ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 335 เธอร้ายไม่เบานะ

บทที่ 335 เธอร้ายไม่เบานะ

บทที่ 335 เธอร้ายไม่เบานะ

จิ้นเฟิงเฉินลูบหลังเธอเบา ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ว่ายังไงเขาก็จะห้ามไม่ให้เธอไปเจอพ่อซู

แต่ว่า………

เขาหันไปมองที่ห้องฉุกเฉิน

ทำไมอยู่ดีๆเขาถึงเป็นลมไปได้?

ฉันไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เสียงร้องไห้ของ เจียงสื้อสื้อถึงจะหยุดลงอย่างช้าๆ

เธอกระซิกๆและออกมาจากอ้อมแขนของเขา ทันใดนั้นก็พบว่าชุดสูทของเขาเปียกไปหมดเพราะน้ำตาของเธอ

“ทำยังไงดี” เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอแดงๆ และเสียงของเธอก็แหบลงเล็กน้อย

จิ้นเฟิงเฉินก้มมองลงมองไปที่เธอและยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็แห้ง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หน้าเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมา น่าอายจริงๆ โตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้แบบนี้อีก

“ คุณอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?” จิ้นเฟิงเฉินถาม

เธอพยักหน้า“ ดีขึ้นมากแล้ว”

จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงข้างๆเธอและหันไปมองหน้าเธอ “บอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

เจียงสื้อสื้อบอกสิ่งที่พ่อซูพูดให้เขาฟังทุกคำทุกประโยค และเรื่องที่พ่อซูคุกเข่าลงบีบบังคับเธอด้วย

จิ้นเฟิงเฉินยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง สุดท้ายเขาก็พูดอย่าเยาะเย้ยออกมา “ เพื่อซูชิงหยิงแล้ว เขายอมเสียได้แม้กระทั่งศักดิ์ศรีตัวเองจริงๆ”

“เฟิงเฉิน…… ” เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปากของเขาและลังเลเล็กน้อย

“คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาได้เลย”

“ฉันอยากจะบอกว่า … หรือว่าเราไม่ฟ้องซูชิงหยิงดีกว่า คุณว่าไง?”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ คุณถูกเขาเกลี้ยมกล่อมจนยอมแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่” เจียงสื้อสื้อส่ายหัว เธอมองเข้าไปที่ห้องฉูกเฉิน มุมปากของเธอโค้งงอขึ้นและมีร่องรอยของความอิจฉาปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเธอ “ฉันอิจฉาซูชิงหยิงมาก”

“หื้ม?”

“ พ่อของเธอยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อช่วยเธอ รู้ได้เลยว่าตอนที่เธออยู่บ้านพวกเขารักเธอแค่ไหน และพ่อของเธอรักเธอมากแค่ไหน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเธอก็เหงาลงเล็กน้อย

จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงพ่อของเธอ เขาจึงกอดเธอและพูดว่า “คุณมีผมก็เพียงพอแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มออกมา “ใช่ แค่มีคุณก็เพียงพอแล้ว”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เราสามารถขอให้ตระกูลซูส่งซูชิงหยิงไปต่างประเทศไม่ให้เธอกลับมาอีกได้นะ คุณคิดว่ายังไง?” เจียงสื้อสื้อถาม

“ คุณจะไม่ฟ้องเธอจริงๆหรือ?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ

“ใช่”

“ คิดดีๆแล้วใช่ไหม?”

“คิดดีๆแล้ว” เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “พ่อของเธอคุกเข่าลงแล้วนะ ถ้าฉันยังไม่ตกลงมันจะไม่ใจร้ายเกินไปหรือ? ”

“ ไม่หรอก ซูชิงหยิงทำตัวเองทั้งนั้น”

จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากปล่อยซูชิงหยิงไปง่ายๆแบบนี้ ความเจ็บปวดที่เธอทำกับสื้อสื้อ เธอควรจะชดใช้มันเป็นร้อยเท่าพันเท่า

แต่ยังไงก็ตาม เขาเคารพการตัดสินใจของเธอ

“ก็ใช่ เธอทำตัวเองจริงๆ” เรื่องนี้เจียงสื้อสื้อเห็นด้วย

“ แต่ตระกูลซูไม่ผิด”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้จัดการกับตระกูลซูอีกต่อไป แต่ตระกูลซูก็ไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้ว พวกเขาชดใช้กับสิ่งที่ซูชิงหยิงทำมาเยอะพอแล้ว

เธอคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เธอยังคงใจดีเกินไป บางทีพ่อซูอาจจะจับจุดนี้ของเธอได้ ก็เลยมาหาเธอ

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ผมรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร”

เขาทำเพื่อเธอมากมาย แต่สุดท้ายแล้วเธอกลับต้องการปล่อยซูชิงหยิงไป ทุกอย่างที่เขาทำก็สูญเปล่า

เจียงสื้อสื้อรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “ถ้าคุณฝืน คุณสามารถเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของฉัน และทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการนะ”

“ ฉันไม่ได้ฝืน”

สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว เขาห่วงเธอมากกว่า ขอแค่เธอมีความสุข จะให้เขาทำอะไรก็ได้

“ ขอบคุณนะ เฟิงเฉิน” เธอมองเขาอย่างซาบซึ้ง

จิ้นเฟิงเฉินลูบใบหน้าของเธอเบา ๆ และพูดว่า “ต่อไปนี้ไม่ต้องพูดคำว่าขอบคุณแล้วนะ”

เธอยิ้มออกมา “โอเค”

หลังผ่านการช่วยเหลือของทีมแพทย์ พ่อซูก็พ้นขีดอันตราย

“ผู้ป่วยมีอาการเลือดออกในสมองกะทันหัน โชคดีที่เขาถูกส่งมาโรงพยาบาลทันเวลา ไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ระวังอย่าทำให้เขามีอารมณ์รุนแรงอีก พักฟื้นตัวสักระยะก็จะดีขึ้น”

เจียงสื้อสื้อโค้งขอบคุณหมอ “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำอยู่แล้ว”

หลังจากหมอเดินจากไป เจียงสื้อสื้อมองไปที่พ่อซูที่ยังไม่ตื่นขึ้นมา และเอ่ยปากถามว่า “ต้องติดต่อครอบครัวซูหรือไม่?”

