บทที่ 280 ตั๋วกลับเมืองจิ่น
คืนนี้ เจียงสื้อสื้อนอนไม่สนิท
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่เอาผมแล้ว?”
เสี่ยวเป่ามองเธอ น้ำตาเม็ดใหญ่เม็ดใหญ่ไหลลงมา
เห็นเขาร้องไห้จนจมูกแดง เธอเอ็นดูมากๆ รีบส่ายหัวปฏิเสธ“ ไม่ใช่ แม่ไม่ได้ไม่เอาลูก”
“งั้นแม่ไปไหน? ทำไมไม่กลับบ้าน?”
“แม่……แม่……”ไม่รู้จะอธิบายกับเขายังไง ได้แต่พูดว่า:“ขอโทษนะ เสี่ยวเป่า หม่ามี๊มีธุระหน่อย รอทำงานเสร็จก็จะกลับบ้านนะ”
“จริงเหรอ?”เสี่ยวเป่าจ้องตาโต น้ำตายังหมุนอยู่ข้างใน
เธอยิ้มเบาๆแล้วพยักหน้า“ อืม จริงๆ”
จู่ๆ เสี่ยวเป่าเปลี่ยนสีหน้า จ้องมองเธออย่างแรง ตะโกนว่า :“แม่โกหก !แม่โกหก !คนร้าย !แม่เป็นคนร้าย!”
ไม่เคยเห็นเสี่ยวเป่าเสียสติขนาดนี้ เธอใจร้อนแล้ว และกลัวแล้ว ยื่นมือจะไปจับเขา “เสี่ยวเป่า ลูกอย่า หม่ามี๊……”
เสี่ยวเป่าหลบมือของเธอ ยิ้มอย่างเยือกเย็น“ เธอไม่ใช่หม่ามี๊ของฉัน ไม่ใช่หม่ามี๊ของฉัน……”
หน้าของเสี่ยวเป่าค่อยๆกลายเป็นจิ้นเฟิงเฉิน เขาต้องมองเธอด้วยความเจ็บใจ“ สื้อสื้อ เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก เราเลิกกันเถอะ”
พูดเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินหันไปแล้วจากไป
“เฟิงเฉิน!”
จิ้นเฟิงเฉินตกใจตื่น เธอลืมตาโตมองบนเพดาน ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัวและวิตกกังวล
ในห้องเงียบจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของเธอ
ที่แท้ ……เป็นแค่ฝันนี่เอง
เธอยกมือขึ้นปิดตา เม้มริมฝีปาก น้ำตาอุ่น ๆ ก็ร่วงหล่นจากมุมตา
ตอนกลางวันได้ยินว่าเสี่ยวเป่าหายตัวไป ใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน อยากมีปีกรีบบินกลับเมืองจิ่น
แต่เธออดกลั้นไว้
ด้วยอำนาจของบ้านจิ้น เร็วมากก็จะหาเสี่ยวเป่าเจอ
เธอกลับไปยิ่งทำให้ตัวเองยิ่งไม่อยากจากพวกเขาไป
เช็ดน้ำตาทิ้ง เธอลุกขึ้นมานั่ง หยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง หาเบอร์โทรของลู่เจิงแล้วโทรออกไป
เสียงกริ่งดังสักพัก ทางนู้นค่อยรับขึ้น
“สื้อสื้อ” เสียงของลู่เจิงแหบเล็กน้อย เหมือนเพิ่งนอนตื่น
ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมองลงไปที่เวลา เพิ่งจะสังเกตว่าตอนนี้เป็นเวลาหลังจากเที่ยงคืนแล้ว
เธอรีบขอโทษ:“รุ่นพี่ขอโทษค่ะ รบกวนพี่ตื่น โทษฉันเองที่ไม่ดูเวลา ฉัน……”
“เหอะเหอะ……”
โทรศัพท์ทางนู้นมีเสียงหัวเราะต่ำของลู่เจิงดังขึ้น เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “รุ่นพี่……”
“สื้อสื้อ เธอไม่ต้องขอโทษ เธอโทรหาฉันดึกขนาดนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ ใช่ไหม?”
เขาก็ยังอ่อนโยนเหมือนเดิม
จมูกของเจียงสื้อสื้ออยากร้องไห้ เสียงมีความสะอึกสะอื้นพูดว่า :“รุ่นพี่ ขอโทษ……”
ได้ยินเธอร้องไห้ แต่เดิมลู่เจิงยังนอนอยู่บนเตียง ลุกขึ้นมานั่งทันที ถามด้วยความใจร้อนว่า:“ สื้อสื้อ เธอเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่”รู้ว่าเขามองไม่เห็น เธอก็ยังส่ายหัวอย่างรีบร้อน“ ไม่ใช่ฉัน คือเสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่า? ลู่เจิงขมวดคิ้ว“เขาเป็นอะไรเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อหายใจเข้าลึกๆ “รุ่นพี่ พี่ช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าเสี่ยวเป่ากลับบ้านหรือยัง?”
“ได้อ่ะได้ แต่เธอต้องบอกฉันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เจียงสื้อสื้อเล่าเรื่องตอนกลางวันนี้ให้ลู่เจิง ฟังจบก็เงียบ
“รุ่นพี่ ?”เจียงสื้อสื้อออกเสียงเรียก
“อืม ฉันอยู่”
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปาก “รุ่นพี่ ลำบากใจมากใช่ไหม?”
“ไม่ใช่”ลู่เจิงยิ้มอย่างขมขื่น ถึงแม้ตัดสินใจไปจากเมืองจิ่น ใจของเธอก็ยังจากพ่อลูกจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้
“รอฟ้าสว่าง ฉันไปดูให้เธอ มีสถานการณ์อะไรฉันจะบอกเธอ”
ได้ยิน เจียงสื้อสื้อรีบขอบคุณ :“ขอบคุณรุ่นพี่”
“อย่ากังวล ด้วยอำนาจของบ้านจิ้นน่าจะหาเจอเด็กแล้ว เธอรีบนอนเถอะ”
เจียงสื้อสื้อ“ อืม” คำหนึ่ง จากนั้นก็วางสายไป
หันไปมองหน้าต่างด้านนอกมืดไปหมด เธอถอนหายใจ
ยังไม่รู้สถานการณ์ของเสี่ยวเป่า เธอนอนหลับที่ไหนละ
……
อีกด้านหนึ่ง ลู่เจิงก็ไม่อยากนอนละ เขาติดต่อผู้ช่วย ให้อีกฝ่ายไปทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของบ้านจิ้น
เร็วมากก็มีผลออกมา
“ประธานลู่ คุณชายน้อยของบ้านจิ้นโดนลักพาตัวไป”
ได้ยิน ลู่เจิงตกใจมาก “โดนลักพาตัว?”
“ใช่ เรื่องเกิดขึ้นตอนกลางวัน”
ลู่เจิงวางสายไป ทันใดนั้นสับสนขึ้นมา
เขาควรบอกเรื่องนี้ให้เจียงสื้อสื้อไหม?
หรือว่าควรปิดบัง?
ถ้าบอกเธอ ด้วยนิสัยของเธอต้องกลับมาเมืองจิ่นแน่ๆ ถึงเวลานั้นอยากจากไปก็ยากแล้ว
แต่ไม่บอกเธอ วันไหนเธอรู้แล้ว ต้องแค้นเขาแน่ๆ อาจจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
คิกถึงตรงนี้ ลู่เจิงยิ้มอย่างขมขื่น ยังคิดว่าเธอไปจากจิ้นเฟิงเฉินตัวเองก็จะมีโอกาส
แต่ความเป็นจริง ใจของเธอไม่เคยจากเมืองจิ่นไปเลย ไม่เคยไปจากจิ้นเฟิงเฉิน
งั้นเขาจะมีโอกาสได้ยังไง?
ลู่เจิงมีคำตอบในใจแล้ว
……
ตอนรับสายของลู่เจิง เจียงสื้อสื้อเพิ่งถึงห้องทำงาน
เธอหยิบโทรศัพท์เดินออกไปด้านนอก
“รุ่นพี่ เป็นยังไงบ้าง? เสี่ยวเป่ากลับบ้านหรือยัง?”
ลู่เจิงเงียบสักพัก ค่อยพูดว่า:“ สื้อสื้อ เรื่องที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ เธอฟังแล้วอย่าใจร้อน”
พอได้ยินคำนี้ ใจของเจียงสื้อสื้อก็ตึงขึ้นมา “เสี่ยวเป่าเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“เด็กโดนลักพาตัวไป”
โดนลักพาตัว?!
ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อมืดมน ร่างกายเสไปเสมา สักพักค่อยกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น?” เธอถามด้วยความรีบร้อน
“ได้ยินว่าเด็กวิ่งออกไปเอง บอกว่าจะไปหาแม่ จากนั้นระหว่างทางโดนคนลักพาตัวไป”
“พี่สื้อสื้อ พี่จะไปไหน?”
เพื่อนร่วมงานเห็นเจียงสื้อสื้อวิ่งออกไปด้านนอก ถามด้วยความเป็นห่วงว่า แต่เพิ่งถามเสร็จ ก็ไม่เห็นเงาของเจียงสื้อสื้อ
“นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เพื่อนร่วมงานไม่กี่คนเธอมองฉัน ฉันมองเธอ ใครก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เจียงสื้อสื้อรีบร้อนแบบนี้
เจียงสื้อสื้อวิ่งออกจากตึกบริษัท โบกแท็กซี่ข้างถนนได้หนึ่งคัน
“ลุงคะ สนามบินค่ะ”
พูดสถานที่เสร็จ เธอก็มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง โทรศัพท์โดนจับแน่นไว้ในมือ
“ได้ยินว่าเด็กวิ่งออกไปเอง บอกว่าจะไปหาแม่”
คำพูดของรุ่นพี่ราวกับว่ายังดังก้องอยู่ในหู เจียงสื้อสื้อบีบกปั้นแน่นวางไว้ที่ปากแล้วกัด ในใจรีบร้อนมากและเสียใจทีหลังมาก
โทษเธอ
ถ้าไม่ใช่จะไปหาเธอ เสี่ยวเป่าก็จะไม่วิ่งออกมา ก็จะไม่โดนคนลักพาตัว
ทุกอย่างนี่เป็นเพราะเธอทำ
เธออยากให้คนที่โดนลักพาตัวคือตัวเอง
ตอนนี้คนบ้านจิ้นคงเกลียดเธอมากสินะ
ตั้งแต่รู้จักจิ้นเฟิงเฉินและเสี่ยวเป่ามา เหมือนว่าตัวเองก่อปัญหาให้พวกเขาเยอะมาก
เธอนิเป็นตัวปัญหา
เธออดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเองทีหนึ่ง
ในรถเงียบมาก ฝ่ามือนี้ทำให้คนขับรถตกใจ
“คุณครับ ทำไมคุณถึงตัวเองตีตัวเองละ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบเจียงสื้อสื้อมองแต่ด้านนอกหน้าต่าง คนขับรถเห็นเธอดูเหมือนอารมณ์ไม่ดี ก็เลยไม่ได้ถามอะไรมาก กลับขับรถยิ่งเร็วขึ้น
เร็วมากก็ถึงสนามบิน พอเจียงสื้อสื้อลงจากรถก็รีบพุ่งไปที่สนามบิน
“ตั๋วกลับเมืองจิ่นหนึ่งใบค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“เร็วสุดก็ต้องหนึ่งชั่วโมง”
หนึ่งชั่วโมง?
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว เธอกัดฟันก็ยังซื้อ
ตอนนี้เครื่องบินเป็นวิธีการเดินทางที่รวดเร็วที่สุดในการเดินทางกลับไปเมืองจิ่น เธอไม่มีทางเลือก