ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1690 : เจิ้งหลิว

ตอนที่ 1690 : เจิ้งหลิว

  จางหยูไม่ได้รีบร้อนจะเอาตราขั้น 8 อันที่จริงแล้วจางหยูอยากจะทะลวงผ่านไปขั้น 9 ก่อนแล้วจะรับการทดสอบขั้น 8 และ 9 พร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลา
แต่เมื่อมาอยู่ในโลกนภาใต้แล้ว เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทดสอบเอาตราขั้น 8
แต่หลักๆแล้วเขามาที่นี่เพื่อหาวังดอกไม้แดง หากมีเวลาเหลือเขาก็จะรับการทดสอบ หากเวลาไม่เพียงพอ เป็นธรรมดาที่เขาจะจัดการเรื่องวังดอกไม้แดงก่อน
จ้านเทียนเกอและเกลดันสับสน จางหยูมีความแข็งแกร่งของผู้ควบคุมขั้น 9 แต่ทำไมเขาถึงไม่มีแม้แต่ตราขั้น 8 ?
พวกเขาได้เดินทางไปยังชานเมืองที่ใกล้ที่สุด
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงเมืองเทียนเฉิง มันไม่ใช่เมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดได้อยู่ ผู้ควบคุมขั้น 7 ที่หาตัวได้ยาก แม้จะบอกว่ามีจำนวนมหาศาลไม่ได้แต่ก็ยังมีเต็มท้องถนน มันถึงกับมีผู้ควบคุมขั้น 8 ด้วย
จางหยูและคนอื่นๆเดินเข้าไปในเมือง ระหว่างทางนั้นมีผู้คนมากมายหันมาสนใจพวกเขา
ยังไงซะแม้แต่ในโลกนภาใต้นั้นผู้ควบคุมขั้น 8 ก็ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ผู้ควบคุมขั้น 8 สามคนกับขั้น 7 อีกหนึ่งคนนั้นถือว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง ใครบ้างที่จะกล้าดูถูกพวกเขา ?
“ นายท่าน…” เสี่ยวเสี่ยพึมพำออกมา “ ทำไมคนพวกนี้มองมาที่ท่านแปลกๆ ?”
จางหยูเองก็รู้สึกแปลกๆด้วย “ ใช่ ทำไมพวกนี้ถึงได้มองมาที่เรา ? ร้านข้าวไม่ไกลจากนี้ก็มีผู้ควบคุมขั้น 8 อยู่แต่ทำไมคนรอบๆถึงไม่มองไปที่เขากัน ?”
“ เพราะเรามาจากเขตตะวันออกตอนเหนือ” เกลดันเหมือนจะชินแล้ว เขาไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย “ ตั้งแต่ที่เราเข้ามาในเมือง มันก็เป็นธรรมดาที่เราจะได้รับการสนใจ”
จางหยูพูดขึ้น “ พวกนี้รู้ได้ยังไงว่าเรามาจากเขตตะวันออกตอนเหนือ ?”
เกลดันพึมพำออกมา “ ผู้บ่มเพาะจากที่อื่นนั้นตราผู้ควบคุมจะต่างกันออกไป มันจะมีเครื่องหมายที่บ่งบอกที่อยู่ของเรา เครื่องหมายของเขตตะวันออกตอนเหนือนั้นคือสัตว์อสูรบินได้ ส่วนเขตอื่นๆก็จะเป็นสัญลักษณ์อื่น จากเครื่องหมายเหล่านี้ก็บอกได้ว่าแต่ละคนมาจากที่ไหน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็มองไปที่ตราบนอกของตัวเอง มันจริงอย่างที่เกลดันบอก ตราของเขามีรูปของสัตว์อสูรบินได้ เขากระจ่างทันที “ อย่างนี้นี่เอง”
“ พวกเขารู้ว่าเรามาจากเขตตะวันออกตอนเหนือ ดังนั้นจึงมองพวกเราเป็นตัวประหลาดรึ ?” จางหยูคิดตามคำพูดของเกลดัน “ ไม่ใช่ว่าการที่เราเข้ามาในเมืองนี้ ข่าวคงแพร่กระจายไปทั่วแล้วสินะ ?”
“ ไม่ใช่แค่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแต่เดาว่าอีกไม่นานคงมีคนมาหาเรา “ เกลดันพูดขึ้น “ พวกนั้นจะผลัดกันมาท้าทายเรา..”
จางหยูคิดตามและพูดขึ้น “ หากเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องหาคนถามถึงวังดอกไม้แดง ยังไงซะก็จะมีคนมาหาเราถึงที่อยู่แล้ว…”
“ งั้นก็ไปหาอะไรกินกันก่อน “ จางหยูไม่ได้กินอาหารมานานแล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาอยากจะกินอาหารอย่างมาก “ เรามาถึงที่นี่แล้ว หากไม่กินอาหารที่นี่ก็คงถือว่ามาไม่ถึงโลกนภาใต้ไม่ใช่รึ ?”
จ้านเทียนเกอเดินตามจางหยูไปติดๆ หลินเป่ยชานและเกลดันก็ไม่คิดคัดค้าน
พวกเขาเดินไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนจะนั่งลงพร้อมสั่งอาหาร จากนั้นพวกเขาก็กินอาหารรอให้เหยื่อมาติดเบ็ด จางหยูและจ้านเทียนเกอผ่อนคลายอย่างมาก แต่หลินเป่ยชานและเกลดันน่ะกดดันอย่างมาก พวกเขาเอาแต่มองออกไปยังผู้คนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านอาหาร
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินเข้ามาในร้านอาหาร ตอนนั้นเองจางหยูก็ยิ้มออกมา “ เหยื่อติดเบ็ดแล้ว”
“ ชายคนนี้คือเจิ้งหลิว “ เกลดันแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ เขาคือผู้เยาว์ที่โดดเด่นของโลกนภาใต้ อายุของเขาพอๆกับเบเกิล ความแข็งแกร่งก็ถือว่าดี ครั้งที่แล้วที่ข้ามาที่นี่ ข้าก็ได้สู้กับเขา เขาน่ะเป็นหนึ่งในสามผู้ควบคุมขั้น 8 แถวหน้า…”
“ แล้วใครกันที่แกร่งกว่ากัน ?” จางหยูสนใจขึ้นมา
“ ข้าแพ้ “ เกลดันแสดงสีหน้าอับอายออกมา “ หากเป็นการต่อสู้เอาชีวิต เขาคงฆ่าข้าไปแล้ว แต่ผลลัพธ์นี้ก็แทบทำให้ข้าหมดสภาพ…ตลอดหลายปีมานี้ถึงข้าจะพัฒนาตัวเองแต่เขาก็พัฒนาเช่นกัน หากต้องสู้กันอีกครั้งข้าเดาว่าข้าคงไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ “ ในฐานะผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงของเขตตะวันออกตอนเหนือ เกลดันก็มีเกียรติของตัวเองการที่เขายอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าอีกฝ่ายนั้นก็เห็นได้ว่าเจิ้งหลิวนั้นไม่ธรรมดา
“ แล้วข้าล่ะ ?” หลินเป่ยชานถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ เจ้าคิดว่าหากข้าสู้กับเขาแล้ว ข้ามีโอกาสชนะมากแค่ไหน ?”
ถึงเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงเหมือนกันแต่หลินเป่ยชานเหนือกว่าเกลดัน
เกลดันมองไปที่เจิ้งหลิวแล้วละสายตากลับมา ก่อนจะพูดขึ้น “ หากเป็นก่อนที่เจ้าจะพัฒนาตัวเอง เจ้าอาจจะทัดเทียมกับเขารึอาจจะเหนือกว่าเล็กน้อย แต่ตอนนี้เจ้าน่ะแกร่งกว่าเขา …” เกลดันสงสัยว่าตอนนี้หลินเป่ยชานอาจจะไม่ได้อ่อนแอกว่าเบเกิลเลย
หลินเป่ยชานพยักหน้าและพูดขึ้น “ ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”
ตอนนั้นเจิ้งหลิวกับคนของเขาก็เดินเข้ามาในร้านก่อนจะหยุดและมองไปที่เกลดันแล้วพูดขึ้น “ เจ้ากล้าดีไม่ใช่น้อย เจ้ากล้ามายังโลกนภาใต้แห่งนี้ “  “ นี่ไม่ใช่ถ้ำเสือ ทำไมข้าจะไม่กล้ามา ?” เกลดันไม่คิดก้มหัวให้ใคร
เจิ้งหลิวยักคิ้วและพูดขึ้น “ ไม่ได้เจอเจ้ามาหลายปีแต่เจ้ากลับหยิ่งทะนงไม่เปลี่ยนเลย ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เจ้าอยากเรียนรู้จากข้าอีกรอบรึไม่ ?”
“ เรียนรู้รึ ข้ากลัวที่ไหน ?” เกลดันตบโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืน แม้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะเจิ้งหลิว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวจนไม่กล้าสู้กับอีกฝ่าย
หลินเป่ยชานอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ราวกับแผลในใจเขาได้ฉีกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘เรียนรู้ ‘
“ ดี ” เจิ้งหลิวยกนิ้วโป้งให้กับเกลดัน ก่อนจะมองไปที่จ้านเทียนเกอและหลินเป่ยชานแล้วพูดขึ้นมา “ แต่ข้าอยากประมือกับสองคนข้างกายเจ้ามากกว่า พวกเจ้าทั้งสองคงมาที่โลกนภาใต้เป็นครั้งแรกสินะ? พวกเจ้าสนใจจะประมือกับข้ารึไม่ ?”   จ้านเทียนเกอแสดงสีหน้าเฉยเมยและกินอาหารต่อราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเจิ้งหลิว
หลินเป่นชานหรี่ตาลงและพูดขึ้น “ ข้าได้ยินว่าเกลดันกับเจ้าประมือกัน และเจ้าก็เป็นฝ่ายชนะใช่หรือไม่ ?”
“ ถูกแล้ว” เจิ้งหลิวพูดขึ้น “ เจ้ากลัวรึไง ?”
“ ไม่ ข้าอยากถามว่าเจ้าเคยสู้กับเบเกิลมารึไม่ ?”
“ ….” เจิ้งหลิวเงียบไปสักพักก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ เรื่องนี้คงไม่อาจจะปิดบังได้ ข้าได้ประมือกับเบเกิลจริงและก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่หากเบเกิลกล้าประมือกับข้าอีกครั้ง งั้นข้าก็ไม่มีทางแพ้ให้กับเขาแน่”
หลินเป่ยชานหัวเราะออกมา “ งั้นรึ ข้าไม่ได้ประมือกับเบเกิลมานาน ข้าไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งถึงระดับไหนแล้ว เมื่อเขาเคยสู้กับเจ้าและเอาชนะเจ้าได้ งั้นข้าจะประมือกับเจ้าเพื่อดูว่าจะเอาชนะเจ้าได้ง่ายเหมือนที่เบเกิลเอาชนะเจ้าได้รึไม่”   จางหยูแปลกใจนิดๆ “พี่หลิน เจ้าบอกว่าไม่สนใจเรื่องการประมือแล้วไม่ใช่รึ ?”
“ นี่…” หลินเป่ยชานยิ้มปกปิดความอายและพูดขึ้น “ ใช่ ใช่ ข้าแค่ไม่สนใจชั่วคราวแต่เมื่อน้องชายผู้นี้ออกปากชวนแล้วข้าก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ยังไงซะ นี่ก็ไม่ได้แทนแค่ตัวเราแต่ยังแทนภาพลักษณ์ของเขตตะวันออกตอนเหนือด้วย ข้าไม่อาจจะทำให้เขตเราเสียหน้าได้”
เจิ้งหลิวมองไปที่จางหยูด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าผู้ควบคุมขั้น 7 ทำไมถึงอยู่กับผู้ควบคุมขั้น 8 และทำไม หลินเป่ยชานถึงแสดงท่าทีสุภาพต่อจางหยูด้วย ?
เขารู้สึกว่าหลินเป่ยชานน่ะกลัวจางหยู แต่มันก็ไม่ได้มีหลักฐานยืนยัน
เจิ้งหลิวส่ายหน้าและมองไปที่จ้านเทียนเกอ ก่อนจะพูดขึ้น “ น้องชาย เจ้าไม่สนใจจะประมือกับข้ารึ ?”
หลินเป่ยชานยังไม่ทันได้สู้กับเขาแต่เขาก็ยังท้าทายจ้านเทียนเกอต่อ แม้ว่าจ้านเทียนเกอจะไม่ใช่คนของเขตตะวันออกตอนเหนือแต่เขาก็อยู่ด้วยกันกับคนจากเขตตะวันออกตอนเหนือ การที่จะถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกันก็ไม่แปลก
น่าเสียดายที่จ้านเทียนเกอไม่ได้สนใจเจิ้งหลิวเลยแม้แต่น้อย
เจิ้งหลิวคิ้วขมวด “ เจ้าไม่กล้ารึไง ?”
จ้านเทียนเกอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่เจิ้งหลิวด้วยสีหน้าเฉยเมย ทำให้เจิ้งหลิวต้องตัวสั่นราวกับโดนอสูรร้ายจ้องมอง กระทั่งตอนที่จ้านเทียนเกอก้มหน้ากลับไปดังเดิม ความรู้สึกนี้ถึงได้หายไป
“ หากเจ้าเอาชนะหลินเป่ยชานได้ ข้าจะพิจารณาเรื่องประมือกับเจ้า” จ้านเทียนเกอกินอาหารต่อและพูดขึ้น” หากยังเอาชนะไม่ได้ก็อย่ามารบกวนข้า”
ผู้นำขั้น 8 ไม่จำเป็นต้องแผ่พลังออกมาก็แสดงความโดดเด่นที่มีออกมาได้
“ ท่านเทียนเกอไม่ใช่คนที่ทุกคนจะท้าทายได้” หลินเป่ยชานค่อยๆลุกขึ้นยืนและมองไปที่เจิ้งหลิว “ เจ้าคงไม่รู้ตัวตนของท่านเทียนเกอและเสียมารยาทไป แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีกในอนาคต ไม่งั้นแล้วเจ้าคงกลายเป็นตัวตลก” หลินเป่ยชานพูดจบก็เดินออกไปจากร้านอาหาร “ เจ้าอยากประมือกับข้าไม่ใช่รึ ? ออกมาสิหากเจ้ากล้าพอ”
เมื่อพูดจบ หลินเป่ยชานก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
เจิ้งหลิวไม่คิดอะไรมากและตามไปทันทีก่อนจะยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับหลินเป่ยชาน
จางหยูและพวกได้เงยหน้ามองขึ้นไปตาม การกระทำของหลินเป่ยชานและเจิ้งหลิวนั้นทำให้ผู้คนมากมายหันมาสนใจ ตอนนี้สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องไปบนท้องฟ้า
“ เบเกิลกดดันผู้เยาว์ในโลกนภาใต้อย่างมาก เขาได้ดูหมิ่นเกียรติของเรา หนี้แค้นนี้ต้องทวงคืนจากคนในเขตตะวันออกตอนเหนือ หากจะโทษก็โทษที่พวกเขามาจากเขตตะวันออกตอนเหนือก็แล้วกัน …”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน