ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1707 : สมบัติของราชาตะวันออก

ตอนที่ 1707 : สมบัติของราชาตะวันออก

สุสานของราชาตะวันออกนั้นใหญ่กว่าสุสานขั้น 9 ทั่วไป มันใหญ่กว่าโลกขั้น 9 อย่างโลกสวรรค์ร้างที่จางหยูเคยไปมาเสียอีก ทำให้มองเห็นภาพได้ว่าราชาตะวันออกนั้นแข็งแกร่งเพียงใดก่อนที่เขาจะตายและจิตผู้สร้างเขาน่ากลัวแค่ไหน
แม้ว่าการรับรู้ของจางหยูจะกว้างกว่าเดิมถึง 10 เท่า แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในสุสานได้ แม้แต่ 1 ใน 10 รึ 1 ใน 100 ก็ยังไม่ถึง
ชายวัยกลางคนยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับปราณสุสานที่เข้มข้นขึ้น แม้ว่าจะไม่น่ากลัวเท่ากับสุสานสวรรค์แต่สำหรับผู้ควบคุมขั้น 8 ทั่วไปแล้วก็ทำให้พวกเขาลำบากได้อยู่
“ หัวหน้าเบเกิล ข้าทนไม่ได้แล้ว ” โล่พลังของโจวโจวบิดเบี้ยวไปราวกับจะพังลงตอนไหนก็ได้
หลิงหลงเองก็พูดขึ้นมา “ข้าเองก็เกือบจะไม่ไหวแล้ว ”
เบเกิลยังไม่ทันได้พูดอะไร จางหยูก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น “ข้า จ้านเทียนเกอและพี่เบเกิลจะตามไปเอง คนอื่นๆไปที่เขตกลางของสุสาน เราจะแยกกัน จากนั้นก็ไปพบกันที่ทางออก ”
“ แบบนั้นก็ดี ” เบเกิลคิดและตอบกลับ “ ที่นี่อันตรายสำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าควรไปที่เขตกลางจะดีกว่า มันอาจจะมีผู้นำที่คาดไม่ถึงอยู่ที่นั่นด้วย แม้ว่าจะสายเกินไปที่จะเดินทางไปที่เขตกลางตอนนี้ แต่บางทีพวกเจ้าอาจจะได้อะไรติดตัวกลับมา ”
ไม่นานพวกเขาก็แยกกันเป็นสองกลุ่ม จางหยู, จ้านเทียนเกอและเบเกิลยังคงติดตามชายวัยกลางคนต่อ ส่วนคนที่เหลือมุ่งหน้าไปที่เขตกลางแทน
พูดโดยทั่วไปแล้วเขตกลางนั้นน่าจะเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันมากที่สุด แต่สุสานแห่งนี้ไม่เหมือนสุสานทั่วไป ในทางกลับกันแล้ว จางหยูและคนอื่นๆได้เดินทางมายังส่วนที่มีปราณสุสานหนาแน่นกว่าที่อื่น โชคร้ายที่ไม่อาจจะพาหลินเป่ยชานและคนอื่นๆมาด้วยได้ เพราะปราณสุสานที่นี่หนาแน่นมากจนไม่อาจจะเทียบกับเขตนอกของสุสานได้
แม้แต่ผู้นำขั้น 8 ต่อหน้าปราณสุสานระดับนี้ก็ยังตกที่นั่งลำบากได้
พวกเขาเดินทางกันต่อ 2-3 วันจนพบกับภูเขาไฟตรงหน้า ตอนนั้นเองที่ชายวัยกลางคนได้หยุดลง
“ ที่นี่แหละ ” จางหยูมองไปที่ชายวัยกลางคนก่อนจะมองไปรอบๆแล้วพบว่ามีผู้นำหลายคนลอยตัวอยู่เหนือภูเขาไฟ สายตาของพวกเขาต่างก็จับจ้องไปที่ภูเขาไฟด้านล่าง
จางหยูและคนอื่นๆปกปิดคลื่นพลังเอาไว้ พวกเขาพยายามซ่อนตัวให้ได้มากที่สุด ในตอนที่จับตาดูทุกคนนั้นจางหยูก็ได้ถามขึ้นมา “ เจ้ารู้จักคนเหล่านี้รึไม่ ?”
