บทที่ 199 จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาไว้
ณ โรงพยาบาล ห้องพักคนไข้
คุณหมอตรวจร่างกายของเจียงสื้อสื้อก่อนจะรายงานออกมา “คุณชายจิ้น คุณเจียงไม่มีปัญหาอะไรมาก เพียงแค่ได้รับการกระตุ้นอารมณ์อยากสุดขีดก็เท่านั้น ตื่นมาก็จะกลับมาเป็นปกติเอง”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งใจออกมา เพราะลักษณะเมื่อครูของเจียงสื้อสื้อทำให้เขากังวลว่าอาจจะได้รับความสะเทือนทางอารมณ์จนไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
เขามองใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ สีหน้าของเธอยังคงซีดขาวอยู่ นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
เรื่องอะไรที่ทำให้เธอคลั่งขึ้นมาได้ขนาดนี้นะ
อยู่ในห้องคนไข้สักพักจิ้นเฟิงเฉินก็เดินออกมา จิ้นเฟิงเหรารออยู่ที่ด้านนอก พอเห็นพี่ชายเดินออกมาแล้วจึงถามขึ้น “พี่ชาย พี่สะใภ้เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เป็นอันตรายแล้ว” พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ถามกลับ “งานเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“หลานซือเฉินและเจียงนวลนวลได้กลับไปแล้ว”
เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้ ทั้งสองจะยังกล้าอยู่ที่งานเลี้ยงต่อได้อย่างไร
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็เข้มขึ้น ก่อนที่เขาจะพูดเสียงเย็นขึ้น “ไปตรวจสอบมาว่าใครส่งบัตรรับเชิญให้กับพวกเขา”
ตระกูลหลานตระกูลเจียงและตระกูลฉินไม่เคยติดต่อกันมาก่อน ทั้งสองจะได้รับบัตรเชิญเข้างานได้อย่างไร? จิ้นเฟิงเฉินเม้มปากแน่น ก่อนจะครุ่นคิดวิเคราะห์ มีคนจงใจที่จะส่งการ์ดเชิญไปให้พวกเขาหรือพวกเขาหาวิธีหาบัตรมาเองและตั้งใจมาก่อความวุ่นวายในงาน?
“และก็ส่งคนไปติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาด้วย อย่าให้พวกเขาเข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับเจียงสื้อสื้อได้อีก……” พูดจบ นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินก็มีประกายความน่ากลัวขึ้น
จิ้นเฟิงเหราเข้าใจความหมายของประโยคนี้ขึ้นมาก่อนจะพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว”
พูดจบ เขาก็เหมือนมีบางอย่างที่จะบอกแต่ก็หยุดไว้ก่อน
“มีเรื่องอะไรอีก?” จิ้นเฟิงเหราเอ่ยถาม
“พี่ชาย เรื่องของคืนนี้ เกรงว่าพ่อแม่คงจะไม่สนับสนุนการคบกันของพี่และพี่สะใภ้แน่”
ปกติฉินมู่หลันและคุณพ่อจิ้นก็ไม่ค่อยชอบใจเจียงสื้อสื้ออยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เขากลับไม่รู้สึกอะไร สายตาของเขามีความแน่วแน่ขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “คนที่ฉันชอบ ใครจะขัดขวางก็ขัดขวางไม่ได้”
และจิ้นเฟิงเฉินเชื่อว่าพ่อแม่ของตนจะรับรู้ได้ถึงความดีของเจียงสื้อสื้อและจะยอมรับเธอได้แน่นอน
จิ้นเฟิงเหราก็รู้ดีเหมือนกันว่าพี่ชายคงจะไม่สนใจการกีดขวางของพ่อแม่แน่นอน แต่ที่สำคัญคือเจียงสื้อสื้อนี่สิ!
“พี่ชาย แต่ว่าพี่สะใภ้……ยังไม่ยอมเปิดใจเลย เรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกพี่ และคืนนี้เจียงนวลนวลก็ได้บอกไว้แล้วว่าเหตุเกิดเมื่อไหร่ คนที่อยากรู้จริงๆต้องไปสืบสวนต่อแน่นอน”
ทุกคนล้วนรู้ดี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆแน่นอน ไปสืบมาได้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคำครหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่ห้องพักคนไข้ที่เจียงสื้อสื้อพักอยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าเธอจะมีอดีตอย่างไร สำหรับฉันนั้นไม่สำคัญเลย”
เขาชอบเจียงสื้อสื้อ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด
จิ้นเฟิงเหราแทบจะซึ้งกับความรักของพี่ชาย หลายปีมานี้ เขาไม่เห็นพี่ปฏิบัติกับผู้หญิงคนไหนเช่นนี้มาก่อน
แต่ว่าคิดไปมาแล้วจิ้นเฟิงเหราก็ได้แต่ถอนหายใจ เขารู้สึกว่ากว่าที่ทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันคงต้องใช้เวลาอีกนาน หวังว่าทั้งสองจะยืนหยัดไปจนถึงวันนั้นได้!
จิ้นเฟิงเหราไม่ได้อยู่ต่อนานก็ออกจากโรงพยาบาลไป จิ้นเฟิงเฉินก็เดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
……
งานเลี้ยงนั้นเลิกราไปแล้ว เรื่องของเจียงสื้อสื้อทำให้แขกรับเชิญอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สนใจอะไร
แต่ว่าคุณพ่อจิ้นและคุณท่านตระกูลฉินกลับยังติดในใจ ฉินมู่หลันนึกว่าคุณท่านตระกูลฉินเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้น “คุณพ่อ อย่าโกรธไปเลย ผู้หญิงคนนั้นก็ชอบก่อเรื่องแบบนี้ล่ะ ยังไปก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงอีก”
ทุกครั้งที่ เจียงสื้อสื้อปรากฏตัวมักจะเกิดเรื่องขึ้นเสมอ ฉินมู่หลันยิ่งรู้สึกไม่ชอบเจียงสื้อสื้อมากขึ้นไปใหญ่
พอได้ยินแล้ว คุณท่านตระกูลฉินก็ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะตำนี่ “ลูกจะไปรู้อะไร ดูเด็กคนนั้นสิ เป็นเพราะได้รับการถูกทำลายอย่างสาหัสถึงกลายเป็นอย่างนั้นต่างหาก น่าสงสารมากเลย!”
ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับเจียงสื้อสื้อนั้น คุณปู่รู้สึกมาโดยตลอดว่าเธอเป็นคนที่สดใสร่าเริง ไม่คิดว่าเบื้องหลังจะมีเรื่องที่ซับซ้อนแบบนี้อยู่ ถูกตระกูลทอดทิ้ง ต้องคอยดูแลคุณแม่ที่ป่วยหนักอยู่ ไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เธอผ่านมันมาได้อย่างไร คุณปู่นอกจากจะไม่รังเกียจแล้วยังสงสารมากขึ้นไปอีก
ฉินมู่หลันคิดไม่ถึงว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คุณท่านตระกูลฉินจะยังปกป้องเจียงสื้อสื้ออยู่ ดังนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความขุ่นเคือง “คุณพ่อเพิ่งจะรู้จักกับเธอได้ไม่นานสักหน่อย เจียงสื้อสื้อต้องมีปัญหาทางจริยธรรมแน่นอน สิ่งที่น้องสาวเธอจะพูดออกมาต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ ไม่อย่างนั้นเธอจะคลุ้มคลั่งแบบนั้นได้อย่างไร”
ฉินมู่หลันตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องสืบหาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่มีวันให้ผู้หญิงเช่นนี้มาคบกับลูกของเธอเด็ดขาด
คุณท่านตระกูลฉินกระแอมเสียงเข้มออกมา “รู้จักไม่นานแล้วทำไม ฉันไม่เคยดูคนผิดหรอก”
อย่างไรก็ตาม คุณท่านตระกูลฉินเชื่อใจในตัวของเจียงสื้อสื้อว่านิสัยไม่ได้แย่อย่างแน่นอน
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินจากไป
“เฮ้อ คุณพ่อ ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปไหนอีก?” ฉินมู่หลันรีบถามขึ้นมา
“ไปเยี่ยมเด็กคนนั้นน่ะสิ”
เจียงสื้อสื้อเป็นลมอยู่ในงานเลี้ยงของตน อย่าถามว่าคุณปู่กังวลขนาดไหนเลย ถึงแม้ว่าจิ้นเฟิงเหราจะโทรศัพท์มารายงานแล้วว่าเจียงสื้อสื้อไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่คุณท่านตระกูลฉินก็ยังไม่วางใจ เขาต้องการที่จะไปดูด้วยตนเอง
“คุณพ่อ เฟิงเหราก็บอกแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก อีกทั้งเฟิงเฉินก็ยังเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ท่านจะไปทำไมกัน?”
ฉินมู่หลันต้องการที่จะรั้งไว้ แต่คุณพ่อกลับไม่ฟัง เธอก็ทำได้เพียงแค่ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ซูชิงหยิงมองคุณปู่และคุณแม่จิ้นที่เดินจากไปแล้วก็รู้สึกว่างานเลี้ยงวันนี้ตนเองนั้นไม่มีตัวตน ถูกมองข้ามไปสนิท
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ซูชิงหยิงก็โกรธจนทำลายข้าวของต่างๆมากมาย
เงาในกระจกที่สะท้อนออกมานั้นไร้ซึ่งความสวยงามอย่างสิ้นเชิง ซูชิงหยิงคิดว่างานเลี้ยงวันนี้จะไม่มีเจียงสื้อสื้อมาร่วมงาน ตนเองจะได้ใช้เวลาร่วมกับเฟิงเฉินและคอยเอาอกเอาใจคุณปู่อย่างเต็มที่
แต่นอกจากเจียงสื้อสื้อจะปรากฏตัวแล้ว คุณปู่ยังชอบเธอขนาดนั้นอีก ตอนแรกคิดว่าเจียงนวลนวลจะสามารถทำให้ทุกคนไล่เธอให้ออกจากงานไปได้ แต่ผลก็คือ……
เรื่องทั้งหมดล้วนอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ ซูชิงหยิงโกรธจนกัดฟันแน่น ที่เจียงนวลนวลเปิดโปงอดีตของเจียงสื้อสื้อไม่สำเร็จนั้น เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก