บทที่ 286 นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ
ถ้าหากไม่มีเรื่องของเสี่ยวเป่าที่ถูกลักพาตัวในครั้งนี้ เธออาจจะไม่กลับมาเมืองจิ่น พวกเขาก็อาจจะไม่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเขายังไง
นึกถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ยิ้มหนึ่งที นี่ก็อาจจะเรียกได้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคนล่ะ
มีประสบการณ์จากก่อนหน้านั้นแล้ว เธออยากจะหนีออกไปอีกครั้งคงจะยากมากแล้ว
มีคำถามหลายคำอยากจะถามเธอ แต่สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่ได้เอ่ยปาก
มีเพียงเธอกลับมาแล้ว แท้ที่จริงอะไรก็ล้วนไม่สำคัญแล้ว
“ผมไปตามหมอมา” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้ค่ะ”
จ้องมองเขาเดินออกไป เจียงสื้อสื้อจึงทำหน้างึกขึ้นมา เจ็บจริงๆ!
ตอนนี้นึกถึงสถานการณ์ที่อันตรายในตอนนั้น เธออดไม่ได้หวาดกลัวขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีที่ฝ่ายตรงข้ามยิงไม่ตรงเป้า หรือว่าเป็นความโชคดีที่ตนเองมีชะตากรรมที่ดี ยิงหนึ่งนัดเฉียดผ่านแขน แม้ว่าเจ็บ แต่ก็แค่เป็นบาดแผลเล็กน้อย
กระสุนอีกหนึ่งนัดยิงเข้าไปในไหล่ ในตอนนั้นรีบวิ่งหนี ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ตอนนี้แค่ขยับกายนิดหนึ่ง ก็เจ็บจนถึงน้ำตาเธอล้วนจะพุ่งออกมาแล้ว
แท้ที่จริงยิ่งโชคดีกว่านี้ น่าจะเป็นเสี่ยวเป่าปลอดภัยไม่เป็นอะไร
ถ้าหากว่าเสี่ยวเป่าเกิดเรื่องเล็กน้อย เธอล้วนจะไม่ให้อภัยตนเองชั่วชีวิต
ตอนที่เธอกำลังคิดถึงเสี่ยวเป่าอยู่ เสียงที่ทำให้ประหลาดใจเสียงหนึ่งส่งมา
“หม่ามี๊!”
เธอรีบหันหน้าไป เห็นแค่เงากายตัวเล็กๆคนหนึ่งวิ่งพุ่งมาหาตนเอง
คือเสี่ยวเป่า
ตอนที่เขากำลังจะพุ่งเข้ามา จิ้นเฟิงเหราที่เดิมตามอยู่ข้างหลังเขาตาเร็วมือไวจับคอเสื้อของเขาไว้
“ระวังหน่อย! หม่ามี๊ของแกกำลังบาดเจ็บอยู่ล่ะ!”
น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเหราเคร่งขรึมเล็กน้อย
เสี่ยวเป่าไม่พอใจในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าล้วนหายไปเลย แต่ว่าเขาก็รู้ว่าตนเองผิดแล้ว ทำปากจู๋ทำตัวไม่ถูกยืนอยู่
เห็นสภาพนี้ เจียงสื้อสื้อยกมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ กวักมือเรียกเขา “เสี่ยวเป่า เข้ามา”
เสี่ยวเป่าดีใจยิ้มเบิกบานทันที วิ่งเข้าไปข้างหน้า ดวงตาโตที่สดใสดั่งกวางน้อยจ้องมองเธอตรงๆ
ก็เหมือนกลัวว่าแค่กะพริบตาเธอก็จะหายไปอย่างนั้น
“เสี่ยวเป่าโตขึ้นอีกแล้ว” เจียงสื้อสื้อลูบหัวเขา ลูบแล้วลูบอีก ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาก
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมนานขนาดนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเลย?”
จ้องมองลักษณะที่ไร้เดียงสาของเสี่ยวเป่า ในทันทีนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
เสี่ยวเป่าทำปากจู๋ น้อยใจเล็กน้อยพูดว่า “แด๊ดดี้กับคุณอารองล้วนบอกว่าหม่ามี๊ไปทำงานนอกสถานที่ แต่คุณน้าใจร้ายพูดว่าหม่ามี๊ไม่เอาผมกับแด๊ดดี้แล้ว”
คุณน้าใจร้ายหรือ?
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คุณน้าใจร้ายคนไหนล่ะ?”
