บทที่ 509 ถูกคนสะกดรอยตาม
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่าไปได้หลายวัน ข่ายสื้อลินก็ยังไม่โผล่หน้าที่บ้านตระกูลจิ้นอีกเลย
พอหลายวันเข้าเจียงสื้อสื้อก็เริ่มจับสังเกตได้ เธอจึงถามจิ้นเฟิงเฉินไปว่า “ข่ายสื้อลินไม่มาที่นี่หลายวันแล้วนะคะ มันดูแปลกๆ นะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอรึเปล่า?”
คนที่มาหาอยู่ที่วัน จู่ๆ ก็มาหายไปแบบนี้ มันไม่ชินเอาซะเลย
จิ้นเฟิงเฉินไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เขาแค่ขยับมือไปมาเพื่อถอดเนกไทออก
“ไม่เห็นจะแปลกเลย ที่เธอมาทุกวันสิแปลก?” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่เจียงสื้อสื้อฟังแล้วกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เธอจึงบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “เธอคงตกใจกับเรื่องคราวที่แล้วจนไม่กล้ามาอีกแน่ๆ”
พอเห็นภรรยาที่ใสซื่อของตัวเอง กำลังหัวเสีย
ลูกกระเดือกของเขาก็ขยับเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วดึงเจียงสื้อสื้อให้มานั่งบนตักของตัวเอง “ผมลืมบอกคุณว่าวันก่อนข่ายสื้อลินได้ลาออกไปแล้วครับ”
เขาค่อยๆ พูดออกมา พร้อมกับสังเกตท่าทีของเจียงสื้อสื้อไปด้วย
“ทำไมคะ? เธอเพิ่งเข้ามาได้ไม่นานเองไม่ใช่เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อรู้สึกตกใจ แล้วมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความสงสัย
“ผมก็ไม่รู้ ผมว่าเธอแค่อยากเข้ามาเล่นเท่านั้น อยากมาลองดูว่าชีวิตการทำงานมันเป็นยังไง แต่พอได้ลองแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับตัวเองเลยเลือกที่จะจากไปมั้ง” จิ้นเฟิงเฉินแต่งเรื่องได้ออกมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ที่เข้าไม่พูดความจริงก็เพราะเขารู้ดีว่าเจียงสื้อสื้อเป็นคนยังไง ไม่แน่ถ้าเธอรู้เธออาจจะเก็บข่ายสื้อลินไว้ก็ได้
สถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้ เขาไม่มีทางปล่อยให้มันมีอยู่เด็ดขาด
เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยอยากจะเชื่อในคำตอบนี้สักเท่าไหร่
แต่ก็ไม่ได้สงสัยขนาดนั้น อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้รู้จักข่ายสื้อลินดีขนาดนั้น
“พรุ่งนี้ต้องไปตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ?”
พอเห็นว่าเธอไม่ได้ถามต่อ จิ้นเฟิงเฉินก็เอามือไปลูบที่ท้องน้อยของเจียงสื้อสื้อ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
เจียงสื้อสื้อที่ซบบนอกเขาได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วเอามือไปลูบคางที่แข็งแรงของเขาพร้อมกับตอบมาอย่างดีใจว่า “คุณจำได้ด้วยเหรอคะเนี่ย?”
ตอนแรกเธอก็คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะลืมซะอีก เพราะช่วงนี้เขายุ่งมากจริงๆ
หลายๆ ครั้งตอนที่เธอตื่นมา ที่นอนข้างๆ ก็ว่างเปล่าแล้ว เหลือเพียงไออุ่นบางๆ เท่านั้นที่ยังพอยืนยันได้ว่าเขาเคยนอนอยู่ตรงนี้
“เรื่องที่เกี่ยวกับคุณและลูกน้อยผมไม่มีทางลืมหรอกครับ” ก้มหน้าลงมาจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ จิ้นเฟิงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนอบอุ่น
พอได้สัมผัสกับผิวหนังที่อ่อนนุ่มของเธอ สาวงามที่ซบอยู่ในอก ความเร่าร้อนในใจก็ได้ปะทุขึ้นมา ปลายนิ้วของเขาเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ รุกล้ำเข้าไปเรื่อยๆ
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมาก เมื่อมือใหญ่ๆ ของเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายอย่างร้อนรุ่ม เธอเผลอครางออกมาทีหนึ่ง จากนั้นเธอก็รีบหยุดมือของเขาไว้
“ไม่ได้นะคะ พรุ่งนี้ต้องให้หมอตรวจ” เธออธิบายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
จิ้นเฟิงเฉินที่ยังไม่หนำใจรีบชักมือออก แล้ววางลงบนลำคอที่เล็กเรียวของเธอ น้ำเสียงแหบซ่าน
“ผมรู้ครับ” เขาแค่กระหาย แต่ก็ไม่คิดจะทำจริงๆ
น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังดูเจ็บปวดและทรมานนิดๆ
เจียงสื้อสื้อสัมผัสใบหน้าของเขา แล้วปลอบเขาด้วยความจริงใจว่า “ช่วงนี้คุณลำบากแย่เลย แต่ว่า……การอดกลั้นมันไม่ดีต่อร่างกาย คุณจะไปอาบน้ำให้เย็นลงหน่อยไหมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาเบาๆ จากนั้นก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่ครับ!”
“ไม่ต้องดับไฟจริงๆ เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อกลั้นหัวเราะ แล้วถามไปด้วยความสงสัย
ดูท่าเธอจะมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่นเหลือเกินนะ
จิ้นเฟิงเฉินได้ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ มือใหญ่สอดเข้าไปใต้ข้อพับของเธอ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมา
“อ้า คุณคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันลงไปนะ……”
อยู่ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นมาอย่างนี้มันทำให้เจียงสื้อสื้อกระวนกระวาย เพราะกลัวเสี่ยวเป่าจะได้ยิน เธอจึงทุบตีจิ้นเฟิงเฉินเบาๆ
“ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะทำให้คุณลำบากหรอกครับ แต่พอเห็นคุณยิ้มอย่างสะใจแบบนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะให้คุณช่วยผมด้วยวิธีที่ปลอดภัยกว่าแทน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาตั้งใจเน้นคำว่าวิธีที่ปลอดภัยเอามากๆ เจียงสื้อสื้อฟังแล้วถึงกับขนลุก
สัญชาตญาณของเธอบอกว่า เธอต้องไม่ชอบวิธีที่เขาบอกแน่
“ไม่ๆๆ คุณคะ ฉันผิดไปแล้ว……”
เธอขอร้องอย่างเงียบๆ แต่ไม่นานเสียงนั่นก็ถูกหยุดลงด้วยการจูบที่ไม่อาจหลีกหนีได้……
เช้าวันต่อมา เธอตื่นสายตามที่คาดไว้
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบลงบนขนตาที่งอนยาวของเธอ ให้ความรู้สึกอบอุ่นมาก
น้ำเสียงที่แสนละมุนดังอยู่ข้างหู “หม่ามี๊ตื่นได้แล้วครับ”
พอได้ยินเสียงของเสี่ยวเป่า เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆ ลืมตาที่เหมือนกับลูกเลม่อนขึ้น เธอบิดแขนที่ค่อนข้างเมื่อยล้า แล้วตอบเบาไปทีหนึ่ง หนังตากำลังตีกัน เพียงครู่เดียวมันก็ปิดลงอีกครั้ง
เสี่ยวเป่าที่กำลังมองแขนของเธอ พอเห็นว่าเธอยังไม่ยอมตื่น เขาก็ทำหน้างงทันที
“เสี่ยวเป่าไปกินข้าวก่อนเลยนะ”
จิ้นเฟิงเฉินที่เดินออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นเจียงสื้อสื้อที่ยังไม่ยอมลุก เขาก็ยิ้มออกมาอย่างระรื่น เขาบอกให้เสี่ยวเป่าหลบไปก่อน
เขาเดินเข้าที่เตียงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เปิดผ้าห่มออก แล้วอุ้มเจียงสื้อสื้อขึ้นมาทั้งอย่างนั้น
เจียงสื้อสื้อที่ลืมตาได้แค่ข้างเดียว ค้นหาตำแหน่งที่สบายแล้วนอนต่อ
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เขาถามเธอด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่ยังสะลึมสะลืออยู่ เจียงสื้อสื้อก็ได้หันมาถลึงตาใส่คนที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด และขี้เกียจบ่นอะไรเขา
เธอเอามือคล้องไว้ที่คอของจิ้นเฟิงเฉิน เหมือนกับตัวสลอธไม่มีผิด แขนก็ไม่ต้องออกแรงมาก เพราะคนที่ออกแรงพาเธอเข้าไปอาบน้ำก็คือจิ้นเฟิงเฉิน
เพราะการที่เธอตื่นสาย ทำให้เสียเวลาอยู่พักใหญ่กว่าทั้งสามคนจะออกเดินทางไปที่โรงพยาบาล
เพราะมีการนัดหมายกันมาก่อน พอไปถึงเจียงสื้อสื้อก็ถูกเรียกเข้าไปตรวจทันที
ตอนนี้สามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งจ้องอยู่หน้าคอม เพื่อดูภาพจากการอัลตราซาวด์ที่ถูกส่งมา
ส่วนใหญ่ของรูปจะเป็นสีดำ แต่ก็ยังพอมองเห็นว่ามีก้อนอะไรเล็กๆ ก้อนหนึ่งขดอยู่ในมดลูก เสี่ยวเป่ามองรูปนั้นด้วยความแปลกใจ
“หม่ามี๊ น้องสาวของเสี่ยวเป่าอยู่ไหนเหรอครับ?”