มันมีผู้นำสี่คน นอกจากชายวัยกลางคนแล้วก็ยังมีผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกคน
“ ผู้นำในยุคข้าเกรงว่าคงจะเหลือไม่มากนัก “ จ้านเทียนเกอส่ายหน้า “ คนพวกนี้น่าจะเพิ่งกำเนิดมาในหลักร้อยปี ข้าจะรู้จักได้ยังไง ?”
เบเกิลพูดขึ้น “ คนพวกนี้ชัดแล้วว่าปลอมตัวมา ข้าไม่อาจจะจำพวกนี้ได้ ”
ไม่มีใครมองผ่านการปลอมตัวของผู้นำได้ นอกซะจากว่าจะสนิทกันและรู้คลื่นพลังของอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่นเบเกิล หากเขาเปลี่ยนหน้าตัวเอง คนอื่นๆก็ไม่อาจจะมองเขาออก
ตอนที่จางหยูสังเกตผู้นำทั้งสี่คน ผู้นำทั้งสี่คนก็ทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองโดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่เปลี่ยนเป็นชายหนุ่ม นอกจากเพศแล้ว องค์ประกอบอื่นๆต่างก็เปลี่ยนไปหมด ไอรีนโนเวล
“ เรสกู”
“ เยว่จ้ง”
“ จิ่งชาน”
“ ทัลซา ”
ทั้งสี่คนเหมือนจะไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกแล้ว
สุดท้ายเบเกิลก็จำทั้งสี่คนได้ “ ผู้นำทั้งหมด !”
แม้ว่าความโกลาหลจะกว้างใหญ่ และผู้ควบคุมขั้นที่ 8 ก็มีจำนวนมาก แต่จำนวนผู้นำขั้นที่ 8 น่ะมีจำกัด ทั้งความโกลาหลนั้นจำนวนผู้นำขั้น 8 ก็มีแค่ไม่กี่สิบคน เบเกิลอาจจะจำทุกคนไม่ได้แต่เขาก็จำได้ประมาณ 10-20คน
นอกจากผู้นำที่ยังไม่เปิดเผยตัวเอง งั้นคนที่เหลือเบเกิลก็รู้จัก
ตอนนั้นบนภูเขาไฟ เรสกูก็มองไปยังทั้งสามคนด้วยความแปลกใจ “ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะหาที่นี่พบ ”
“ สมบัติของราชาตะวันออกมันน่าสนใจ” เยว่จ้งพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เจ้ามาได้ เป็นธรรมดาที่เราจะมาได้ ”
ทัลซาพูดขึ้น “ ข้าได้ใช้เงินก้อนโตไปกับข่าวนี้ สมบัตินี้ข้าต้องเอามันมาให้ได้ ”
จิ่งชานที่เป็นชายหนุ่มมองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น “ ก่อนอื่นร่วมมือกันทำลายผนึกก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากไม่สามารถเปิดผนึกได้ งั้นทุกอย่างก็เสียเปล่า ”
ภูเขาไฟนี้คือผนึกของสมบัติราชาตะวันออก มีแค่การทำลายผนึกเท่านั้นที่จะเห็นสมบัตินั่น
“ ก็ได้ มาร่วมมือกันทลายผนึกก่อน ” เรสกูดูมั่นใจอย่างมาก สำหรับข้อเสนอของจิ่งชานแล้ว เขาไม่ลังเลที่จะตกลง
คนที่เหลือเองก็มั่นใจในตัวเอง เขาไม่ได้กังวลว่าสมบัติของราชาตะวันออกจะตกเป็นของคนอื่น
จางหยูและคนอื่นๆที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินที่พวกนั้นพูดก็ตาเป็นประกายขึ้นมา โดยเฉพาะเบเกิล เขาอดไม่ได้ที่จะดีใจ “ดีจริงๆที่ฟังคำพูดของเจ้าและตามมาที่นี่ ไม่งั้นแล้วเราคงไม่มีทางได้สมบัติของราชาตะวันออก ”
ใครจะไปคิดว่าสมบัติของราชาตะวันออกนั้นจะไม่ได้อยู่ที่เขตกลางแต่กลับอยู่ในที่ที่ห่างไกลแบบนี้แทน ?
พวกเขายังเลือกที่จะซ่อนตัวกันต่อ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยตัวเอง
ผู้นำทั้งสี่บนท้องฟ้าต่างก็แผ่จิตผู้สร้างของตัวเองออกมา จิตผู้สร้างอันน่ากลัวได้รวมตัวกันกลายเป็นลำแสง จากนั้นลำแสงทั้งสี่ก็ได้ยิงลงไปที่ภูเขาไฟราวกับอัดพลังงานเข้าไปในภูเขาไฟ เมื่อได้รับพลังสร้างนี้ ภูเขาไฟก็เกิดการสั่นไหว แสงสีแดงในภูเขาไฟส่องประกายแล้วระเบิดออกมาย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง
“ มาแล้ว !” เรสกูแผ่จิตผู้สร้างออกไปอีก
คนอื่นๆเองก็ไม่ลังเลที่จะลงมือ
หลังจากทำการโจมตีอยู่หลายครั้ง ภูเขาไฟก็สั่นไหวยิ่งกว่าเดิม ลาวาที่ปะทุออกมาก็เริ่มบางลงเรื่อยๆ ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดง ต้นไม้รอบๆโดนเผากลายเป็นเถ้า ทุกที่โดนเผาราวกับจุดจบของโลก
สุดท้ายพลังของภูเขาไฟก็หมดลง ภูเขาเริ่มเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับจิตอันแข็งแกร่งที่พุ่งออกมาจากใจกลางภูเขาไฟ ก่อนจะก่อตัวเป็นโกลาหลขนาดย่อย
“ ผนึกพังแล้ว ! ” เรสกูตื่นเต้นขึ้นมา สายตาของเขาจ้องมองไปยังใจกลางภูเขาไฟ
ตอนนั้นแม้ว่าจิ่งชานและเยว่จ้งจะไม่ได้ตกลงกันก่อน แต่ทั้งสองก็ทำการโจมตีใส่เรสกูพร้อมกัน ทั้งสองคนไม่คิดจะยั้งมือและใช้การโจมตีของผู้ควบคุมขั้นที่ 8 ระดับสูงสุดโจมตีใส่เรสกู เรสกูนั้นหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าจะโดนโจมตี เมื่อจิ่งชานและเยว่จ้งโจมตีเขา เขาจึงไม่ได้แปลกใจมากนัก
ตูมมม!
โล่พลังของเรสกูลบพลังโจมตีไปจำนวนมาก พลังส่วนที่เหลือสลายไปเพราะร่างกายเขา มันไม่ได้เป็นภัยต่อชีวิตเขา
เรสกูเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วแสยะยิ้มออกมา “ คิดจะโจมตีข้ารึ? ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง ” เขามองไปที่ทัลซาและพูดขึ้น “ เห็นรึไม่? สองคนนี้ร่วมมือกัน หากเจ้าไม่อยากเจ็บตัว เจ้าก็ควรร่วมมือกับข้า ”
“ เจ้าว่ายังไง ” จิ่งชานมองไปที่ทัลซาแล้วพูดขึ้น “สมบัติของราชาตะวันออก ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแตะต้องได้”
“ เด็กน้อย เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไป ข้าไม่ได้อ่อนแอกว่าเจ้ารึเยว่จ้งเลย ” เรสกูพูดขึ้นมา “ เจ้าอยากครองสมบัติราชาตะวันออกไว้คนเดียวรึ ? เจ้าฝันไปรึไม่ ?”
ทัลซาไม่ลังเลที่จะเลือกข้างเรสกูเพื่อความปลอดภัยของนางเอง นางจึงได้พูดขึ้น “ อยากจะสู้รึ ? ได้ ข้าจะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด ”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท