บทที่ 452 คืนลูกให้ฉันหน่อย
เซิ่งจือเสี้ยครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง เข้าใจขึ้นมาทันที พยักหน้าพูดว่า”โอเค ฉันไปหาเธอ”
ในห้องของโรงแรม เจียงนวลนวลหัวเราะขึ้นมาอย่างดีใจ แต่ว่าในรอยยิ้มของเธอ ยังมีความโหดเหี้ยมอยู่บางส่วน
เจียงสื้อสื้อแข่งกับฉัน ฉันจะให้แกไม่มีวันพลิกร่างอีก
วันรุ่งขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินขับรถส่งเจียงสื้อสื้อไปทำงาน สองคนไม่ได้เจอมาหลายวัน ไม่อยากแยกออกจากกัน
มาถึงใต้ตึกของเจียงซื่อกรุ๊ป จิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไป
ล่าช้าไปอีกหลายนาที เจียงสื้อสื้อถึงลงจากรถ ริมฝีปากของเธอยังแดงอยู่ วิ่งหนีเข้าไปในหน้าประตูบริษัท
จิ้นเฟิงเฉินในข้างหลัง รอจนกว่าร่างเงาของเธอหายไป ถึงสตาร์ทรถจากไป
เจียงสื้อสื้อเพิ่งถึงห้องทำงาน เสียงดิงดองดังขึ้นมา มีข้อความส่งมาในโทรศัพท์ เธอนึกว่าคือจิ้นเฟิงเฉิน จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา พึมพำอยู่ว่าเพิ่งด้วยแยกจากกัน ส่งข้อความมาทำอะไร แต่ในใจเต็มไปด้วยความหวาน
ข้อความไม่ได้ส่งมาจากจิ้นเฟิงเฉิน มาจากเป็นเบอร์แปลกหน้าอีกเบอร์หนึ่ง
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเป่า อยากรู้ไหม ตอนเที่ยงเจอกันที่ร้านกาแฟถนนฉางชิง”
เจียงสื้อสื้อดูไปหลายรอบ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตกลงใครส่งข้อความมาให้เธอ แล้วเรื่องของเสี่ยวเป่า จะเป็นเรื่องอะไร?
ต้องยอมรับว่า ข้อความนี้ได้กระตุ้นความสนใจของเจียงสื้อสื้อ เพราะว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเป่า เธอล้วนไม่อยากพลาด
พอถึงเวลา เจียงสื้อสื้อก็ไปร้านกาแฟที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวไว้
คนในร้านกาแฟค่อนข้างมาก เจียงสื้อสื้อมองอยู่ข้างนอกไปสักครู่หนึ่ง รู้สึกว่าทุกคนล้วนมีโอกาสส่งข้อความให้เธอ พิจารณาได้ไม่แน่วแน่ ก็เลยเดินเข้าไปโดยตรง
เธอเพิ่งเดินเข้าไป ก็สังเกตได้ทันทีว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ มองเธออยู่ตลอด แม้กระทั่งตอนนี้สัมผัสกับสายตาของเธอ ผู้หญิงก็ไม่ได้หลบหลีก เจียงสื้อสื้อแน่ใจว่า คนที่นัดกับเธอ ก็คือผู้หญิงคนนี้!
เธอเดินไปโดยตรง ยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผู้หญิงกลับลุกขึ้นมาทันที ทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจมาก
“คุณ……”ยังพูดไม่จบ ผู้หญิงก็คุกเข่าลงมาต่อหน้าเธอ
เจียงสื้อสื้อตกใจมาก ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ทำไมเธอก็คุกเข่าแล้วล่ะ
คนในร้านกาแฟมากขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อกลัวว่าถูกคนอื่นพบเห็น จึงรีบไปประคองเธอ”สถานการณ์อะไรเนี่ย?”
ผู้หญิงมองไปที่เธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา”ขอร้องคะ คุณหญิงจิ้น โปรดคืนเสี่ยวเป่าและเฟิงเฉินให้ฉันหน่อย ขอร้องคะ”
เจียงสื้อสื้อนิ่งอึ้ง มือที่เอื้อมออกไปยังไม่ทันได้โดนผู้หญิงก็เก็บกลับมา
ผู้หญิงขอร้องอยู่ เจียงสื้อสื้อสับสนมาก ถามโดยจิตสำนึกว่า”คุณพูดอะไรอยู่?”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นภรรยาของเฟิงเฉิน คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้ว ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า ฉันรักเฟิงเฉิน รักมากๆ คุณช่วยฉันหน่อย คืนครอบครัวที่ครบถ้วนให้เสี่ยวเป่าด้วย”ผู้หญิงไม่ได้สนใจคำพูดของเจียงสื้อสื้อ พูดไปเรื่อยๆ
หัวใจของเจียงสื้อสื้อเหมือนถูกบีบอย่างแรง สีหน้าลึกซึ้งมาก ถามกลับว่า”คุณเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า?”
“ใช่แล้ว ฉันเป็นแม่แท้ๆของ เสี่ยวเป่า คุณหญิงจิ้น คุณก็รักเสี่ยวเป่าใช่ไหม คุณไม่อยากเห็นเสี่ยวเป่าไม่มีแม่แท้ใช่ไหม คุณยอมรับฉันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า ถ้ามีวันหนึ่ง แม่แท้ๆของเสี่ยวเป่าหามา ขอร้องให้ตัวเองสละสิทธิ์ จะเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะ?
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น?”เธอตั้งสติขึ้นมา กว่าจะค้นพบเสียงของตัวเอง
ผู้หญิงร้องไห้และเล่าเรื่องที่คุยกับแม่จิ้นในก่อนหน้านี้ออกมาอีกครััง เจียงสื้อสื้อฟังอย่างมึนงง สมองยุ่งเหยิงมาก
ระหว่างที่ฟังเธอก็ได้คิดบางอย่างอยู่ อย่างนี้นี่เอง เสี่ยวเป่าออกมาอย่างนี้นั่นเอง เธอก็คือแม่ของเสี่ยวเป่า หน้าตาดีจริงๆ ไม่น่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงน่ารักขนาดนั้น
แต่พอนึกถึงว่า ก็คือผู้หญิงคนนี้ที่มีลูกชายคนหนึ่งกับจิ้นเฟิงเฉิน เธอยังพูดว่า เธอรักเฟิงเฉิน อยากจะให้ครอบครัวที่ครบถ้วนแก่เสี่ยวเป่า
ใจของเจียงสื้อสื้อเจ็บจนหายใจออกไม่ได้ เธอนั่งอยู่บนโซฟาตรงๆ หลังก็ตั้งขึ้นตรง มือที่วางอยู่บนโต๊ะ กำไว้อย่างแน่น
เซิ่งจือเสี้ยแอบดูสีหน้าของเธอ ร้องไห้พูดอีกหลายประโยค โดยส่วนใหญ่แล้วก็คือ ช่วงหลายปีนี้ หาเสี่ยวเป่าหาอย่างยากขนาดไหน กว่าจะได้ค้นพบที่อยู่ของเขา ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมละทิ้งอีก
เจียงสื้อสื้อย้ายสายตามาที่เธอ ถามอย่างใจเย็น”คุณมีหลักฐานอะไรพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นแม่แท้ๆของเสี่ยวเป่า?”
เซิ่งจือเสี้ยเปิดรูปภาพในโทรศัพท์ขึ้นมา ข้างในมีรูปภาพรูปหนึ่ง ก็คือรูปที่เสี่ยวเป่าแรกเกิดและถ่ายในตอนที่ถูกหุ้มในผ้าห่อ
และเกือบจะพูดได้ว่าในเวลาแรก เตียงซื้อสื่อก็จำได้
“นี่เป็นรูปที่เขาแรกเกิด เชื่อฟังมาก แม้กระทั่งหมอยังชมเขาว่า เป็นทารกที่หน้าตาดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมา”เซิ่งจือเสี้ยพูดถึงเรื่องอดีต สายตาเต็มไปด้วยอบอุ่น
ใจของเจียงสื้อสื้อเจ็บแสบเป็นขั้นๆ บังคับให้ตัวเองใจเย็นลงมา และสอบถามว่า”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมทอดทิ้งเสี่ยวเป่าล่ะ ตอนนี้ถึงมาพบ”
“ฉันไม่มีวิธีอื่น ฉันก็ถูกบังคับเช่นกัน”น้ำเสียงของเซิ่งจือเสี้ยมีเสียงนาสิกที่หนักแน่นมาก พูดอย่างน่าสงสาร”ตอนนั้นฉันตั้งครรภ์ก่อนสมรส คนในบ้านให้ฉันต้องทำแท้ง ฉันไม่อยากไปทำแท้ง นี่เป็นลูกคนแรกของฉันกับเฟิงเฉิน ฉันจะไปทำแท้งได้ยังไงล่ะ แต่ว่าฉันก็ต่อต้านคนในบ้านไม่ได้ เลยต้องแอบหนีออกมา”
เจียงสื้อสื้อฟังอย่างอึ้ง
“ต่อมาถูกคนในบ้านค้นพบ พวกเขาจับตัวฉันกลับไปอีก จะจับตัวฉันไปโรงพยาบาล ทำการแท้ง”น้ำเสียงของเซิ่งจือเสี้ยแหบแห้งมาก
แต่สิ่งที่แปลกคือ เจียงสื้อสื้อไม่ได้ผ่านสถานการณ์นี้มาด้วยตัวเอง แต่เหมือนกับว่าเคยผ่านมาแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะว่า เธอมองเสี่ยวเป่าเป็นลูกชายแท้ๆของตัวเอง ดังนั้น เมื่อได้ยินว่าเขาเกือบจะถูกแท้ง ถึงมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น
เซิ่งจือเสี้ยพูดต่อ”ฉันบอกสถานการณ์ให้คุณหมอฟัง หนีออกจากโรงพยาบาล หลบๆซ่อมๆอยู่ทุกที่ กว่าจะหนีพ้นคนในบ้านได้ สิบเดือนต่อมา คลอดลูกออกมาได้ ฉันเป็นคนที่กลัวเจ็บอย่างยิ่ง ตอนนี้คลอดลูก เจ็บปวดเป็นทั้งวันทั้งคืน แต่ฉันไม่เสียใจภายหลังเลย เพราะว่านั่นเป็นลูกของฉัน ฉันไม่เคยเสียใจภายหลังที่นำพาเขามาถึงโลกใบนี้”
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถาม”แล้วทำไมสุดท้ายถึงทอดทิ้งอีกล่ะ?”
เซิ่งจือเสี้ยยิ้มอย่างขมขื่น”เพราะว่าคนในบ้านของฉันหามาได้ พวกเขาฉวยโอกาสที่ฉันนอนหลับไป แล้วขโมยลูกของฉันไป จากนั้นรอจนกว่าฉันตื่นมา บอกกับฉันว่า ลูกถูกส่งไปแล้ว ให้ฉันอย่าคิดเรื่องอื่น หาคนแต่งงานไปเถอะ แต่ว่าฉันมีลูกแล้ว ฉันจะแต่งได้นังไงล่ะ?”
“คุณหญิงจิ้น”เซิ่งจือเสี้ยเงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง”ฉันรู้ว่า เรื่องนี้ฉันก็มีความผิด ฉันไม่ปัดความรับผิดชอบ แต่ตอนนั้นฉันก็ทำตามใจเองไม่ได้ คุณโปรดเข้าใจความรู้สึกของการเป็นแม่ คืนลูกให้ฉันหน่อย”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินว่าเซิ่งจือเสี้ยยอมต่อต้านคนในบ้าน ก็จะคลอดลูกออกมา ในใจรู้สึกสับสนมาก เธอได้รับความทุกข์เพื่อเสี่ยวเป่ามามากมาย เธอถึงเป็นคุณแม่ของเสี่ยวเป่า
“ขอโทษ เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไม่ได้”ขอบตาของเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะเปียกชื้นขึ้นมา เกือบเท่าได้ว่าพูดอย่างตะลีตะลาน