บทที่ 396 เป่าหน่อยก็หายเจ็บแล้ว
หลังจากส่งสายตาให้เจียงสื้อสื้อแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็จากไป
มาถึงดาดฟ้า จิ้นเฟิงเฉินก็โทรกลับไปหาป๋ายหลี่ เอ่ยถามว่า“เป็นยังไงบ้าง”
“จับคนได้แล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปคุณจะทำอย่างไรต่อ” ป๋ายหลี่เอ่ยเรียบๆ
“ส่งคนไปให้ตำรวจโดยตรงเถอะ คุณรู้ว่าควรทำยังไง” สำหรับวิธีการจัดการของป๋ายหลี่ จิ้นเฟิงเฉินเชื่อถือได้
จิ้นเฟิงเฉินมองไปบนท้องฟ้า ที่เป็นสีฟ้าสดใสยากจะหาใดเปรียบ นกบินอยู่ในท้องฟ้าอย่างอิสระ
แต่ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ผืนฟ้าแห่งเดียวกันนี้ จะมีสายตากี่ดวงที่จับจ้องตนเองอยู่
ความจริงแล้วสองคนที่จับได้จิ้นเฟิงเฉินไม่ต้องส่งตัวให้ตำรวจก็ได้ หากปล่อยให้สองคนนั้นอยู่ในเงื้อมมือของเขา เขาจะต้องให้สองคนนั้นชดใช้ในสิ่งที่ทำทั้งหมด
แต่ภายในประเทศ เขายังไม่อยากทำตัวให้เป็นจุดสนใจ ไม่อยากจะใช้เส้นสายและวิธีการมากมายอะไร ไปต่อกรกับคนเหล่านี้ชั่วคราว แม้ว่าจะมีคนที่ช่วยเขาจัดการได้ จะไม่ยินดีได้อย่างไรกัน
พูดให้ชัด สองคนนี้ก็แค่นักฆ่าสองคนที่จี้เฉินซื้อตัวมา คนที่ต้องต่อกรด้วยจริงๆก็คือคนที่แอบอยู่เบื้องหลังอย่างจี้เฉิน。
เมื่อวางสายแล้วจิ้นเฟิงเฉินก็กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย ตอนนี้จิ้นเฟิงเหราตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ยังอ่อนเพลียอยู่มาก
“ลูกแม่ ลูกบอกสิว่าลูกอยากกินอยากดื่มอะไร แม่จะไปทำมาให้ ไม่ว่าขออะไรแม่ก็ให้หมด” แม่จิ้นลูบคลำใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา สงสารจับใจ
“แม่ ขอแค่แม่ไม่เร่งให้ผมแต่งงานก็พอแล้วครับ”
คำพูดของจิ้นเฟิงเหราทำให้แม่จิ้นไม่พอใจเล็กน้อย ก้มลงไปที่ข้างหมอนแล้วพูดกับเขาว่า “การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต จะไม่คิดพิจารณาได้ยังไง ตอนนี้พี่ชายเราก็มีสื้อสื้อ และยังมีลูกชายแล้ว แต่ตอนนี้ลูกยังไม่มีเลย คิดว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานหรือยังไง”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็แสยะยิ้มทันทีพูดว่า “แม่ ผมเจ็บมากเลยครับ”
“ตรงไหน รีบให้แม่ดูหน่อย”
พอได้ยินว่าจิ้นเฟิงเหราเจ็บ แม่จิ้นก็หยุดพล่ามทันที รีบลุกขึ้นไปดูลูกชายทันที
จังหวะที่แม่จิ้นไม่ทันสังเกตเห็น จิ้นเฟิงเหราก็ขยิบตาหนึ่งครั้ง หลังจากเจียงสื้อสื้อเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มออกมา เพื่อต้องการที่จะหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้จึงต้องใช้ไม้นี้
ตอนนี้ ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก ส้งหวั่นชีงเดินเข้ามา ในมือถือกล่องอาหารและผลไม้ ตอนที่เธอเห็นคนอยู่เต็มห้อง ก็อึ้งไป
เธอแค่อยากจะมาเยี่ยมจิ้นเฟิงเหรา คิดไม่ถึงว่าทุกคนในบ้านตระกูลจิ้นจะอยู่ที่นี่ด้วย
วางของลงแล้วคิดจะไปทันที แต่กลับถูกเจียงสื้อสื้อรั้งเอาไว้
“หวั่นชีง มาแล้วก็อยู่ก่อนเถอะ เฟิงเหรายังต้องการให้เธอดูแลนะ”
แม่จิ้นเหลือบมองส้งหวั่นชีง แววตาเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์
เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้จิ้นเฟิงเหราต้องบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เมื่อได้พบเธออีกแน่นอนว่าเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีนัก
สัมผัสได้ถึงสายตาของแม่จิ้น ส้งหวั่นชีงก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
เสี่ยวเป่าเห็นอย่างนั้นก็จับมือส้งหวั่นชีง พามาข้างๆจิ้นเฟิงเหรา พูดอย่างแก่แดดว่า “น้าหวั่นชีง ผมเห็นคุณอาเจ็บมาก น้าช่วยเป่าให้หน่อย เมื่อก่อนตอนเสี่ยวเป่าหกล้มเป็นแผล หม่ามี๊ก็เป่าให้ผม เป่านิดหน่อยก็หายเจ็บแล้ว น้าช่วยคุณอาหน่อยนะครับ”
ได้ยินอย่างนั้น ส้งหวั่นชีงก็อดหัวเราะไม่ได้ คนอื่นๆภายในห้องต่างหัวเราะเสี่ยวเป่า บรรยากาศเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายขึ้นมา
หลายคนพูดคุยกันเล็กน้อยภายในห้อง แม่จิ้นก็เตรียมตัวกลับ เพราะยังต้องกลับไปเอาชุดมาให้เขาเปลี่ยนอีก
แม่จิ้นพาเสี่ยวเป่ากลับบ้าน เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินกลับไปที่บริษัท เพราะยังมีเรื่องที่จิ้นเฟิงเฉินยังต้องจัดการอีก
หลังจากมาที่บริษัท จิ้นเฟิงเฉินก็ดำดิ่งอยู่กับการทำงาน เจียงสื้อสื้อนั้นเคยชินกับการทำงานของเขาแล้ว เธอจึงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ
วันนั้น สองทหารรับจ้างก็ถูกส่งถึงมือตำรวจ ป๋ายหลี่สรรหาเหตุผลมาข้อหนึ่ง หลีกเลี่ยงไม่ให้ตำรวจสงสัยอะไร
หลังจากที่ทานอาหารเย็นที่บ้านเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พาเจียงสื้อสื้อออกมา ทั้งสองเดินเล่นบนถนน รับลมเย็นที่พัดโชยมาเย็นสบาย
“เฟิงเฉิน ดูเหมือนพวกเราไม่ได้มาเดินเล่นกันแบบนี้มานานแล้ว”
เจียงสื้อสื้อมองตะวันตกดินพลางเอ่ยออกมา
ได้ยินเธอพูดจิ้นเฟิงเฉินก็ลูบที่หัวเธออย่างอ่อนโยน พูดอย่างเอ็นดูว่า “ใช่แล้ว ช่วงนี้ผมงานยุ่งเหลือเกิน บวกกับเฟิงเหราบาดเจ็บ ขอแค่ผมจัดการพวกแมลงในประเทศพวกนี้ก่อน ผมจะพาคุณไปเที่ยว”
เจียงสื้อสื้อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย มองจิ้นเฟิงเฉินอย่างกังวลแล้วเอ่ยว่า “คุณต้องรักษาการติดต่อกับฉันตลอด ให้ฉันรู้ทุกความเคลื่อนไหวของคุณ และยังห้ามไม่ให้คุณได้รับบาดเจ็บด้วย”
เห็นความกังวลในแววตาเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกอบอุ่นหัวใจ พยักหน้าอย่างจริงจัง
ทั้งสองเดินเล่นด้านนอกอีกพักหนึ่ง จึงกลับเข้ามาในบ้าน
วันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ไปที่บริษัท แต่ว่าผู้ช่วยก็ยังคงมารายงานที่บ้านเหมือนเดิมปกติ ยื่นเอกสารปึกหนึ่งส่งให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินเปิดเอกสารดูคร่าวๆ ยังไม่ได้เซ็นชื่อบนเอกสาร เอ่ยถามว่า “สถานการณ์ตอนนี้ของสตีเฟนเป็นอย่างไรบ้าง”
ผู้ช่วยก็ยื่นเอกสารเกี่ยวกับสตีเฟนกรุ๊ปให้จิ้นเฟิงเฉิน “สองวันมานี้ ร้านยาขนาดใหญ่ภายใต้การดูแลของสตีเฟนกรุ๊ปหลายร้านต่างปิดกันหมด และยังมีโรงพยาบาลภายใต้การควบคุมดูแลของพวกเขาก็ถูกตรวจสอบ ตอนนี้จี้เฉินคงจะกำลังยุ่งอยู่กับการแก้ไขสถานการณ์ที่คับขัน คาดว่าไม่มีกะจิตกะใจมาดูแลงานในประเทศแล้วครับ”
ได้ยินที่ผู้ช่วยรายงาน จิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยอย่างพอใจว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นจะดีมาก ถึงเวลาคุณติดต่ออิ้งเทียน ให้เขาคอยจับตาดูเอาไว้ หากเป็นไปได้ พยายามเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศของสตีเฟนมาบ้าง”
มองไปยังรูปที่หยิ่งยโสของจี้เฉินในเอกสาร จิ้นเฟิงเฉินแทบจะทนไม่ได้ที่บีบคอผู้ชายคนนี้ให้ตายไปซะ หากไม่ใช่เพราะเขา จิ้นเฟิงเหราก็ไม่ต้องถูกทำร้ายหนักขนาดนั้น
สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอจากร่างจิ้นเฟิงเฉินที่เปลี่ยนไป ผู้ช่วยก็รีบเผ่นหนีไปทันที ไม่อย่างนั้นอาจโดนลูกหลงไปด้วย
ในใจก็รู้สึกสงสารจี้เฉินคนนั้น หากจิ้นเฟิงเฉินคิดจะบีบเขาให้ตาย เกรงว่าสตีเฟนกรุ๊ปของเขาคงต้องปิดกิจการ
ต่างประเทศ จี้เฉินได้รับข่าวว่า ทหารรับจ้างสองคนนั้นถูกจับแล้ว รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ทหารรับจ้างสองคนนั้นติดหนึ่งใน 30 อันดับแรกของการจัดอันดับทหารรับจ้าง แต่พวกเขากลับคว้าน้ำเหลว
สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่แค่เพียงสูญเสียนักฆ่าสองคน เขาฉีกเอกสารในมืออย่างโมโห และยังกวาดข้าวของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้น กระทืบพื้นไปมาไม่หยุด
หลังจากปลดปล่อยอารมณ์แล้ว จี้เฉินจุดบุหรี่หนึ่งมวน ในมือถือเอกสารข้อมูลของจิ้นเฟิงเฉิน ผู้ชายคนนี้มีสองด้านจริงๆ ตนเองประเมินเขาต่ำไป
เห็นจี้เฉินสงบอารมณ์ลงแล้ว ผู้ช่วยก็พูดว่า “ท่านประธานครับ เกรงว่าต่อไปพวกเราคงทำงานลำบาก ทางทหารรับจ้างนั้นก็ขาดยอดฝีมือไปสองคน จะต้องหาเรื่องเดือดร้อนให้พวกเราแน่”
“อย่างนั้นก็ให้เงินไปปิดปากพวกเขามากขึ้นอีกหน่อย” จี้เฉินได้ยินเรื่องขุ่นข้องหมองใจก็คลายกระดุมเสื้อเชิ้ตออก กระดุมติดแน่นจนทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
“สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ น่าจะเอาเงินออกยากมากครับ” ผู้ช่วยเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว