บทที่ 367 แสดงความรักต่อกัน
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้มีสีหน้าอิจฉาเท่านั้น ทว่าจื่อเฟิงแอบกำหมัดแน่น
ผู้ช่วยสังเกตุเห็นความเปลี่ยนไปของจื่อเฟิง อดที่จะถามไม่ได้ว่า “จื่อเฟิง คุณเป็นอะไรไป?”
“ไม่เป็นอะไร”
ทิ้งคำพูดเย็นชาไว้ จื่อเฟิงก็ออกไปโดยไม่บอกกล่าว
หลังจากเสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมา จิ้นเฟิงเฉินก็สั่งให้พ่อบ้านส่งเขากลับโรงเรียน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังเด็กอยู่ แต่ว่าไม่สามารถปลูกฝังการหนีเรียนจนกลายเป็นนิสัย
ถึงเวลาเย็น เจียงสื้อสื้อจัดการงานในมือเสร็จ ถึงเวลาเลิกงานพอดี เห็นว่าบนโต๊ะไม่มีเอกสารอื่นที่จำเป็นต้อง เธอรู้สึกผ่อนคลาย
เก็บโต๊ะทำงานสักหน่อย แล้วเธอก็ขึ้นไปชั้นบน ตั้งใจจะเรียกจิ้นเฟิงเฉินกลับบ้านด้วยกัน
หลังจากมาถึงห้องทำงาน ปรากฏว่าจิ้นเฟิงเหราก็อยู่ ยิ้มแล้วทักทายเขา “เฟิงเฉินมาแล้ว”
“พี่สะใภ้” จิ้นเฟิงเหราพูดไปด้วยกระพริบตาไปด้วย ทำหน้าทะเล้น
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินเห็น มองด้วยสายตาพิฆาต จิ้นเฟิงเหราเปลี่ยนเป็นทำตัวดีขึ้นในทันที
อดแขวะในใจไม่ได้ว่า : นี่ก็ทำให้พี่สะใภ้มองดูเคร่งขรึมเกินไปหรือเปล่า ดูเหมือนว่าต่อไปไม่สามารถล้อเล่นได้ตามใจ
เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่มีความประสงค์ที่จะลุกขึ้น เจียงสื้อสื้อก็พูดหยอกล้อว่า “ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ท่านประธานยังไม่กลับบ้านหรอ?”
“ในฐานะประธาน ปกติแล้วจะลำบากกว่าพนักงานทั่วไปเล็กน้อย รอฉันจัดการเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จ รอฉันดีๆ”
จิ้นเฟิงเฉินพูดจบก็ลุกขึ้นดึงเจียงสื้อสื้อไปข้างๆ ฝากรอยจูบที่มุมริมฝีปากของเธอ
เห็นจิ้นเฟิงเฉินจ้องมองมาที่พวกเขา หน้าของเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะแดงขึ้นมา พูดกระซิบอย่างไม่พอใจว่า “เฟิงเหรายังอยู่นะ ทำไมคุณถึงสามารถ……”
แวบหนึ่งที่เห็นหน้าเจียงสื้อสื้อแดง จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ้มขึ้นมา ตามด้วยสายตาแห่งผู้ชนะมองไปที่จิ้นเฟิงเหรา
เห็นรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จของพี่ชายตนเอง จิ้นเฟิงเหราก็โกรธขึ้นมา อารมณ์นี้คือเขาตั้งใจ เลยเอะอะพูดออกไปว่า “นี่ พวกคุณสองคนไม่สนใจกาลเทศะเกินไปหน่อยหรือเปล่า ยังไงตอนนี้ยังมีฉันเป็นหมาผู้โดดเดี่ยวคนนี้ กล้าแสดงความรักออกมาได้อย่างไรล่ะ ทำร้ายจิตใจของฉันจริงๆเลย”
“งั้นคุณก็หาภรรยาให้เร็วหน่อย ทำตัวเหมือนก้างขวางคอทั้งวัน ฉันรักใคร่เอ็นดูภรรยาฉันต้องแบ่งแยกเวลาสถานที่หรอ?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจการเอะอะโวยวายของจิ้นเฟิงเหรา คำที่พูดออกมาก็ทำให้จิ้นเฟิงเหรารู้สึกแทงใจด้วยซ้ำ
“ได้เลย พวกคุณแสดงความรักของพวกคุณ ฉันมีตัวเล็กของฉัน”
พูดจบในหัวของจิ้นเฟิงเหราก็อดนึกถึงท่าทางของส้งหวั่นชีงไม่ได้
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็มองไปที่จิ้นเฟิงเหรา “ตัวเล็กคือหวั่นชีงใช่ไหม?”
“ไม่……ไม่ใช่สามัญชนอย่างเธอคนนั้น พี่สะใภ้อย่าคิดไปมั่วๆเลย” ราวกับว่าความในใจถูกเปิดเผย จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย
หลังจากเคาะคีย์บอร์ดครั้งสุดท้าย จิ้นเฟิงเฉินก็ทำงานของวันนี้เสร็จ ลุกขึ้นแล้วถามว่า “ฉันเลิกงานแล้ว คุณจะกลับด้วยกันกับพวกฉันไหม?”
“ไม่ละ วันนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาลเอาเฝือกออก” จิ้นเฟิงเหราพูดจบก็ตบๆขา
“งั้นก็ให้ผู้ช่วยตามคุณไป ดูแลคุณสักหน่อย”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินเดิมทีอยากจะปฏิเสธ เพราะก่อนหน้าเขาได้นัดกับส้งหวั่นชีงไว้แล้ว ไม่อยากให้คนอื่นรบกวนพวกเขา
เดิมทีเขามาที่บริษัทวันนี้เพื่อรอส้งหวั่นชีงเลิกงาน จะสะดวกกว่าที่เธอจะพาตนเองไปโรงพยาบาล
ยังไม่ทันได้รอให้เขาพูดปฏิเสธ ก็เห็นจื่อเฟิงผลักประตูเดินตรงเข้ามา เธอยื่นเอกสารในมือให้จิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดว่า “วันนี้ฉันทำงานเสร็จแล้ว ก็ให้ฉันไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคุณชายรองเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็มองไปที่จิ้นเฟิงเหรา ถามความคิดเห็นของเขา
มีผู้หญิงสวยไปด้วย โดยธรรมชาติจิ้นเฟิงเหราไม่สามารถปฏิเสธ เขาพยักหน้า แล้วก็เดินลงไป
นั่งบนรถ จิ้นเฟิงเหราส่งข้อความให้ส้งหวั่นชีง บอกเธอว่าไม่ต้องมาบริษัท ตรงไปรอเขาที่โรงพยาบาลเลย
เวลานี้ส้งฟวั่นชีงเพิ่งจะเลิกงาน เตรียมที่จะไปรับเขา ก็ได้รับข้อความนี้ พูดคุยกัน ส้งหวั่นชีงรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
หลายวันมานี้ ขอเพียงส้งหวั่นชีงมีเวลาว่าง ก็จะไปดูแลจิ้นเฟิงเหรา เจ้าคนนี้มักจะเล่นตลกกับเธอเสมอ แม้บางครั้งฉันจะโกรธเล็กน้อย แต่คิดว่าเงินที่เขาให้ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ก็อดทนไว้ได้
แต่อันที่จริงเธอก็มีความสุขอยู่ในนั้น มองข้อความบนมือถือ ในหัวของเธออดคิดไม่ได้ คงจะมีคนอื่นอยู่ข้างๆเขาหรือไม่?
ถูกความคิดฉับพลันนี้ทำให้ตกใจ ส้งหวั่นชีงรีบเก็บของตนเองแล้วไปโรงพยาบาล
จิ้นเฟิงเหรามาถึงโรงพยาบาลก็เห็นส้งหวั่นชีงเหม่อมองพื้นอยู่ อดไม่ได้ที่ตีหัวของเธอ
“สหายเสี่ยวส่ง เหม่อมองอะไร”
จิ้นเฟิงเฉินปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำให้ตกใจ ส้งหวั่นชีงคิดจะลงมือสั่งสอนเขาสักหน่อย ก็เห็นผู้หญิงที่สวยอย่างมากข้างๆเขา
ตอนแรกเธอตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถาม พาจิ้นเฟิงเหราไปที่ห้องทำงานของหมอ
เห็นคนของตระกูลจิ้น หมอจึงทำการถอดเฝือกให้จิ้นเฟิงเหรา หลังจากตัดเฝือก ยังพูดว่า “คุณชายรอง แม้ว่าขาของคุณจะฟื้นตัวได้ดี แต่ในช่วงนี้อย่าเพิ่งกระโดดโลดเต้น หากไม่มีเหตุอะไร ช่วงเวลาสั้นก็สามารถกลับมาแข็งแรงได้”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็พยักหน้า ในระหว่างนั้นส้งหวั่นชีงไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ออกมาหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว จิ้นเฟิงเหราทำหน้าประหลาดใจมองไปที่ส้งหวั่นชีง ทำไมปกติเด็กคนนี้ต่อล้อต่อเถียงกับตนเองขนาดนั้น ทว่าวันนี้ผิดปกติแบบนี้นะ?”
“คุณเป็นอะไร? ไม่ได้ป่วยใช่ไหม”
จิ้นเฟิงเหราพูดจบก็ต้องการจะยกมือขึ้น ส้งหวั่นชีงก็หลบออกมา เธอพูดว่า “ต่อไปคุณก็ระวังตัวด้วย อย่ากลับมาอีกละ”
เห็นว่าเธอหลบหลีกตนเองเล็กน้อย ในใจจิ้นเฟิงเหรารู้สึกไม่มีรสชาติชีวิตเล็กน้อย เพียงแต่แสดงบุคลิกสบายๆเช่นกัน
“นั่นเป็นธรรมดา สถานที่ผีนี่ฉันก็ไม่อยากกลับมาอีก”
พูดจบก็โบกมือไปทางจื่อเฟิง “จื่อเฟิงพวกเราไปกันเถอะ”
จื่อเฟิงพยักหน้า ทั้งสองคนก็ออกไป
ส้งหวั่นชีงมองภาพที่ทั้งสองคนจากไป แววตาหดหู่เล็กน้อย แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
จื่อเฟิงสงสัยเล็กน้อยว่าจิ้นเฟิงเหราได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร หลังจากขึ้นรถก็เอ่ยถาม “ขาของคุณชายรองได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก่อนหน้านี้มีคนลักพาตัวเสี่ยวเป่า พี่สะใภ้ฉันได้รับบาดเจ็บที่ช่วยเสี่ยวเป่า ฉันขวางการโจมตีแทนพวกเขา ฉันจะบอกกับคุณจื่อเฟิง ยังดีที่คุณชายมีไหวพริบ ไม่งั้นวันนั้นพี่ชายของฉันจะได้รับบาดเจ็บ”
จื่อเฟิงอยากรู้มาตลอดว่าจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อรู้จักกันได้อย่างไร อดที่จะสอบถามไม่ได้ “งั้นคุณชายกับคุณเจียงรู้จักกันได้อย่างไร คาดไม่ถึงว่าคุณชายจะสนใจผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ ทำให้ฉันแปลกใจเล็กน้อย”
หลังจากจิ้นเฟิงเหราได้ยินก็ตีขา พูดอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นคุณน่าจะถามถูกคนจริงๆ ความสัมพันธ์พี่สะใภ้ฉันกับพี่ชายฉันเป็นคนก่อ”
จากนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เริ่มคุยว่าพวกเขาทั้งสองคนพบกันได้อย่างไร ความสัมพันธ์แน่นอนได้อย่างไร ความสัมพันธ์ของสองคนเรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นตกใจอย่างมาก