บทที่ 183 ไปดูตัวอย่างคาดไม่ถึง!
ไม่รู้เหมือนกันว่าจูบนี้มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่สติของเธอก็ยังคงต่อสู้กันไม่หยุด
แล้วก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนจิ้นเฟิงเฉินหยุดจูบนั้นลง เขาก็ปล่อยตัวเจียงสื้อสื้อออก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง : “นี่คุณกำลังจะทรมานผมนะ!”
ต่อมา จิ้นเฟิงเฉินก็พุ่งเข้าห้องอาบน้ำไป ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะทำอะไรเจียงสื้อสื้อก่อนแต่งงานแน่นอน
เจียงสื้อสื้อที่มองตามแผ่นหลังเขาไป ก็มีน้ำตาคลอวาดผ่านหางตาของเธอล้นออก
ถึงเธอจะชอบเขามากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่แอบชอบเท่านั้น…ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางจะอยู่ด้วยกันได้หรอก
……
ในคืนนั้นเอง เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าก็นอนอยู่ในห้องเดียวกัน ส่วนจิ้นเฟิงเฉินก็ยังคงนอนอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม
ทั้งคืนนั้น เจียงสื้อสื้อไม่อาจนอนหลับได้เลย เธอโอบกอดเสี่ยวเป่าไว้เบาๆ พลางรู้สึกทั้งทุกข์ใจ อาลัย และอารมณ์หลากหลายอย่างที่พุ่งเข้ามาจนเอ่อล้นหัวใจ
……
วันต่อมา ขณะที่ตื่นนอนนั้น เจียงสื้อสื้อก็หวนกลับไปคิดฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานอย่างเหม่อลอย พลางรู้สึกราวกับว่าฝันไปยังไงยังงั้น
ไม่สิ ช่วงนี้ทุกอย่างมันก็เหมือนฝันไปทั้งนั้น แต่ตอนนี้ต้องตื่นจากฝันได้แล้ว…เรื่องระหว่างพวกเธอมันได้จบลงแล้ว
เสี่ยวเป่าที่นอนอยู่ข้างๆ เธอก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา หนุ่มน้อยนอนอยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้ออย่างเกียจคร้าน พลางพูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มว่า : “อรุณสวัสดิ์ครับน้าสื้อสื้อ”
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเสี่ยวเป่าในตอนนี้รู้สึกมีความสุขมากแค่ไหน ถ้าหากทุกวันหลังจากนี้สามารถตื่นมาได้แบบนี้ก็คงจะดี! เขาจะต้องทำให้แด๊ดดี้รีบแต่งงานกับน้าสื้อสื้อให้ได้ หากเป็นแบบนั้นตัวเขาเองก็จะได้อยู่กับน้าสื้อสื้อทุกวัน
“อรุณสวัสดิ์จ้ะเสี่ยวเป่า” เจียงสื้อสื้อยิ้ม
ต่อมาเธอก็อุ้มเสี่ยวเป่าไปอาบน้ำ หลังจากที่เธอออกจากห้องมา เธอก็พบว่าบนโต๊ะอาหารมีอาหารหลากหลายวางอยู่อย่างเต็มโต๊ะ ซึ่งเป็นของที่จิ้นเฟิงเฉินสั่งให้ผู้ช่วยซื้อมาให้
ขณะที่กำลังกินข้าวเช้ากันอยู่นั้น เสี่ยวเป่าก็ถามขึ้นว่า : “น้าสื้อสื้อครับ วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับ! หรือว่าจะพักอยู่ที่บ้านกันดีล่ะครับ?”
ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวหรืออยู่ที่บ้าน ขอเพียงน้าสื้อสื้ออยู่ด้วยกันกับเขา แค่นี้เสี่ยวเป่าก็มีความสุขแล้ว
แววตาของเจียงสื้อสื้อหลุกหลิกอยู่เบาๆ เป็นเพราะหน้าผากของเธอได้รับบาดเจ็บ จึงต้องลางานไปสองวัน แต่ตอนนี้นั้น…
“ขอโทษด้วยนะจ้ะเสี่ยวเป่า พอดีน้ามีธุระที่บริษัทน่ะ เดี๋ยวให้แด๊ดดี้เป็นคนส่งเสี่ยวเป่าไปโรงเรียนนะ!”
“หือ? ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ!”
เสี่ยวเป่ารู้สึกหดหู่เล็กๆ แต่ก็ยังเชื่อฟังไม่ได้โหวกเหวกอะไรขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ซูซานเป็นคนของเขา ตอนนี้เจียงสื้อสื้อเองก็ได้รับบาดเจ็บ หากอิงกันตามเหตุผลแล้ว ถ้าหากมีเรื่องอะไรที่บริษัทก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะไปรบกวนอะไรเจียงสื้อสื้อได้เลย แต่ตอนนี้เจียงสื้อสื้อกลับพูดว่าที่บริษัทมีธุระเสียยังงั้น
ชั่วขณะนั้นเอง จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกถึงบางอย่างประหลาดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับถามเธอไปว่า : “ไม่ปวดแผลแล้วหรือ?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหัว “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ”
สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้ห้ามเจียงสื้อสื้อไม่ให้ไปที่บริษัท หลังจากกินข้าวเช้ากันเรียบร้อย เขาก็พาเสี่ยวเป่าไปส่งที่โรงเรียน ต่อจากนั้นก็พาเจียงสื้อสื้อไปส่งที่บริษัท
หลังจากถึงที่บริษัท จิ้นเฟิงเฉินก็พูดขึ้นมาว่า : “ผมอาจจะมารับดึกหน่อยนะครับ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวตอนดึกฉันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอยู่อีก คุณจัดการงานของคุณให้เสร็จก็ได้นะคะ!” เจียงสื้อสื้อพูด จากน้ำเสียงก็ฟังไม่ออกเลยว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
จิ้นเฟิงเฉินพินิจเจียงสื้อสื้อไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ว่าก็พุ่งเข้ามาในใจของเขาอีกครั้ง แต่จะให้บอกว่าตรงไหนที่มันผิดปกติไปนั้น ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดี
“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องอะไรให้รีบโทรหาผมเลยนะ”
“อืม” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ก่อนจะยืนมองส่งจิ้นเฟิงเฉินขับรถจากไป ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก พร้อมอารมณ์ที่สลับซับซ้อนไปมา
“นี่พี่สื้อสื้อ เขาไปตั้งนานแล้ว พี่จะยืนมองอะไรอยู่น่ะหือ?” พลันสวีหน้าก็เดินมาตบไปที่บ่าของเจียงสื้อสื้อเบาๆ เจียงสื้อสื้อเองก็ตกใจจนได้สติกลับมา
“นั่นเป็นรถของประธานจิ้นใช่ไหม? ชิ พี่สื้อสื้อ รีบบอกฉันมาเลยนะว่าพวกพี่น่ะพัฒนากันไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
สวีหน้าถามเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจียงสื้อสื้อเองก็ทำเพียงเหลือบมอง แล้วทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัท
พอเห็นว่าเธอไม่สนใจที่จะคุยหัวข้อดังกล่าว สวีหน้าจึงทำได้เพียงพูดเรื่องอื่นไปแทน
“อ้อ ใช่แล้วพี่สื้อสื้อ บาดแผลของพี่ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
สวีหน้าประคองมือของเจียงสื้อสื้อขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “อ้อ แล้วก็มีเรื่องที่ต้องบอกพี่อีกเรื่องหนึ่งนะ ว่าหันจิ้งน่ะถูกไล่ออกไปแล้วนะ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้พี่คงไม่มีอะไรมาขัดลูกตาที่บริษัทนี้อีกแล้วล่ะ เป็นยังไงบ้างล่ะคะ? ดีใจไหม?”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็นิ่งไป
“เป็นเพราะพี่อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่สิคะ!” สวีหน้าพยักหน้า “มาลงมือกับเพื่อนร่วมงานอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ก็ต้องถูกไล่ออกแน่นอนอยู่แล้วล่ะ!”
เจียงสื้อสื้อตะลึงไปชั่วขณะ ถึงวิธีที่หันจิ้งทำจะไม่ถูกก็ตาม แต่จะพูดอย่างไรเธอก็เป็นถึงพนักงานเก่าของบริษัทนี้ หากไปขอร้องอะไรกับซูซานก็คงไม่ถึงกับถูกไล่ออกใช่ไหม?
