บทที่ 231 การขอแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงสื้อสื้อเหลือบตามองขึ้น สังเกตเห็นแววตาของเขาไม่ปกติ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอทำสีหน้าครุมเครือ เพราะความเชื่องช้าของเธอ สายตาก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมา
เขาจ้องมองเธออยู่ตลอด เจียงสื้อสื้ออดที่จะรู้สึกใจฝ่อขึ้นมาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่าลู่เจิงกำลังกินอาหารว่างอยู่
ทำไมถึงทำเหมือนตัวเองไปทำเรื่องน่าละอายมาอย่างงั้นแหละ?
เจียงสื้อสื้อไม่อยากให้จิ้นเฟิงเฉินเข้าใจผิด รีบร้อนเอ่ยปากอธิบาย: “ครั้งที่แล้วรับปากว่าจะเชิญรุ่นพี่มาทานข้าว แต่เกิดปวดท้องกลางคันเลยทำให้เสียเวลา ฉันไม่อยากติดค้างกับเขา เพราะงั้นเลย…..”
เธอยังไม่ทันพูดจบ เหลือบตามองขึ้น แวบหนึ่งสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองโดนหลอกเสียแล้ว
เธออับอายแค้นใจจนโกรธ ก็พูดส่งแขกกลับไปตรงๆ ทันที “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่กลับเหรอ?”
“นี่จะไล่กันแล้วเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตอนเธอโกรธช่างน่าหลงใหลมาก
เจียงสื้อสื้อบ่นพึมพำไปประโยค: “ฉันก็ไม่ได้อยากจะไล่คุณหรอก เด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานอย่างฉัน มักจะอยู่ดึกๆ ดื่นๆ กับชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน หนุ่มโสดสาวม่ายอยู่ด้วยกันมันไม่เหมาะสม”
เสี่ยวเป่าได้ยิน ดวงตาคู่สุกใสเป็นประกายก็เต็มไปด้วยความสงสัย อ้าปากน้อยๆ ถาม: “น้าสื้อสื้อ น้าลืมนับเสี่ยวเป่าด้วย พวกน้าไม่ถือว่าเป็นหนุ่มโสดสาวม่ายอยู่ห้องเดียวกันหรอกครับ”
เจียงสื้อสื้อประหลาดใจ เจ้าเด็กนี่อายุน้อยแค่นี้ ไม่คิดเลยว่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย
เพียงแค่เห็นเสี่ยวเป่าแอบยิ้ม เธอก็อดหน้าแดงไปทั้งหน้าไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินได้ทีพูดหยอกล้อ “นี่คือเธอกำลังเตือนว่าฉันควรกำหนดสถานะให้เธอได้แล้วเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อหน้าแดงกว่าเดิม ต่อหน้าเสี่ยวเป่าแท้ๆ ยังกล้าพูดออกมา
เธอทำปากแข็งไม่ยอมรับ “ฉันเปล่าสักหน่อย!”
จิ้นเฟิงเฉินร้อง “อ้อ” ทำท่าทางเหมือนไม่เชื่อ
เจียงสื้อสื้อรีบร้อนหลบสายตาหนี สายตาของเขาช่างร้อนแผดเผาเกินไป
“ฉัน……ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณสักหน่อย” เธอคิด ทำเหมือนปิดบังความจริงเอาไว้ แล้วกล่าวเสริม “ฉันต้องการแค่เสี่ยวเป่า!”
ยิ่งเธออธิบาย ยิ่งพูดไม่ชัดเจน
จิ้นเฟิงเฉินดึงเก็บสีหน้าดีใจในดวงตาไว้ ทำหน้านิ่งไม่กระโตกกระตาก ใครใช้ให้เธอปากไม่ตรงกับใจกันล่ะ
พอเสี่ยวเป่าได้ยินก็หันไปยิ้มให้จิ้นเฟิงเฉิน “น้าสื้อสื้อ งั้นผมก็ไม่ต้องการแด๊ดดี้แล้ว ผมต้องการแค่น้า!”
“ได้ งั้นฉันไปแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินทำหน้าเศร้า เดินผลักประตูออกไป
เหลือเพียงแต่สองคนอยู่ในห้องมองหน้ากันไปมา แค่เรื่องล้อเล่น เขายังทำเป็นโกรธจริงจังเดินจากไป
เสี่ยวเป่าแลบลิ้น รู้สึกกังวลนิดหน่อย “น้าสื้อสื้อครับ เราควรไปพาแด๊ดดี้กลับมาหรือเปล่า?”
เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ แด๊ดดี้เหมือนจะโกรธเขาเลย
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อก็อยากตามเขาไป พอคิดอีกที ถ้าเขาไม่ค้างคืนที่นี่ เธอก็สามารถคิดวางแผนการต่อไปใหม่ได้อย่างสงบใจ
ทันทีหลังจากนั้น เธอก็พอเสี่ยวเป่าเข้าห้องไป แล้วหยิบหนังสือนิทานที่เสี่ยวเป่าชอบฟังมากที่สุดออกมาเล่มหนึ่ง ทั้งยังอ่านออกเสียงให้ฟังอีกครั้ง
น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลอ่อนโยน อิ่มเอิบไปด้วยอารมณ์ เสี่ยวเป่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงตาคู่ใหญ่ก็เริ่มค่อยๆ หรี่ลง
ก่อนเสี่ยวเป่าจะหลับสนิท เขามุดอยู่ในอ้อมกอดเธออย่างระมัดระวัง เอ่ยเรียกเสียงเบา: “หม่ามี๊……”
เจียงสื้อสื้อใจเต้นรัว อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ แล้วเธอก็คิดไปถึงเด็กที่เธอไม่เคยเจอหน้ามาก่อน
เธอทุกข์อยู่ในอก พอเห็นเสี่ยวเป่าหลับสนิทแล้ว ถึงค่อยๆ เก็บแขนตัวเองกลับมา เปิดประตูออกอย่างเบามือออกมา ในตอนแรกห้องรับแขกไม่ได้เปิดไฟ แต่ตอนนี้สว่างขึ้นมาแล้ว
“ใคร?”
คงไม่ใช่โจรใช่ไหม?
เจียงสื้อสื้อเครียดขึ้นมา มองไปรอบทิศ
จิ้นเฟิงเฉินโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว เธอถึงเห็นว่าที่เท้าของเขาเครื่องดื่มถุงใหญ่อยู่ด้วย
เธอเดินเข้าไป แล้วช่วยเขาวางเครื่องดื่มทีละขวดให้เรียบร้อย
พริบตาต่อมา มือของเจียงสื้อสื้อก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินจับไว้กะทันหัน
เขาทำเหมือนกับกำลังเล่นมายากล ในมือก็เปลี่ยนเป็นห่วงฝากระป๋องอันหนึ่ง ทำสีหน้าจริงจังขอแต่งงาน “เวลามีน้อย ใช้อันนี้แทนไปก่อนนะ วันหลังจะชดคืนให้”
“หมายความว่ายังไงคะ?” เจียงสื้อสื้อหน้าเห่อร้อน ได้แต่ทำเหมือนไม่เข้าใจความหมายของเขา
“เจียงสื้อสื้อ คุณยินดีแต่งงานกับฉันไหม?” ตอนเขาพูด ไม่บ่อยนักที่จะเห็นร่องรอยความกลัวของเขา
เจียงสื้อสื้อนิ่งอึ้ง ในใจถูกกระแทกด้วยความสุขอย่างรวดเร็ว แต่ปากเธอกลับพูดว่า: “นี่ไร้ความบริสุทธิ์ใจไปหน่อยนะ ประธานจิ้นกำลังแกล้งฉันเล่นหรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินฟังจบ รู้ว่าเป็นการเล่นละคร เขาจึงยิ้มออกมาและพูดว่า: “เรื่องขอเธอแต่งงาน ฉันบริสุทธิ์ใจกว่าใครทั้งหมด”
ไม่รู้ว่าเจียงสื้อสื้อเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า เหมือนเธอจะเห็นชายหนุ่มกะพริบตาเล็กน้อยก่อนพูด: “ไม่ได้กลัวคุณจะตกใจหนีหรอกนะ ห่วงอันนี้เก็บไว้ดีๆล่ะ วันหน้าจะมีอันที่ดีกว่านี้มาแทนที่”
เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดทุกอย่างในโลกของเขามายื่นให้ตรงหน้าเธอ
เจียงสื้อสื้อเห็นเขานึ่งขรึมมาโดยตลอด ตอนพูดก็ไร้ซึ่งความอบอุ่น ทำไมวันนี้เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไงอย่างงั้น
พูดคำหวานขึ้นมา แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนไปเลย
ใจของเจียงสื้อสื้อเหมือนกับถูกราดไปด้วยน้ำผึ้ง หวานจนเกือบจะทะลักออกมา เพราะงั้น……ตอนประธานคนนั้นเอ่ยเสนอว่าจะค้างคืนที่บ้านเธอ เธอก็เผลอรับคำอย่างงงงัน
——
ตั้งแต่วันที่ถูกจิ้นเฟิงเฉินขอแต่งงาน ก็ผ่านไปแล้วสองวัน แต่เจียงสื้อสื้อมักจะรู้สึกว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง
ถ้าไม่ใช่เพราะงานยุ่งเกินไป เธอก็กลัวว่าจะคิดมากไป
กะพริบตาอีกครั้งก็ใกล้เลิกงานแล้ว สวีหน้าทำงานเสร็จ ก็ไปรายงานให้เธอทราบ พวกเธอเตรียมเลิกงานตรงตามเวลา
“สื้อสื้อ เธอเสร็จหรือยัง? ฉันไปรอเธอข้างล่างนะ” พลันเจียงสื้อสื้อก็ได้รับสายของลู่เจิง
เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอนัดกันลู่เจิงไว้แล้ว ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน ลู่เจิงจะแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้รับผิดชอบโครงการครั้งนี้ของบริษัทEisley
เจียงสื้อสื้อและลู่เจิงต่างก็แต่งตัวเข้าร่วมงานอย่างสวยหรู เธอคล้องแขนลู่เจิง เมื่อเข้าไป ก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน
ลู่เจิงสวมชุดพิธีการทั้งตัว เนกไทก็ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ภายนอกดูสุภาพอ่อนโยน ไม่ว่าอยู่ไหน ก็ง่ายที่จะเป็นจุดรวมสายตา
และเจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆ เขา สวมเดรสรัดเอวคอเหลี่ยม มีเชือกรัดดูคลาสสิคอยู่ตรงหน้าอก ทำให้ดูสง่างามไปหมดทั้งตัว ทั้งยังแอบมีความสาวน้อยร่าเริงสดใสอยู่ด้วย
พวกเขาช่างดูเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
แต่ว่า บุคคลที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในโลกธุรกิจ สายตาหยุดมองที่พวกเขาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ลู่เจิงพาเธอเดินเข้าไปด้านใน และพูดแนะนำไปด้วย “ผู้รับผิดชอบโครงการครั้งนี้เป็นเพื่อนสนิทต่างชาติของฉัน Kevin”
เขาเองก็เพิ่งได้รับข่าวมาไม่นาน
Kevinมีนิสัยแปลกๆ นิดหน่อย เขามีความต้องการเกี่ยวกับเครื่องสำอางสูงมาก เอาใจยากสุดๆ
“อ้อ ใช่แล้ว Kevinไม่ชอบผู้หญิงเป็นพิเศษ” ลู่เจิงนึกขึ้นได้
เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ในงานเลี้ยง ผู้คนขวักไขว่ไปมา เชื้อเชิญกันชนแก้วดื่มแสดงความยินดี เธอได้เห็นคู่แข่งของเธอหลายราย
ผู้รับผิดชอบหลายคนล้วนเป็นผู้ชาย ตอนนี้ เธอกลัวว่าจะก้าวต่อไปได้ยากกว่าคนอื่นๆ
“วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักเอง Kevinก็คงไว้หน้าฉันอยู่บ้างแหละ” ลู่เจิงเห็นว่าเธอกังวลใจ ก็เอ่ยปากพูดคลายกังวล
ทั้งคู่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า เจียงสื้อสื้อก็เห็นซูชิงหยิงเดินไปถึงตรงหน้าKevinก่อนก้าวหนึ่ง
เธอและลู่เจิงหยุดเดิน และยืนรออยู่ข้างๆ
ในตอนนี้ เจียงสื้อสื้อไม่กล้าผ่อนคลายลง เธอเริ่มจ้องมองสังเกตความเคลื่อนไหวของซูชิงหยิงอย่างไม่ละสายตา
เธอพบว่า ตอนซูชิงหยิงและKevinสนทนากัน บรรยากาศนับได้ว่าค่อนข้างปรองดอง
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า มีหลายครั้งที่เธอสัมผัสได้ว่าซูชิงหยิงตวัดสายตามองเธออย่างได้ใจอยู่หลายครา
“สื้อสื้อ เธอไม่ต้องตื่นเต้น ฉันเชื่อในฝีมือของเธอว่าเธอจะไม่แพ้ใครแน่นอน”
ลู่เจิงได้จังหวะปลอบเจียงสื้อสื้อที่กระวนกระวายใจเล็กน้อยอีกครั้ง