“ ฉันจะโทรหาเอง” จิ้นเฟิงเฉินเดินออกไป

เจียงสื้อสื้อเดินไปที่นั่งที่โซฟา และนึกถึงสิ่งที่หมอสั่งไว้เม้มริมฝีปากดูเหมือนว่าเธอจะต้องตกลงคำขอของพ่อซูแล้วแหละ

ช่างมันเถอะ ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเถอะ

……..

จิ้นเฟิงเฉินติดต่อแม่ซูไป ซึ่งเธอมาถึงโรงพยาบาลไวมาก

ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องคนไข้และเห็นคุณพ่อซูนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอก็ซีดลง เธอรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วเอามือทั้งสองข้างปิดปากไว้และมองไปที่พ่อซูด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ เหล่าซู นี่เกิดอะไรกับคุณเหรอ?” แม่ซูอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เมื่อเห็นพ่อซูหน้าซีดขาว

เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้และรู้สึกเศร้าขึ้นมา เธอจับมือของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่น

จิ้นเฟิงเฉินเหร่มองเธอ แล้วบีบฝ่ามือของเธอ ส่งสัญญาณให้เธอว่าไม่ต้องเสียใจ

ฉันไม่เป็นไร

เจียงสื้อสื้อส่งยิ้มให้เขาและบอกเขาอย่างไม่ออกเสียงว่าตัวเองไม่เป็นไร

“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

แม่ซูเช็ดน้ำตาแล้วหันไปมองพวกเขา

เมื่อเห็น เจียงสื้อสื้อสายตาความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

“คุณลุงเป็นลมอย่างกะทันหัน สื้อสื้อเป็นคนส่งเขามาที่โรงพยาบาล” จิ้นเฟิงเฉินกล่าว

แม่ซูเหล่ตาและจ้องมองเจียงสื้อสื้ออย่างเคร่งขรึม“ เหล่าซูไปหาคุณเพื่อขอความเมตตา ทำไมเขาถึงเป็นลมกะทันกันล่ะ? เป็นเพราะคุณพูดอะไรไปรึเปล่า?”

เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉินจากนั้นก็ปฏิเสธ: “ฉันไม่ได้พูดอะไร และไม่มีอะไรจะพูด”

“จริงเหรอ?” แม่ซูพูดอย่างเย็นชา “ใครๆก็รู้ว่าเธอเกลียดชิงหยิงและตระกูลซูของเรา”

“คุณป้าครับ ระวังคำพูดของคุณด้วย!” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างดุดัน

“เฟิงเฉินป้าจะแนะนำนะ อย่าหลงเชื่อรูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้ เธอร้ายไม่เบานะ”

เมื่อเห็นแม่ซูพูดให้ร้ายตัวเองต่อหน้าจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อรู้สึกอึดอัดมากและพูดว่า “ในเมื่อฉันร้ายไม่เบา ถ้าอย่างงั้นเฟิงเฉินเราฟ้องซูชิงหยิงต่อเถอะ ฉันขอถอนคำพูดที่ฉันบอกว่าจะยกเลิกคำฟ้อง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่ซูก็นิ่งเงียบและถามกลับไปว่า “เธอกำลังพูดถึงอะไร”

จิ้นเฟิงเฉินอธิบายอย่างเย็นชาว่า: “เพราะคำอ้อนวอนของคุณลุง สื้อสื้อจึงตัดสินใจที่จะไม่ฟ้องซูชิงหยิง แต่เพราะคุณพูดจาไม่ดี เธอจึงตัดสินใจฟ้องต่อไป”

เป็นไปได้อย่างไร?

แม่ซูไม่เชื่อ“ พวกเธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”

เจียงสื้อสื้อหัวเราะเยาะ “ทำไมฉันต้องโกหกคุณด้วยล่ะ?”

“เธอ……”

แม่ซูพูดไม่ออก คิดหาเหตุผลที่ทำให้เธอโกหกตัวเองไม่ได้

“คุณจะไม่ฟ้องชิงหยิงจริงๆหรือ?” แม่ซูถามอย่างไม่แน่ใจ

“ก่อนหน้านี้ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”

จากนั้นแม่ซูก็ตระหนักได้ว่าคำพูดของเธอทำให้คนอื่นขุ่นเคือง เธอก็รีบขอโทษ: “คุณเจียงคะฉันขอโทษฉันปากเร็วไปหน่อย โปรดอย่าถือสาเลยนะคะ”

“คุณคิดว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ที่คุณแทงคนอื่นแล้วก็พูดว่าขอโทษ?” เจียงสื้อสื้อมองเธออย่างเย็นชา

“ฉัน ……. ” แม่ซูตื่นตระหนก คราวนี้ฉันทำยังไงดี

เขาอุตส่าห์จะยกเลิกฟ้องชิงหยิง แต่กลับเปลี่ยนใจเพราะคำพูดของเธอ

ทันใดนั้น –

“เพี๊ยะ!”

มีเสียงตบที่ชัดเจนดังขึ้นในห้องพักคนไข่อย่างกะทันหัน

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท