บทที่ 346 ที่นี่เป็นที่ๆเธอควรมางั้นเหรอ ?
ห้างสรรพสินค้าใหญ่เห็นหนึ่ง การรวมตัวกันของสามใหญ่หนึ่งเล็กที่ดูสะดุดตามาก
โดยเฉพาะเด็กน้อย วันนี้ถูกเจียงสื้อสื้อแต่ตัวได้ดูน่ารักและหล่อมากเป็นพิเศษ ยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าเด็ก ก็เหมือนเป็นป้ายโฆษณาให้กับทางร้านอย่างไรอย่างนั้น ดึงดูดความสนใจผู้คนได้เป็นอย่างมาก
เจียงสื้อสื้อชอบใจมาก เห็นอะไรก็อยากจะซื้อให้เสี่ยวเป่าหมด
“เสื้อชุดนี้ดูดีจัง เหมาะกับเสี่ยวเป่ามากเลย”
“หมวกใบนี้ก็ไม่เลว เสี่ยวเป่ารีบมาลองดูเร็ว ”
“ ได้ยินว่ารองเท้านี้กันลื่น เหมาะสำหรับเด็กใส่อย่างมาก ซื้อไปสองคู่ให้เสี่ยวเป่าผลัดเปลี่ยนกันใส่ ”
เจียงสื้อสื้อบ่นไปไม่ทันไร ในมือก็ถือถุงเพิ่มเป็นหลายถุงเลย ข้างในมีชุดของเสี่ยวเป่าอยู่ห้าชุดเต็มๆ ขอแค่เป็นของแค่เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วชอบ ก็จะซื้อหมด
เสี่ยวเป่าก็ตื่นเต้นดีใจใหญ่ ถูกเจียงสื้อสื้อพามาลองชุด ตลอดเวลาที่ลองชุดอยู่นั้น เขาให้ความร่วมมือทำตัวชื่อฟังมาก แถมยังรู้จักเงยหน้าถามเจียงสื้อสื้อด้วยเสียงแบ๊วๆ “หม่ามี๊ ผมหล่อมั้ยครับ ?”
เจียงสื้อสื้อยกนิ้วโป้งขึ้น และพูดชื่นชมเขา “เสี่ยวเป่าหล่อมากเลยครับ ”
เสี่ยวเป่าหัวเราะอย่างดีใจ แล้วพูดเบาๆ “ แล้วผมกับแดดดี๊ใครหล่อกว่ากันครับ ?”
“อืม ……”เจียงสื้อสื้อแกล้งทำเหมือนลำบากใจ เธอตอบว่า “ หม่ามี๊ว่าสูสีกันนะ ”
“หม่ามี๊รักผมที่สุด หรือว่ารักแดดดี๊ที่สุดครับ ?”เสี่ยวเป่าถามอย่างจริงจัง
ทุกคนในร้านต่างก็หัวเราะขึ้นมาก รู้สึกเด็กคนนี้แก่เด็กฉลาดมาก
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้ามาอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วทำท่าโบยบินด้วยท่ายาก
ทำเอาแม่จิ้นตบเขาไปหลายที และบ่นขึ้นมาว่า “ แกปล่อยหลานลงเดี่ยวนี้เลยนะ อย่าทำหลานตกใจ ”
จิ้นเฟิงเหราให้แม่ดูสีหน้าของเสี่ยวเป่า “ แม่ดูสิครับ หน้าเขาเหมือนคนตกใจเหรอครับ เสี่ยวเป่าชอบมากใช่มั้ย?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างแรง ดีใจจนแก้มแดงไปหมด
“ หลานชายของผมเก่งมากเลย ผมชอบเขามากเลยครับ ”จิ้นเฟิงเหราใช้แรงจูบแก้มของเสี่ยวเป่าทีนึง น้ำลายเต็มปาก
ใบหน้าน้อยๆของเสี่ยวเป่าแข็งทื่อในทันที เขายกมือเช็ดน้ำลายบนใบหน้า พร้อมทำหน้ามุ่ยและพูด “ คุณอาน้ำลายเยอะจังเลยครับ”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
เดินซื้อของในร้านเสื้อผ้าเด็กเสร็จเจียงสื้อสื้อก็ได้เดินไปร้านเสื้อผ้าผู้ชายต่อ
“เฟิงเหรา นายมาช่วยพี่ดูหน่อย เนคไทสองเส้นนี้ พี่นายจะชอบเส้นไหนกว่ากัน? ”ในมือของเจียงสื้อสื้อหยิบเนคไทราคาไม่เบาไว้สองเส้นและกวาดมือเรียกจิ้นเฟิงเหรา
จิ้นเฟิงเหราเดินมาดูทีนึง แล้วพูดอย่างปากเสีย “ พี่ผมขาดเนคไทเสียที่ไหน เขามีเยอะจะตาย ?”
เจียงสื้อสื้อพูดอย่างมีความมั่นใจ “ แต่มันไม่เหมือนกันนี่ ”
ที่เธอซื้อให้คือเธอซื้อให้ ที่จิ้นเฟิงเฉินซื้อเองก็คือที่เขาซื้อเอง มันจะเหมือนกันได้ยังไง คนไม่มีแฟนไม่เข้าใจเหตุผลนี้จริงๆ
“ งั้นก็เส้นนี้แล้วกันครับ ”จิ้นเฟิงเหราชี้ไปที่มือขวาของเจียงสื้อสื้อทีนึง
“ ฉันก็รู้สึกว่าเส้นนี้ดีเหมือนกัน ” เจียงสื้อสื้อทำท่าพึงพอใจมาก จากนั้นก็ไปเลือกกระดุมแขนเสื้อต่อ
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกอิจฉาตาร้อน เขาพูดประชดประชัน “ พี่สะใภ้ แล้วผมล่ะ น้องชายสุดที่รักคนนี้ ไม่ควรมีเนคไทกับกระดุดแขนเสื้อสวยๆด้วยเหรอครับ ?”
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อพูด แม่จิ้นก็พูดขึ้นมาว่า “ แกไปไกลๆเลย ถ้าแกอยากได้ของขวัญก็ให้เมียแกซื้อให้โน่น ”
“ แม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ ผมยังเป็นลูกแม่อยู่หรือเปล่าเนี่ย ?”จิ้นเฟิงเหราบ่น
“ คุณน้าพูดถูกค่ะ เฟิงเหราต้องรีบไปหาแฟนสักคนแล้ว ”เจียงสื้อสื้อปิดปากไว้ พูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น
จิ้นเฟิงเหราแบะปาก นี่ขนาดพี่ชายของเขาไม่อยู่นะ เขายังถูกรังแกจนได้ ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริงๆเลย
ก่อนที่แม่ของเขาจะสาธยายยาวเหยียด จิ้นเฟิงเหรารีบพูด “ แม่ครับ พี่สะใภ้ครับ ผมขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะครับ แม่กับพี่สะใภ้ค่อยๆเดินซื้อนะ ”
พอพูดจบ ยังไม่รอให้แม่จิ้นได้พูด ก็รีบเดินออกไปเลย
“แว๊บเดียว แถมยังวิ่งเร็วมาก ……”
จิ้นเฟิงเหราเดินไปข้างๆ หยิบมือถือออกมาเล่นเกมส์
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประชดประชันดังขึ้น
“นี่แกมีปัญญามาที่แบบนี้ด้วยเหรอ ?มีปัญญาซื้อของพวกนี้เหรอ ?”
จิ้นเฟิงเหราสะดุ้งตกใจจนมือสั่น เป้าหมายถูกเปิดเผย ถูกฝั่งตรงข้ามยิงตายทันที
“ แม่ง !”เขาด่าอยู่คำนึงแล้วเงยหน้าหันไปมอง
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านจิวเวอร์รี่หรูหราร้านนึง ข้างในมีคนรูปร่างผอมเพรียวกำลังก้มดูกำไลหยกในตู้โชว์ ดูท่าทางคงอยากจะซื้อ
แต่ว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆกลับเต็มไปด้วยสีหน้าดูถูก หน้าตาของผู้หญิงดูธรรมดา แต่แต่งตัวดูโอเวอร์มาก แทบจะใส่แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า
บนหน้าทาแป้งหนาทึบ เธอเชิดหน้าขึ้น และทำท่าเย่อหยิ่งเหมือนอยู่เหนือกว่าใครๆ
ข้างกายยังมีผู้ชายและผู้หญิงสองคนยืนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จิ้นเฟิงเหรารู้จักเขา คนๆนี้ดูเหมือนจะเป็นแฟนเก่าของส้งหวั่นชีง
ดูท่าส้งหวั่นชีงมาเดินซื้อของร้านจิวเวอร์รี่ พบกับแฟนเก่าและเมียน้อยพอดี จึงถูกเมียน้อยพูดประชดประชัดใส่
จิ้นเฟิงเหราค่อยๆยืนตัวตรง
ส้งหวั่นชีงรู้สึกรำคาญใจอย่างมาก ทำไมซวยขนาดนี้ มาเดินห้างยังมาเจอคนสารเลวต่ำช้าสองคนนี้ได้
ได้ยินคำพูดของฉีหรั่นแล้ว สีหน้าเธอแอบรำคาญ แต่ก็ขี้เกียจไปสนใจสองคนนั้น เธอแค่ถามพนักงานสาว “ รบกวนช่วยเอากำไลหยกชิ้นนี้ออกมาให้ฉันดูหน่อยได้มั้ยคะ?”
ใครจะไปนึกว่าพนักงานสาวไม่มีท่าทีจะขยับเลย แค่ใช้สายตามองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบนึง ฝืนใจยิ้มและพูดว่า “ คุณคะ กำไลหยกของเราราคาหกหมื่นหยวนนะคะ คุณมีเงินซื้อเหรอคะ?”
เธอเห็นส้งหวั่นชีงแต่งตัวดูธรรมดามาก แถมได้ยินคำประชดที่ฉีหรั่นพูดใส่เธอเมื่อกี๊ เลยแน่ใจว่าเธอไม่มีปัญญาจะซื้อได้แน่ จึงไม่สนใจเธอเลย น้ำเสียงดูเฉื่อยชามาก
ส้งหวั่นชีงได้ยินราคานี้ ก็อึ้งไปเหมือนกัน กำไลหยกนี้แพงจัง เธอนึกว่าแค่ไม่กี่พันหยวนเสียอีก ถ้าราคาหลายหมื่น เธอไม่มีเงินซื้อจริงๆ สีหน้าของส้งหวั่นชีงแสดงออกถึงความอับอาย อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของแม่เธอแล้ว เธออยากจะซื้อของขวัญให้แม่สักชิ้น
ยากมากที่จะเห็นของที่ถูกใจ เธอชอบกำไลหยกชิ้นนี้มาก แม่ของเธอก็น่าจะชอบด้วยเหมือนกัน
แต่ไม่คิดว่ามันจะแพงขนาดนี้ เธอไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น
พนักงานสาวเห็นสีหน้าเธอแล้วหัวเราะขึ้นมาทีนึงทันที น้ำเสียงปนด้วยการดูถูก เธอพูด “ ถ้าคุณไม่มีปัญญาซื้อ คงเอาออกมาให้ดูไม่ได้ค่ะ ”
พอพูดจบ เธอก็เลิกสนใจส้งหวั่นชีง แล้วเปลี่ยนสีหน้า หันไปยิ้มต้อนรับฉีหรั่นแทน
สีหน้าที่ประจบสอพลอ ราวกับเป็นคนละคนเลย
ส้งหวั่นชีงกัดริมฝีปากไว้ โกรธอยู่ในใจ อันที่จริงไม่มีกฏที่ว่าไม่ซื้อแล้วดูไม่ได้ ก็แค่พนักงานสาวประจบคนรวย ดูถูกคนจนก็แค่นั้นเอง
แต่ว่า ถึงรู้ว่าเป็นแบบนี้ เธอก็ทำอะไรไม่ได้
ใครใช้ให้เธอจนล่ะ
“ไม่มีปัญญาซื้อ ก็อย่ามาดูเลย ขายขี้หน้าคนอื่นเปล่าๆ ” เสียงประชดประชันของฉีหรั่นดังขึ้นอีก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและได้ใจ
จากนั้น เธอก็ยิ้มและพูดกับหลินเซิน “ เมื่อก่อน คุณไปชอบผู้หญิงแบบนี้ลงได้ยังไงคะ ?ทั้งจน ทั้งบ้านนอกแถมยังโง่อีกด้วย ”
หลินเซินหัวเราะและพูดอย่างดูดี “ผมเองก็เสียดายเหมือนกัน ……”
ได้ยินแบบนี้แล้ว ส้งหวั่นชีงหันไปมองหน้าแฟนเก่าอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เจ็บใจ เสียใจ และมีอารมณ์ต่างๆนาๆ สุดท้ายหยุดอยู่ที่อารมณ์ถูกเหยียบหยาม
เธอกำหมัดไว้แน่น โกรธจนหายใจขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด ถูกดูถูกและเหยียบหยามจนถึงขีดสุด
หลินเซินเห็นสีหน้าเธอแล้วหัวเราะขึ้นมาอีก สายตาลอยๆกวาดผ่านใบหน้าเธอ สุดท้ายสายตามองผ่านไปราวกับมองไม่เห็น
ในขณะนี้เอง เสียงแจ่มใสได้ดังขึ้น “ เอากำไลหยกชิ้นนั้นใส่กล่องให้ผม ”