คุณหมออธิบายให้เขาด้วยรอยยิ้ม “อยู่นี่ไง ตรงนี้คือหัว นี่คือมือ แถมยังกำมืออยู่ด้วย ก้อนนี้คือขา ดูออกไหม……”
ทั้งสามคนรับฟังอย่างจริงจัง ยิ่งดูยิ่งรู้สึกน่าสนใจ
“ทารกเจริญเติบโตได้ดีมาก แข็งแรงดี ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับ คุณแม่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าให้ร่างกายเหนื่อยจนเกินไป แต่ว่า การออกกำลังอย่างเหมาะสมก็จำเป็นเหมือนกัน”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกผิดรึเปล่า เพราะเจียงสื้อสื้อกำลังรู้สึกว่าการพูดของคุณหมอดูจริงจังเอามากๆ
“เข้าใจแล้วครับ เราจะระวังเรื่องออกกำลังกายให้มากๆ ครับ” จิ้นเฟิงเฉินก้มลงมามองภรรยาตัวเองที่กำลังเขินอายอยู่เขาขำออกมาอย่างเงียบๆ แล้วตอบไปด้วยอย่างชอบใจ แววตาของเขากำลังส่องแสงระยิบระยับ
ฟังที่เขาพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็หน้าแดงขึ้นมาทันที และแอบหยิกเขาไปทีหนึ่ง
คุณหมอพูดมาตั้งเยอะ แต่เขาจำได้แค่เรื่องนี้เนี่ยนะ……
หลังตรวจครรภ์เสร็จ เจียงสื้อสื้อยังรู้สึกคาใจเรื่องข่ายสื้อลินอยู่ ตอนแรกก็อยากจะนัดเธอออกมาเจอเหมือนกัน
แต่เธอเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าทุกครั้งที่เจอกัน ก็ข่ายสื้อลินนี่แหละที่มาหาเอง เธอไม่ได้มีช่องทางการติดต่อของข่ายสื้อลินเลยเธอจึงรู้สึกไม่เสียใจเล็กน้อย
เคยคิดว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าจะต้องขอเบอร์ติดต่อไว้แล้ว
แต่หลังผ่านไปหลายวัน ข่ายสื้อลินก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นเลย เจียงสื้อสื้อเองก็ยุ่งอยู่กับการไปกลับโรงพยาบาลทุกวัน เลยไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องข่ายสื้อลินนัก
แต่หลังจากนั้นเรื่องประหลาดหลายอย่างก็ได้เกิดขึ้นติดต่อกัน
ในวันนี้ หลังจากที่เจียงสื้อสื้อเยี่ยมฟางเสว่มั่นเสร็จ ตอนออกจากโรงพยาบาล เธอก็สังเกตเห็นแสงสีขาวจางๆ จากทางหางตา
เหมือนมีคนกำลังแอบถ่ายเธออยู่
หลายวันมานี้ เธอรู้สึกเหมือนมีคนแอบตามเธออยู่ตลอด เธอมักจะได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังอยู่ข้างหลัง ดังตามเส้นทางที่เธอเดินผ่าน เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา
เพราะตอนออกจากบ้านก็จะมีจื่อเฟิงคอยอยู่ด้วยตลอด เธอจึงค่อนข้างรู้สึกปลอดภัย เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก
แต่วันนี้ ความรู้สึกพวกนั้นมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เธอใจหายวาบ แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันหลังไป แล้วตะโกนออกมาว่า “ใคร!”
พอหันไปมอง เธอก็มองไม่เห็นใครเลย เจียงสื้อสื้อได้แต่ขมวดคิ้วอย่างแรง