บทที่ 193 งานวันคล้ายวันเกิดของคุณปู่
อีกฝั่งของทางจิ้นเฟิงเฉิน หลังจากกลับไปแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็กำลังเล่นเกมกับเสี่ยวเป่าอยู่ พอเห็นว่าพี่ชายของตนกลับมาแล้วก็เอ่ยปากทักทายขึ้น
“พี่ชาย กลับมาแล้วเหรอ!”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจ ถอดเสื้อคลุมออกโยนไปอีกทาง เกมก็จบพอดี จิ้นเฟิงเหราช้อนตาขึ้นมองก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของพี่ชายตนไม่ค่อยดีนัก
เสี่ยวเป่ารู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ทั้งสองสบตากันพักหนึ่ง ก่อนที่จิ้นเฟิงเหราจะเอ่ยปากถามออกมา “พี่ชาย เป็นอะไรไป? ที่งานเลี้ยงไม่ค่อยราบรื่นเหรอ?”
ลูกค้าคนไหนที่กล้ามาทำให้พี่อารมณ์เสียกันนะ?
จิ้นเฟิงเหราเกิดความสงสัยขึ้นมา ก่อนจะได้ยินคำถามจากจิ้นเฟิงเฉิน “นายสั่งให้ซูซานมอบหมายงานหลายชิ้นให้เจียงสื้อสื้อทำเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรก เจียงสื้อสื้อร่างกายแข็งแรงอยู่ดีๆแต่กลับล้มป่วยได้ ตอนนี้เขาเข้าใจขึ้นมาแล้ว จิ้นเฟิงเหราพยักหน้ารับ
“ใช่สิ! อย่างนี้พี่สะใภ้จะได้ไม่มีเวลาไปนัดดูตัวแล้วไงล่ะ!”
“ใครให้นายสอดมือเข้ามายุ่ง” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนวานกับวันนี้เขาปรากฏตัวทันแล้วเจียงสื้อสื้อกระเพาะอักเสบขึ้นมา สวีหน้าก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วเธอจะเป็นอย่างไรไป?
แล้วยังมีประธานหลิววันนี้อีก ถ้าหากตนไม่ไปร่วมงานเลี้ยงล่ะก็ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเจียงสื้อสื้อ มือไม้สกปรกแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่จะตามมา
ตอนแรกจิ้นเฟิงเหราคิดว่าตนจะได้รับคำชม แต่เห็นสีหน้าที่น่ากลัวของพี่ชายตนแล้ว จึงทำได้เพียงแค่กล้าๆกลัวๆเอ่ยปากถามขึ้น “พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หรือว่าพี่ชายตนอยากให้พี่สะใภ้ไปนัดดูตัว? คงไม่ใช่หรอกมั้ง!
เสี่ยวเป่านั่งมองอยู่ข้างๆด้วยความงุนงง เขากะพริบตาเหมือนอยากพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ที่จริงแล้วจิ้นเฟิงเฉินแค่ต้องการอาละวาด ในใจเขารู้สึกไม่พอใจ แต่ก็รู้สึกว่าคงจะไม่มีผลอะไร เพราะภายหลังอย่างไรก็คงจะมีผู้ชายเข้ามาข้องเกี่ยวกับเจียงสื้อสื้ออยู่ดี
เขาเม้มปากแน่น แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
มองเห็นว่าพี่เขามีใบหน้าที่มืดมนแล้วก็ทำให้จิ้นเฟิงเหราตกใจมาก ดังนั้นเลยรีบรับผิดออกมา
“พี่ชาย ผมสั่งให้ซูซานลดภาระงานของพี่สะใภ้ลงแล้ว ต่อไปจะไม่ให้พี่สะใภ้เหนื่อยหนักแน่นอน”
เธอเหนื่อยจนล้มป่วยไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินคิดในใจ สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “มอบหมายลูกค้าที่น่าเชื่อถือได้ให้กับเธอ ลูกค้าที่คิดไม่ซื่ออย่าให้เห็นแม้แต่คนเดียว”
“ผมรู้แล้ว พี่”
จิ้นเฟิงเหราตบหน้าอกตนเป็นเชิงให้ไว้วางใจได้ ในใจของเขากำลังคาดเดาไปต่างๆนาๆ หรือว่าวันนี้พี่ชายไปงานเลี้ยงแล้วเห็นว่าพี่สะใภ้กำลังคุยงานกับลูกค้าอยู่ และลูกค้าก็คิดไม่ซื่อกับพี่สะใภ้?
ใครคนไหนที่กล้าขนาดนี้กัน!
จิ้นเฟิงเฉินเดินขึ้นบันไดไปแล้ว มองตามหลังของเขาไป ก่อนจะคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ จิ้นเฟิงเหรายังคงหวาดกลัวอยู่
เขาคิดในใจว่า ต่อไปนี้ให้พี่สะใภ้คุยงานกับลูกค้าผู้หญิงก็พอแล้ว
เสี่ยวเป่ากะพริบตาสองที ก่อนจะถามขึ้น “คุณอา แด๊ดดี๊เป็นอะไรไปเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราส่ายหัวบ่งบอกว่าไม่ทราบเหมือนกัน
เสี่ยวเป่าถอนหายใจออกมา “คุณอา เมื่อไหร่พวกเราจะได้เจอกับน้าสื้อสื้อกัน เมื่อกี้คุณอาโพสต์วีแชทแล้วไม่ใช่เหรอ น้าสื้อสื้อเห็นหรือยัง? หรือว่าน้าไม่ชอบผมแล้ว”
นี่ก็ผ่านไปไม่รู้กี่วันแล้ว อย่าถามว่าเสี่ยวเป่าเสียใจขนาดไหน ทุกวันนี้ยังคิดถึงอ้อมกอดของน้าสื้อสื้อ คิดถึงรสชาติอาหารที่น้าสื้อสื้อทำ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นน้าสื้อสื้อ”
“เด็กน้อย คำถามนี้คงต้องไปถามแด๊ดดี๊แล้วล่ะ”
ถามแด๊ดดี๊? เสี่ยวเป่าส่ายหัวไปมา คิดถึงลักษณะที่แทบจะระเบิดออกมาของแด๊ดดี๊เมื่อครู่นี้แล้ว ทั้งสองจะกล้าไปถามได้อย่างไร!
เสี่ยวเป่าถอนหายใจออกมาหนักๆ แด๊ดดี๊ทะเลาะกับน้าสื้อสื้อก็ว่าไป ทำไมถึงต้องทำให้ตนอดเจอกับน้าสื้อสื้อด้วย ตนเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย……
……
วันรุ่งขึ้น เจียงสื้อสื้อไปบริษัททั้งๆที่ขอบตาดำคล้ำ เธอบอกเล่าเรื่องเมื่อคืนอย่างคร่าวๆให้กับซูซานฟัง
“ผู้จัดการซูคะ ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี? โครงการนี้ดูท่าว่าจะล้มเหลวแล้ว”
ซูซานได้รับคำสั่งจากจิ้นเฟิงเหราแล้ว ก่อนที่จะพูดคุยเรื่องโครงการนี้เธอก็ไม่รู้มาก่อนว่าประธานหลิวจะเป็นผู้ชายแบบนั้น โชคดีที่เจียงสื้อสื้อไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นซูซานคงจะให้ตำแก้ตัวกับจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันได้ยินสวีหน้าพูดแล้ว ประธานหลิวคนนั้นไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เดี๋ยวไว้ฉันจะมอบหมายโครงการใหม่ให้เธอ” ซูซานเอ่ย
“ขอบคุณมากค่ะผู้จัดการซู” ตอนแรกเจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เคลียร์ได้แล้วก็โล่งใจ เธอกำลังเตรียมตัวจะออกจากห้องทำงานไป แต่ก็นึกถึงเรื่องที่คุณท่านตระกูลฉินพูดขึ้นมาเมื่อวานได้ เลยเอ่ยออกมา “ผู้จัดการซูคะ พอดีพรุ่งนี้ฉันมีธุระบางอย่าง เลยอยากจะลาหยุดหนึ่งวันค่ะ”
ซูซานกลับไม่ได้ถามอะไรต่อ และตอบตกลงอย่างง่ายดาย หลังจากที่เจียงสื้อสื้อเดินจากไปแล้ว เธอถึงจะรายงานต่อไปยังจิ้นเฟิงเหรา เพราะทุกๆการกระทำของเจียงสื้อสื้อล้วนสำคัญทั้งสิ้น
……
หลังจากที่ได้ยินว่าเจียงสื้อสื้อจะลาหยุดหนึ่งวัน จิ้นเฟิงเหราก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าเธอจะไปนัดเดต? ไม่ใช่หรอกมั้ง……
ถึงแม้ว่าจะสงสัย แต่แค่เพียงชั่วพริบตาจิ้นเฟิงเหราก็ลืมเรื่องนี้ไปโดยสนิท เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณท่านตระกูลฉินแล้ว เขายังต้องเตรียมงานอีกมาก เช่นเตรียมของขวัญให้กับคุณแม่ของสาวในดวงใจของเขา……
ตอนนี้จิ้นเฟิงเหรากำลังอยู่ในห้องทำงาน เขามองไปยังพี่ชายก่อนจะเอ่ยปากถาม “พี่ พรุ่งนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณปู่แล้ว พี่จะไม่พาพี่สะใภ้ไปร่วมงานจริงๆเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินหลุบตาต่ำ ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่าจะแนะนำตัวเจียงสื้อสื้อให้กับคุณปู่อย่างเป็นทางการในวันนี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้……เจียงสื้อสื้อไม่ยอมแม้แต่จะพบหน้าเขา เธอจะยอมไปเจอคนในครอบครัวเขาได้อย่างไร
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกเสียดาย “ถ้าอย่างงั้นไปง้อพี่สะใภ้หน่อยไหม? นี่เป็นโอกาสสำคัญ ถ้าหากพี่สะใภ้พลาดไปก็คงน่าเสียดายแย่เลย”
ที่จริงแล้วจิ้นเฟิงเหรากังวลว่าพรุ่งนี้พี่ชายจะถูกคนในครอบครัวเร่งรัดเรื่องแต่งงาน เพราะพรุ่งนี้ซูชิงหยิงก็จะไปร่วมงานด้วย พี่สะใภ้ไม่อยู่ คุณปู่อาจจะให้พี่ชายจับคู่กับตระกูลซูก็ได้
“เธอไม่ไปหรอก” จิ้นเฟิงเหราเอ่ยออกมา
เขาเข้าใจนิสัยของเจียงสื้อสื้อดี ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร เธอก็คงจะไม่ไปงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้แน่นอน
ตอนที่ซูชิงหยิงเดินเข้าประตูเผอิญได้ยินบทสนทนานี้ของทั้งสองขึ้นมาพอดี นัยน์ตาของเธอมีรอยเยอะเย้ยขึ้น
ที่ตนไปหาเจียงสื้อสื้อก่อนหน้านี้นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ก็คงจะไม่มีการปรากฏตัวของเจียงสื้อสื้อเกิดขึ้น
คำพูดของคุณท่านตระกูลฉินก็ถือว่ามีน้ำหนักต่อจิ้นเฟิงเฉินอยู่บ้าง พรุ่งนี้เธอต้องเอาใจเขาให้ดี ถ้าหากคุณท่านตระกูลฉินสนับสนุนให้เธอและจิ้นเฟิงเฉินคบหากันนั้นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
……
วันถัดมา เจียงสื้อสื้อแต่งตัวอย่างพิถีพิถันคุณท่านตระกูลฉินดีต่อเธอมาก และเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเคารพท่านจากใจ ดังนั้นเธอเลยให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงวันนี้อย่างยิ่ง
แต่งตัวอย่างพิถีพิถันเสร็จแล้ว เจียงสื้อสื้อก็เดินทางไปร่วมงานเลี้ยง
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาว โรงแรมแห่งนี้ทุกชั้นล้วนถูกตระกูลฉินจองไว้แล้ว
งานเลี้ยงถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรางดงาม อีกทั้งแขกรับเชิญอีกมากมาย……ดูแล้วเป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่จริงๆ