พอรู้สึกได้ว่าเจียงสื้อสื้อกำลังสงสัย สวีหน้าก็รีบอธิบาย : “ได้ยินมาว่าเรื่องนี้ไปเข้าหูประธานบริษัทเข้าน่ะ ประธานบริษัทก็เลยตัดสินใจไล่หันจิ้งออก ระเบียบข้อบังคับของที่บริษัทจิ่นเส้อก็เข้มงวดมาตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหันจิ้งก็เลยถูกเด้งออกไปโดยปริยายเลย”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็ผงกหัวเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้เอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจอีก
เพราะปัญหาของเธอตอนนี้คือเรื่องของเธอกับจิ้นเฟิงเฉินต่างหาก……
เจียงสื้อสื้อเข้าใจดี ว่าถ้าหากตัวเองเสนอตัดความสัมพันธ์กับจิ้นเฟิงเฉินล่ะก็ เขาต้องไม่ตอบรับแน่ๆ แต่ถ้าหากต้องอยู่กับเขาต่อไป ไม่ช้าก็เร็วซูชิงหยิงคงต้องบอกเรื่องนั้นกับเขาไปแน่
เธอไม่อยากให้จิ้นเฟิงเฉินต้องมารู้เรื่องที่ตัวเธอเองเคยมีลูกมาก่อน เธอไม่คิดเลยสักนิด……
ทั้งวันนี้ ในหัวของเจียงสื้อสื้อคิดอะไรต่างๆ ผสมปนเปไปหมด จนกระทั่งถึงเวลาบ่าย เธอก็ตัดสินใจได้แน่วแน่ ว่าเธอต้องหาวิธีไปดูตัว แล้วต้องรีบหาแฟนให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปลอมก็ตาม แต่ขอเพียงตัดความคิดจากจิ้นเฟิงเฉิน ตัดความคิดของตัวเองได้ จะทำยังไงก็ได้ทั้งนั้น……
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อก็เข้าเว็บหาคู่ทันที จากนั้นก็ใส่ข้อมูลของตัวเองลงไป แล้วเว็บหาคู่นั้น ก็จะคัดเลือกคู่ที่เหมาะสมจากข้อมูลของเธอเอง
พอตกเย็น เจียงสื้อสื้อก็เก็บข้าวเก็บของเตรียมจะเลิกงาน ทันใดนั้นก็ได้รับสายจากในเว็บไซต์ที่โทรมาหาเธอสองสาย ซึ่งแต่ละคนอยู่ที่เมืองนี้ และสามารถนัดได้
เจียงสื้อสื้อเองก็เห็นด้วย จึงนัดพบกันเรียบร้อย
จริงๆ แล้วในใจของเธอก็รู้สึกกลัว เพราะอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า ถ้าหากไปเจอทั้งอย่างนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
นอกจากความกลัวแล้ว เธอเองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน แต่จะมาถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว คงจะต้องพาสวีหน้าไปด้วยเท่านั้น
เมื่อตอนเช้าสวีหน้ายังรู้สึกอิจฉาความรักระหว่างเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินอยู่เลย เพราะคนหนึ่งก็เป็นประธานบริษัทที่มีอำนาจล้นมือ ส่วนอีกคน…ถึงแม้จะพูดได้ว่าพี่สื้อสื้อเป็นคนที่โดดเด่นมาก แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าทั้งสองคนอยู่คนละโลกได้นะ
แต่ว่าทั้งสองคนก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่ดีนั่นล่ะ!!!
จะพูดว่ายังไงดีล่ะ? สวีหน้ารู้สึกว่าความรักของทั้งสองคนนั้น ราวกับเรื่องราวในนิยายเลย
ไม่ต้องพูดเลยว่าตัวเธอรู้สึกอิจฉามากแค่ไหน แต่พอได้ยินว่าเจียงสื้อสื้อจะไปดูตัวเท่านั้น เธอก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ ด้วยอาการตกตะลึงไปอย่างนั้น
“ไม่สิ พี่สื้อสื้อ ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? พี่จะไปดูตัวเนี่ยนะ!”
เพราะในห้องทำงานยังมีพนักงานอยู่อีกสองสามคน เจียงสื้อสื้อจึงรีบเอามือไปปิดปากของเธอเอาไว้ ก่อนจะส่งสัญญาณให้สวีหน้าสงบลง
“ฟังไม่ผิดหรอก พี่จะไปดูตัวจริงๆ เอาล่ะ เธอพอจะมีเวลาว่างไปด้วยกันกับพี่หน่อยไหมล่ะ?”
“ไม่ใช่สิพี่สื้อสื้อ พี่กับประธานจิ้นไม่ได้คบกันอยู่หรือคะ? แล้วตอนนี้พี่กลับมาบอกฉันว่าจะไปดูตัวเนี่ยนะ”
“พี่กับประธานจิ้นไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรก่อนหน้านี้อยู่แล้ว” เจียงสื้อสื้ออธิบาย