จางหยูถามขึ้นมา
“ มีชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นนายน้อยของโลกจิตวิญญาณ เขาได้พาผู้สร้างหลายคนมากับเขาด้วยรวมถึงผู้กุยหยวนจำนวนมาก ” หยวนฉิงพูดขึ้น  เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็นึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับเขา
“ ที่ท่านจะบอกคือ…เขาคือเนี่ยเวิ่นสินะ ?”
“ ใช่ เขานั่นแหละ” หยวนฉิงมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าแปลกๆ “ เอาจริงๆแล้วข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมีงานอดิเรกรับลูกบุญธรรมแบบนั้น…”
“ อะไรนะ ?” จางหยูแทบทรุดลงกับพื้น
“ เขาไม่ใช่ลูกเจ้ารึ ?” หยวนฉิงถามขึ้นมา “ แต่จากที่เขาบอกมาตอนแรกข้าก็สงสัยในคำพูดของเขา คิดว่าเขาอยากจะได้ฐานะพิเศษในโลกป่า ไม่คิดเลยว่าเขาถึงกับยอมช่วยพัฒนาสำนักคังเฉียงโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ศิษย์ของเจ้ารวมถึงศิษย์และอาจารย์คนอื่นๆต่างก็ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ทรัพยากรรวมถึงหินแห่งการสร้างและสมบัติอื่นๆต่างก็ได้รับมาจากเขาโดยที่เขาไม่ได้หวังอะไรตอบแทน…” หยวนฉิง ที่เป็นอาจารย์ของ จางหยู ก็ได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน
จางหยูอึ้ง
“ เจ้าไม่เห็นรึว่าศิษย์และอาจารย์ในสำนักนั้นพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ? “ หยวนฉิงพูดขึ้น “ ตอนนี้คนส่วนมากในสำนักได้ขึ้นเป็นกุยหยวนขั้นสูงสุดแล้ว หลายคนเกือบขึ้นเป็นผู้สร้างแล้ว เหลือแค่สร้างโลกขั้นที่ 9 ขึ้นมา…พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้สร้าง !”
หยวนฉิงเองก็ตะลึง “ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต้องบอกว่าคือผลงานของเนี่ยเวิ่น บอกได้ว่าที่สำนักพัฒนาขึ้นมาก็เป็นเพราะเขาด้วย”
“ นี่มัน…”
“ จริงสิ ตอนนี้เขาพักอยู่ที่บ้านพักเจ้า พ่อแม่เจ้าเอ็นดูเขาอย่างมาก พวกเขาทำอย่างกับเด็กนั่นเป็นหลาน…” หยวนฉิง ชี้ไปที่บ้านพัก “ น้องเจ้าก็เล่นกับเขาทั้งวัน…ทั้งสำนักต่างก็ยอมรับในตัวเขาว่าเป็นคนของสำนักเช่นกัน”   ปากของจางหยูกระตุกไปตาม
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเนี่ยเวิ่นจะมาที่โลกนี้และบอกว่าเป็นลูกบุญธรรมของเขา แต่ตอนนี้เขาจะพูดอะไรได้ เขาได้แต่ถามขึ้นมา “ ท่านบอกว่าพวกเขาได้กลายเป็นผู้สร้างและสามารถสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาได้แล้วรึ ?”
เขาตรวจสอบโลกตันเถียนตลอดแต่ไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้เลย
“ ไม่แปลกเลยที่ข้าไม่เห็นพวกเขาในโลกตันเถียน…” จางหยูพึมพำออกมา
เขาไม่คิดเลยว่าเขาเดินทางออกไปแค่ไม่กี่ร้อยปีแต่สำนักคังเฉียงกลับเปลี่ยนแปลงไปมากแบบนี้ คนที่เขาเคยเป็นห่วงกลับกลายเป็นผู้สร้างไปแล้ว
ตอนนี้จางหยูก็รู้สึกราวกับว่าได้กลายเป็นเซียนจริงๆ เวลาหลายร้อยปีนี้จะบอกว่านานก็ไม่นาน จะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้นแต่สำหรับสำนักคังเฉียงแล้วเวลานี้มีค่าอย่างมาก
“ แล้วท่านเจียงล่ะ ? เขาอยู่ที่นี่รึไม่ ?”จางหยูถามขึ้นมา
หยวนฉิงพยักหน้า “ ท่านเจียงมาที่นี่ตั้งแต่ต้นและยังนำผลโกลาหลมาด้วย 10,000 ผล ”
“ ดีแล้ว” จางหยูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ พวกศิษย์ที่สร้างโลกขั้น 9 ขึ้นมานั้นได้ใช้ผลโกลาหลรึไม่ ? ”
หยวนฉิงลังเลก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ก่อนที่พวกเขาจะสร้างโลกขั้นที่ 9 ข้าได้แนะนำพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง อู่โม่, เย่ฟาน, เซียวเหยียน, เติ้งชิวฉานและคนอื่นๆต่างก็เลือกที่จะสร้างโลกขึ้นมาแบบไม่ใช้ผลโกลาหล แม้แต่เซียนเหยียนอีกคนก็ไม่คิดจะใช้เช่นกัน”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท