บทที่ 247 สถานที่รักสามเซ้า?
ตอนแรกเหมือนกับว่าเจียงสื้อสื้อก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่พอได้นินเสียงเขา เธอก็ดีขึ้นมาทันที
มือซ้ายของเธอโดนจิ้นเฟิงเฉินจูงไว้ มือขวาก็โดนเสี่ยวเป่าดึงไว้ ตกอยู่ในสายตาคนอื่น ก็เหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
รอจนพวกเขาสามคนเดินเข้าใกล้ พวกคนที่มีฐานะที่จิ้นเฟิงเหราเรียกมานั้น ก็พากันหยุดลง
ถึงแม้ว่าจิ้นเฟิงเหราจะเป็นคนตระกูลจิ้น แต่ปกตินั้นไม่ค่อยได้เรื่อง คุยกันง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ดีในสังคมชั้นสูง คนที่มีฐานะที่มางานนั้นเรียกพี่เรียกน้องกับเขาทั้งหมด และยกให้เขาใหญ่สุด
แต่ตอนนี้เห็นว่าคนโตก็อยู่ แต่ละคนจึงทักทายแบบกล้าๆกลัวๆ ท่าทีมีความเคารพนับถือมาก
ทำไมทั้งๆที่เป็นคนตระกูลจิ้นเหมือนกัน และยังเป็นสองพี่น้องที่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน นิสัยถึงต่างกันขนาดนี้ละ?
จิ้นเฟิงเฉินตอนอยู่ต่อหน้าคนนอกนั้น ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด หรืออาจพูดได้ว่า เย็นชา
ใครก็ไม่กล้าที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ถ้าทำให้เขาโกรธขึ้นมา วิธีการของเขานั้น ก็คือทั้งตรงแล้วก็ร้ายกาจ
จิ้นเฟิงเฉินเห็นพวกเขาตึงเครียดกันขนาดนี้ ก็ยิ้มออกมาก่อนเลย
พอเขายิ้มออกมาแบบนี้ บรรยากาศก็เข้ากันง่ายมากขึ้น “ยังไงก็ออกมาเล่นด้วยกัน พวกคุณไม่ต้องตึงขนาดนี้ก็ได้นะ”
เขาก็ยังหวังว่า อยากให้ทุกคนเล่นได้สนุกที่สุด
จิ้นเฟิงเหราเห็นคนอื่นไม่ตอบสนอง จึงรีบทำให้มีบรรยากาศดีขึ้น “ใช่ๆ พี่ชายผมไม่ใช่ปีศาจกินคนนะ พวกคุณเล่นไปตามนิสัยเลยนะ”
ตอนแรกมีจิ้นเฟิงเฉินพูดก่อน แล้วก็มีจิ้นเฟิงเหราช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้น พวกคนที่มีฐานะนี้ เป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว ก็เลยปล่อยนิสัยออกเล่นกันแล้ว
และในตอนนี้ ซูชิงหยิงก็ใช่โอกาสนี้ เดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม “เฟิงเฉิน ฉันได้ยินมาว่าเฟิงเหราก่อตั้งการปิกนิกครั้งนี้ รู้สึกสนใจมาก ก็เลยตามมาด้วย”
พูดถึงตรงนี้ เธอยังตั้งใจเว้นวรรค แล้วก็มองเจียงสื้อสื้อแบบไม่ค่อยดี “ฉันไม่คิดว่า คุณเจียงจะมาด้วย”
เบื้องหลังของบ้านเจียงสื้อสื้อนั้น ซูชิงหยิงรู้ดีมากๆ เธอมั่นใจว่าต้องไม่เคยทำกิจกรรมแบบนี้แน่ๆ
แล้วซูชิงหยิงก็อดที่จะแซะเธอไม่ได้ว่า:“คุณเจียง นี้คือแกเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ครั้งแรกสินะ พวกเขาก็เป็นแบบนี้ แกไม่ต้องตึงเครียดเกินนะ”
ในคำพูดของเธอมีคำพูดอีก ก็คือชี้ว่าเจียงสื้อสื้อนี้ไม่ใช่คนในวงการแบบนี้
ในใจของเจียงสื้อสื้อเย็นวาบ แต่ก็พูดแบบไม่สะทกสะท้านว่า:“ไม่อยู่แล้ว”
“พี่สะใภ้ ยังรออะไรอยู่ละ รีบมานะ!”พวกจิ้นเฟิงเหราเขาเตรียมจะปีนเขาแล้ว
เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ไปสนซูชิงหยิงอีก ก้มลงนิดๆ แล้วจับมือของเสี่ยวเป่าไว้ แล้วถามแบบเป็นห่วงว่า:“เสี่ยวเป่า คุณปีนขึ้นไปไหวมั้ย?”
เสี่ยวเป่าใช่มืออีกข้างหนึ่ง ตบหน้าอกของตนเอง แล้วพูดแบบมั่นใจว่า:“ต้องได้อยู่แล้วนะ หม่ามี๊ ถ้าคุณจูงมือเสี่ยวเป่าไว้เรื่อยๆ เสี่ยวเป่าก็จะเก่งกว่านี้นะ”
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็ยิ้มออกมาจนตาโค้ง แล้วพูดต่อกันว่า:“ได้ได้ได้ งั้นฉันจะจูงมือคุณไว้ ไม่ปล่อยมือเลยดีมั้ย?”
ระหว่างพูด เธอก็จูงมือเสี่ยวเป่าไว้ แล้วเดินตรงไปด้านหน้า
เพราะว่ามารยาท เธอจึงไม่ลืมที่จะทักซูชิงหยิงว่า “คุณซู พวกเราไปก่อนแล้วนะ”
พอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินเดินตามหลังด้วยสีหน้าที่เอ็นดู ซูชิงหยิงแทบจะอึ้งอยู่ตรงนั้น
เธอไม่กล้าเชื่อว่า ไม่ เธอต้องได้ยินผิดแน่ๆ ทำไมเสี่ยวเป่าถึงเรียกเจียงสื้อสื้อ……
เธอรีบวิ่งตามขึ้นไป ขนาดเสียงยังแหลมขึ้นมา ถามเสี่ยวเป่าว่า:“เมื่อกี๊แกเรียกมันว่าอะไรนะ?”
เสี่ยวเป่ารู้สึกตกใจขึ้นมา แต่ก็ตอบกลับแบบใสๆซื่อๆว่า:“หม่ามี๊ไง มีอะไรไม่ถูกหรอ?ก็แดดดี๊ของผมขอแต่งงานกับหม่ามี๊แล้วนะ”
แล้วสีหน้าของซูชิงหยิงก็ขาวเผือกขึ้นมาทันที ทั้งตัวเธอนั้นก็สั่นแบบหยุดไม่ได้
สายตาที่หยอกล้อของพวกคนที่มีฐานะนั้น เหมือนกับว่าจะคกลงบนตัวของเธอหมดแล้ว
ซูชิงหยิงไม่พอใจ ทั้งที่เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ฉินมู่หลันพอใจที่สุด เรื่องนี้ ในวงการของพวกเขา เผยแผ่ออกไปตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ขอแต่งงานกับเจียงสื้อสื้อลับหลังเธอ
แล้วเธอละ?
จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าเธอเป็นอะไร?
ความโกรธนั้ ก็พุ่งขึ้นมาในทันที สายตาของเธอจ้องมองจิ้นเฟิงเฉินอย่างเกรี้ยวกราด “จิ้นเฟิงเฉิน แกต้องให้คำอธิบายกับฉันใช่มั้ย?”
คำอธิบาย?
จิ้นเฟิงเฉินแค่รู้สึกว่าซูชิงหยิงน่าขำมาก เขากับเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรอยู่แล้ว
เธอเป็นคนอะไรของเขาละ ยังจะมีหน้ามาถามหาคำอธิบายกับเขา เขาถึงกับว่าขี้เกียจมองเธอ ดึงเจียงสื้อสื้อแล้วก็เสี่ยวเป่า วิ่งไปตามทางของพวกจิ้นเฟิงเหราเขาแล้ว
พวกคนที่มีฐานะนั้น ก็มองมาทางพวกเขาด้วยความอยากรู้ พวกเขาคือมาถึงสถานที่รักสามเซ้าหรอ?
บรรยากาศที่พร้อมระเบิดออกมานี้ มันมหัศจรรย์จริงๆ
จิ้นเฟิงเหรารู้ว่าพวกเขาเป็นคนที่ปกติก็ชอบดูอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จึงตะโกนมาว่า:“ดูอะไร ดูอะไร พวกคุณไปกันได้แล้ว”
เขาเดินไปทางขึ้นเขาอย่างเร็ว และไม่ลืมที่จะหันหลังมาตะโกนอีกว่า:”ใช่แล้ว ถ้าเป็นคนที่ไปถึงคนสุดท้ายนั้น ต้องรับผิดชอบทำกับข้าวด้วยนะ”
ประโยคเดียวของเขา ทำให้พวกเขาไม่ได้ดูต่อแล้ว แต่ละคนก็ร้องออกมา แล้วก็วิ่งขึ้นเขาไปแบบเร่งรีบกัน
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อนั้นสิ มองดูซูชิงหยิงที่ยังอยู่ในความโกรธนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
มือของเธอ อยู่ๆก็โดนจิ้นเฟิงเฉินจับไว้ในมือ “สื้อสื้อ คุณไม่ต้องเอาไว้ในใจนะ คุณก็รู้ ในใจของผมมีแค่คุณ”
พอจิ้นเฟิงเฉินคิดได้ถึงพวกคุณหญิงที่ฉินมู่หลันช่วยเขาหามานั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้:“ซูชิงหยิงก็เป็นคนที่แม่ผมช่วยผมหามาอีกคนนะ แต่ผมไม่ได้สัญญากับใครไว้นะ และไม่ได้คิดว่าจะแต่งงานกับใครด้วย”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ก่อนหน้านี้เพราะว่าซูชิงหยิงหน้าแตก เลยมีความรู้สึกโทษตนเองนิดหน่อย แต่ตอนนี้ก็เริ่มหายไปแล้ว
พวกเขาก็ไม่ได้เล่นด้วยกันกับพวกจิ้นเฟิงเหราเขา ทั้งสามคนจูงมือกัน แล้วขึ้นเขาแบบช้าๆ
วิวตลอดทางนั้นสวยมาก และยังมีพืชที่หายากด้วย
เสี่ยวเป่าก็ชี้พวกดอกไม้ที่เบิกบานสวยๆ ไม่ก็พวกหญ้าที่หน้าตาแปลกด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วถามเจียงสื้อสื้อแบบไม่ยอมหยุด
“หม่ามี๊ นี้คือดอกอะไรหรอ?”
“หม่ามี๊ คุณรู้ว่านี้คือหญ้าอะไรมั้ย?”
“หม่ามี๊ เหมือนกันว่าผมจะรู้ว่านี้คืออะไร คือ……”
เสี่ยวเป่าซ้ายหนึ่งครั้ง“หม่ามี๊” ขวาหนึ่งครั้ง“หม่ามี๊” เรียกบ่อยมาก เหมือนกับว่าวันนี้จะเรียกจนอิ่มใจ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แล้วลูบหัวของเสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่า คุณกระหายน้ำมั้ย?จะดื่มน้ำสักอึกมั้ย?”
เสี่ยวเป่าส่ายหัว แล้วดึงเธอไว้ วิ่งขึ้นเขาแบบกระโดดโลดเต้น
ส่วนซูชิงหยิงนั้น ก็จ้องมองพวกเขาแบบแค้นๆ เว้นระยะห่างกับพวกเขาตลอด แล้วขึ้นเขาไปด้วย
เธอเห็นจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อมีคุยกันยิ้มกันเกินอยู่ข้างหน้า วันนี้เมินเธอหลายรอบ ในใจก็รู้สึกไม่ชอบใจ
เธอมีความรู้สึกหลายรอบ ที่คิดว่าหันหลังกลับไปแบบนี้เลย
แต่เธอก็ยังคงเดินขึ้นไปตาม ไม่ เธอก็ยังอยากได้คำตอบสักอัน
เธอจะไปหาจิ้นเฟิงเฉิน ถามให้แน่ชัด เธอมีจุดไหนบ้างที่เทียบเจียงสื้อสื้อไม่ได้ ทำไมเธอถึงต้องได้รับการตอบสนองจากเขาเป็นเช่นนี้
ในสมองนั้น คำถามแล้วคำถามเล่า ทั้งหมดอยู่รวมกัน แทบจะทำให้สติของเธอหายไปแล้วนะ
ในตาของซูชิงหยิงเต็มไปด้วยความแค้น เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ถ้าวันนี้เธอไม่ได้คำตอบที่พอใจ ก็อย่าหาว่าเธอใจร้ายแล้วกันนะ