บทที่474 แรงจูงใจทางบวกและทางลบ
ปรมาจารย์ในยุคของหลี่โห้เต๋อ นั้นเป็นตำนานที่มีอยู่ในหนังสือหรือในทีวีเท่านั้นและคนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้
ท่านอาจารย์ไม่มีความสนใจในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเล่นอินเทอร์เน็ตด้วย อย่างไรก็ตามเขากลับเปิดบัญชีWeibo อย่างไม่น่าเชื่อ!
ชาวเน็ตคิดว่าเป็นบัญชีปลอมในตอนแรก แต่หลังจากได้เห็นการรับรองแล้วพวกเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจ
หน้าแรกของอาจารย์หลี่ มีWeibo เพียงโพสต์เดียว: “คุณชายจิ้นเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผม อีกอย่าง นี่คือผลงานในการฝึกฝนตามปกติของลูกศิษย์ผมคนนี้”
ตามมาด้วยภาพแบบเซ็ตเก้าภาพ
Weiboของอาจารย์หลี่ นั้นเหมือนบุคลิกของเขา คำพูดง่ายแต่ครอบคลุม ค่อนข้างเป็นหลักการ
เมื่อชาวเน็ตเปิดรูปดูได้แต่พากันตกตะลึง นี่ นี่มันเป็นผลงานของเด็กอายุห้าหกขวบอย่างนั้นเหรอ?
“แม่เจ้า ฉันคงเกิดมาเพื่อใช้กรรม คุณชายจิ้นได้โปรดรับคำขอโทษด้วย”
“สุดยอด ๆ ปลายพู่กันแบบนี้ แรงแบบนี้ ได้รางวัลยังว่าน้อยไป”
“อาจารย์หลี่ บอกว่านี่เป็นแค่ผลงานการฝึกซ้อม เหอ ๆ ความต่างของคนชักทำให้ฉันหมดหวังแล้วสิ พรสวรรค์ของเด็กนั้นน่ากลัวมาก”
ในตอนที่สื่อรายงานเกี่ยวกับการประกวดคัดลายมือไม่รู้ว่าทำไมงานของเสี่ยวเป่าจึงไม่ถูกถ่ายภาพ ดังนั้นชาวเน็ตจึงไม่รู้ว่างานที่ได้รางวัลนั้นเป็นอย่างไร แต่มีผลงานของเด็กคนอื่น บวกกับบัญชีที่ชอบปั่นตัดต่อภาพ บิดเบือนข่าวไปใหญ่โต ชาวเน็ตที่ไม่มีความสามารถในการแยกแยะจึงเป็นเหตุให้ชาวเน็ตมั่นใจได้ถึงขนาดนี้
ในเมื่อเขียนได้ดีขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่กล้าปล่อยมันช่างน่าสงสัยจริง ๆ
แต่ตอนนี้หลี่โห้เต๋อ หยิบผลงานของเสี่ยวเป่าในช่วงการฝึกฝนออกมาโชว์ ชาวเน็ตไม่ได้โง่ เปรียบเทียบดูก็สามารถมองออก
ถ้าแบบนี้ไม่ได้แชมป์ก็แปลกแล้ว
ชาวเน็ตตอนนี้ต่างโดนตบหน้าฉาดใหญ่ ก่อนหน้านี้ที่ด่าเขาไว้แย่แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องเสียใจเท่านั้น ยังมีชาวเน็ตบางคนไม่รู้ได้รูปที่เสี่ยวเป่าถูกสัมภาษณ์จากบนเวทีมาได้อย่างไร เด็กน้อยบอบบางยืนอยู่บนเวทีอย่างสุภาพเรียบร้อย เรียกว่าเป็นเทพบุตรตัวน้อยได้เลย
เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าที่ใสสะอาดและไร้เดียงสาเช่นนี้ชาวเน็ตก็ยิ่งรู้สึกผิดเด็กน้อยคนนี้อาจจะเป็นดาวดวงใหม่ในโลกการประดิษฐ์ตัวอักษรในอนาคตและพวกเขาก็ใช้ภาษาที่เลวร้ายเช่นนี้เพื่อโจมตีเขาพวกเขาก็เสียใจมาก
ชาวเน็ตต่างพากันลบความคิดเห็น จากนั้นก็มีการส่งบทความเพื่อสนับสนุนเสี่ยวเป่าและพวกเขาก็สร้างหัวข้อสุดยอดให้กับเขาด้วยมีรูปถ่ายของเสี่ยวเป่าในหัวข้อสุดยอดจำนวนหนึ่งและแฟน ๆ ก็เพิ่มขึ้น
ตอนนี้เองที่ทุกคนต่างคิดขึ้นได้ว่าคุณชายจิ้นที่ได้รางวัลมาเสียดิบดีแล้วทำไมจู่ ๆ ก็เกิดมีข่าวลือแพร่ออกมาได้เห็นได้ชัดว่ามีคนชักใยอยู่
คนที่ใส่ร้ายเขานั้นช่างร้ายกาจ กล้าให้ร้ายเด็กน้อยน่ารักของพวกเขา เรียกได้ว่าหาเรื่องตายจริง ๆ
ด้วยเหตุนี้ชาวเน็ตจึงหันปืนและเล็งไปที่บัญชีปลอมเป็นกลุ่มแรก ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากและเมื่อมองดูบัญชีปลอมพวกนั้น ทั้งหมดต่างออกมาปกป้องเสี่ยวเป่า และที่ด่าคนอื่นก็ตกลงไปอยู่อันดับท้าย
เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่ในห้องทำงานจิ้นเฟิงเฉิน เธอให้ความสนใจกับสถานการณ์บนอินเทอร์เน็ตและรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปและคำต่อว่าเสี่ยวเป่าก็ลดน้อยลง
จิ้นเฟิงเฉินยืนโทรศัพท์อยู่ที่หน้าต่างบานยาว: “ท่านหลี่ ครั้งนี้ขอบคุณคุณมาก เอไว้ผมจะพาเสี่ยวเป่าไปขอบคุณคุณด้วยตัวเอง”
เมื่อวางสายจึงได้ยินเสียงของเจียงสื้อสื้อพูดขึ้น: “เฟิงเฉิน ดีนะที่เป็นท่านหลี่ ตอนนี้คนที่ต่อว่าเสี่ยวเป่าบนอินเทอร์เน็ตน้อยลงมากแล้ว ครั้งหน้าคุณไปหาเขาต้องหาของติดไม้ติดมือไปด้วย”
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าพอท่านหลี่ ออกมาพูดแล้วในโลกออนไลน์จะเปลี่ยนเร็วขนาดนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าจะต้องโดนถึงไหน
“อือ ได้” จิ้นเฟิงเฉินรับปากแล้วนั่งลงข้าง ๆ เธอ
เจียงสื้อสื้อหันไปมองเขา: “คุณคิดว่าใครเป็นคนก่อเรื่องครั้งนี้?”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมจะต้องให้เขาชดใช้แน่” จิ้นเฟิงเฉินน้ำเสียงเย็นชาและร่องคิ้วอาฆาต
เขาได้ให้จิ้นเฟิงเหราไปสืบหาบัญชีต้นทางที่ปล่อยข่าวแล้ว เพียงแต่ว่าเกิดความสับสนอลม่านมากเกินไปจึงต้องใช้เวลาอีกในการเช็คดู
แต่เขาไม่รีบร้อน เขามีความอดทน
เจียงสื้อสื้อมีตัวเลือกอยู่ในใจ คนที่กล้าเล่นงานเด็กได้มีเพียงศัตรูเท่านั้น
เสี่ยวเป่าเด็กขนาดนั้นคงไม่มีใครเกลียดเขาถึงขั้นนั้นได้ อีกฝ่ายคงจะต้องเป็นศัตรูของเธอหรือจิ้นเฟิงเฉิน
คนคนนี้จะต้องรู้ว่าเขาไม่สามารถจะเล่นงานได้ตรง ๆ จึงต้องแอบอยู่ในมุมมืด
ฝ่ายจิ้นเฟิงเฉินนั้นยังไม่คิดออกว่าใคร แต่ข้างกายเธอนั้นเจียงนวลนวลนั้นเต้นเร่า ๆ อยู่ตลอดและไม่เคยหยุดเลย
นอกจากนี้เจียงนวลนวลไม่เคยคิดดีกับเธอ การทำลายเสี่ยวเป่าจึงเท่ากับเป็นการทำลายเธอเพราะเธอจะต้องทนทุกข์มากกว่าความตาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้เจียงสื้อสื้อก็ยิ่งมั่นใจ
เธอพูดขึ้นช้า ๆ: “เฟิงเฉิน ฉันสงสัยว่าเจียงนวลนวลเป็นคนทำค่ะ”
ตอนนี้ยังไม่พบตัวเจียงนวลนวลจึงแอบซ่อนตัวและเล่นงานได้อย่างสบายใจ เจียงสื้อสื้อพูดถึงการวิเคราะห์ของตน “เธออาจจะยืมมือคนอื่นเพื่อทำสิ่งนี้กับพวกเราเพราะมันเป็นการยากที่พวกเราจะสงสัยเธอ”
ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินมืดมน
เจี้ยงสื้อสื้อพูดขึ้นอย่างวิตก: “เธอคิดจะเล่นงานฉันถ้าหากว่ายังไม่บรรลุเป้าคงไม่ยอมเลิกแน่ ฉันคิดว่าเธอยังจะมีแผนต่ออีก”
ตราบใดที่ยังหาเจียงนวลนวลไม่เจอเธอก็คงเป็นกังวล ใครจะรู้ว่าหญิงบ้าคนนั้นจะลงมือกับคนรอบข้างเธอตอนไหน?
เสี่ยวเป่า เฟิงเฉินล้วนเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่สามารถทนดูให้พวกเขาบาดเจ็บ ทางทีดีที่สุดคือหาเจียงนวลนวลให้เธอไว ๆ
ตอนนี้เองที่เสียงโทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น เขามองไปที่หมายเลขที่แสดงแล้วนิ่งไป
“พูดมา” จิ้นเฟิงเฉินรับสาย
เสียงที่ปลายสายเป็นเสียงของจื่อเฟิง: “ประธานจิ้นคะ ทางฉันได้ข่าวแล้ว”
เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่ข้าง ๆ จิ้นเฟิงเฉินและเสียงของจื่อเฟิงก็ดังพอสมควรทำให้เธอได้ยินชัดเจนจนทำให้เธอยืดตัวตรงในทันที
และได้ยินสิ่งที่จื่อเฟิงพูดต่อ: “ฉันกำหนดตำแหน่งโดยประมาณของทางเข้าและออกของเธอชั่วคราวได้แล้ว มีโรงแรมระดับห้าดาวที่เธอพักอยู่ บริเวณโดยรอบเป็นที่ที่เธอปรากฏตัวบ่อย ๆ ตอนนี้ฉันกำลังจำกัดพื้นที่ให้แคบลงทีละส่วน ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกคงพบเธอโดยเร็ว”
จิ้นเฟิงเฉินน้ำเสียงเย็นชา: “จื่อเฟิง ฟังให้ดี ฉันไม่สนว่าเธอจะใช้วิธีอะไร ต้องพาตัวกลับมาให้ได้ ถ้าเธอหนีไปได้ฉันจะหักเงินเดือนเธอให้เกลี้ยง”
ทางจื่อเฟิงนั้น: “…”
“ค่ะ เจ้านาย” จื่อเฟิงรู้สึกขมขื่นมาก แต่เธอไม่กล้าพูด
จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นอีก: “ถ้าจับได้ฉันจะเพิ่มรางวัลให้เธอสามเท่า”
มีรางวัลมีบทลงโทษ จิ้นเฟิงเฉินเป็นเจ้านายที่รู้จักใช้ลูกน้อง มีแรงจูงใจทางบวกและทางลบแบบนี้นี่เอง
จื่งเฟิงดีใจมากขึ้นอย่างชัดเจนน้ำเสียงก็เบาลง
เจียงสื้อสื้อรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกันเธอกังวลว่าจะไม่พบตัว ข่าวของจื่อเฟิงมาทันเวลาพอดี ยิ่งถ้าจับตัวได้มันคงจะดีมาก