จิ้นเฟิงเหราก็ถาม “เสี่ยวเป่า เป็นคุณน้าใจร้ายคนไหนพูดกับแกแบบนี้ล่ะ?”
“คุณน้าซู”
ได้ยินคำตอบนี้ เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเหราสบตากันหนึ่งที
พูดตามตรง ไม่แปลกใจเลย
“ซูชิงหยิงคนนั้นก็ทำเกินไปแล้วนะ พูดคำพูดแบบนั้นกับเด็กได้ยังไงล่ะ?” จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างโมโห
เจียงสื้อสื้อยักคิ้วหนึ่งที ต่อกับซูชิงหยิงคนนี้ เธอขี้เกียจที่จะพูดอะไรแล้วจริงๆ
ทั้งๆที่รู้ว่าเสี่ยวเป่าแคร์เธอ กลับยังพูดแบบนั้นแทงใจของเสี่ยวเป่า
แม้แต่เด็กก็สามารถทำเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเธอยังจะทำอะไรออกมาอีกจริงๆ
จิ้นเฟิงเหราเหมือนนึกถึงอะไร อยู่ดีๆ “อ่า” เสียงหนึ่ง
เขาจ้องมองเสี่ยวเป่า อย่างไม่แน่ใจถามว่า “เสี่ยวเป่า แกพูดความจริงกับคุณอารอง แกได้ยินคำพูดของคุณน้าใจร้ายใช่หรือไม่ จึงวิ่งออกไปหาหม่ามี๊ของแกล่ะ?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “อืม ผมคิดถึงหม่ามี๊แล้ว”
เขาคิดว่าหม่ามี๊นานขนาดนี้ไม่ได้กลับบ้าน คือไม่เอาเขาแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงอยากจะออกไปหาหม่ามี๊
ในทันทีนั้นในใจเจียงสื้อสื้อเจ็บปวดขึ้นมา แอบด่าตัวเองว่าช่างไม่ใช่คนแล้ว ถึงขนาดทิ้งเขาลงอย่างไม่เสียดายหลบไปยัง เมืองหนาน
แม้ว่าคือจำเป็น แต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกผิดมาก
“เสี่ยวเป่า ขอโทษ ล้วนคือความผิดของหม่ามี๊ ถ้าหากว่าไม่ใช่หม่ามี๊…….”
เจียงสื้อสื้อสะอื้น พูดต่อไปไม่ได้เลย
เสี่ยวเป่าส่ายหัวอย่างแรง “หม่ามี๊ ไม่ใช่ความผิดของคุณ คือความผิดของคุณน้าใจร้ายคนนั้น”
“ถูกแล้ว คือความผิดขอบซูชิงหยิง” จิ้นเฟิงเหราเห็นด้วยพูดว่า “พี่สะใภ้ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหัวเบาๆ “ไม่ว่าพูดยังไง เสี่ยวเป่าล้วนคือเพราะว่าจะไปหาฉัน จึงจะเกิดเรื่อง ฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบที่บ่ายเบี่ยงไม่ได้”
“พี่สะใภ้…….”
“ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามา ตัดคำพูดของจิ้นเฟิงเหรา
เจียงสื้อสื้อจ้องมองเขา มองเข้าไปนัยน์ตาที่ลึกลับของเขาโดยไม่รู้ตัว ใจสั่นนิดๆ
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ผมไม่หวังให้คุณเอาเรื่องนี้ใส่เป็นความผิดของตนเอง นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ”
“เฟิงเฉิน…….”
เจียงสื้อสื้อเจ็บใจขึ้นมา ขอบตาก็แดงขึ้นมาเลย
ทำไมเขาต่อเธอมักจะใจกว้างโอบอุ้มขนาดนี้ อ่อนโยนขนาดนี้ล่ะ?
ไม่คุ้มจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินจับมือของเธอไว้ จากนั้นหันหน้าไปบอกกับหมอที่อยู่ข้างหลังว่า “รบกวนท่านแล้ว”
หมอตรวจอาการทั่วไปให้กับเจียงสื้อสื้อ และตรวจบาดแผลด้วย จากนั้นยิ้มบอกกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “ร่างกายของภรรยาคุณไม่เป็นอะไรมาก……”
ภรรยาหรือ?
เจียงสื้อสื้อทำตาโต โดยสัญชาตญาณก็อ้าปากอยากจะพูดให้ชัดแจ้ง
ในเวลานี้ เธอรู้สึกถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินหยิกมือของเธอ หยิกแล้วหยิกอีก
เธอเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองใต้คางที่สดใสของเขา คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย เขา…….จะให้เธอไม่ต้องปฏิเสธหรือ?
หมอยังพูดต่ออีกว่า “อย่าไปแตะต้องแผล ก็อย่าไปโดนน้ำเช่นกัน พักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารให้ครบถ้วน” หมอสั่งเสร็จแล้วก็ออกไปเลย
จิ้นเฟิงเหราก็หาข้ออ้างอย่างหนึ่งออกไปเลย เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคอ
เดิมทีก็คิดว่าจะพาเสี่ยวเป่าออกไปด้วย แต่ว่าเสี่ยวเป่าไม่ยอม เขาก็ออกไปคนเดียวเลย
จิ้นเฟิงเฉินหมุนเตียงผู้ป่วยขึ้นมา ให้เธอนั่งพิงไว้
“หิวไหม?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“อืม”
จากเมื่อวานถึงวันนี้เธอล้วนแม้แต่ข้าวสักเม็ดก็ไม่ได้กินหิวโหยจนถึงหน้าอกติดกับด้านหลังมานานแล้ว
“เสี่ยวเป่า แกอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี๊ แด๊ดดี้ไปซื้อข้าว”
เสี่ยวเป่าก็รับปากทันที “ได้ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินออกไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็เรียกเสี่ยวเป่ามานั่งอยู่ข้างกายเธอ จากนั้นกอดเขาถามเรื่องที่เกิดขึ้นในสองเดือนที่ผ่านมานี้
ซูชิงหยิงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยมองเห็นเสี่ยวเป่าพิงอยู่ในอ้อมอกของเจียงสื้อสื้ออย่างใกล้ชิด นัยน์ตากวาดผ่านความอิจฉาเล็กน้อย
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเสี่ยวเป่าชอบเจียงสื้อสื้อขนาดนี้ล่ะ?
แต่ว่าไม่เป็นไร อีกไม่นานเสี่ยวเป่าก็จะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจียงสื้อสื้ออย่างชัดเจน
เธอสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที ส่งเสียงพูดว่า “คุณเจียงมีชีวิตชีวาดีนะ”
ได้ยินเสียง เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าเงยหน้ามองไป
ตอนที่มองเห็นเธอ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าหายไปทันที
“คุณซู”
เจียงสื้อสื้อท่าทีเรียบเฉย ทำให้ซูชิงหยิงไม่พอใจมาก เกือบจะโมโหขึ้นมาในทันที
แต่ว่าเธอกลั้นไว้แล้ว ใบหน้ารักษารอยยิ้มราบเรียบไว้ “ได้ยินว่าคุณได้รับบาดเจ็บแล้ว ดังนั้นฉันก็เลยมาเยี่ยม”
ต่อจากนั้นเธอมองดูรอบๆ ถามว่า “ดอกไม้นี้จะวางไว้ที่ไหนล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อจ้องมองดอกไม้ที่ถือไว้อยู่ในมือเธอ แม้รู้ว่าเธอไม่ได้มาเยี่ยมตัวเองอย่างจริงใจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดอกไม้นั้นสวยจริงๆ
“คุณก็วางตามสบายเถอะ”
ซูชิงหยิงวางดอกไม้ลง จากนั้นถามอีกว่า “คุณเจียงเป็นอะไรมากไหม?”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“เสี่ยวเป่าก็อยู่ด้วยหรือ”
ซูชิงหยิงยิ้มอย่างอ่อนโยนกับเสี่ยวเป่า ยิ้มแล้วยิ้มอีก เขา “ฮึ”ออกมาเสียงหนึ่งเบาๆจากรู้จมูก จากนั้นส่ายหัวไป ไม่สนใจเธอ
รอยยิ้มแข็งนิ่งไปทันที
เจียงสื้อสื้ออยากจะหัวเราะ เธอรีบกระแอมเสียงหนึ่งเบาๆ “คุณซูอย่าถือสาเลย เสี่ยวเป่ายังเล็กไม่รู้เรื่อง”
น้ำเสียงของเธอก็เหมือนพูดกับลูกตนเองอยู่ อีกทั้งน้ำเสียงมีคำว่าขอโทษสักนิดที่ไหนล่ะ!
ซูชิงหยิงโมโหมากๆ แต่ก็แสดงออกมาไม่ได้ ได้แค่หัวเราะแบบแกล้งๆพูดว่า “ฮึฮึ ฉันไม่ถือสาหรอก”