ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 549 เธอรู้ว่าตัวเองชื่อเจียงสื้อสื้อ

บทที่ 549 เธอรู้ว่าตัวเองชื่อเจียงสื้อสื้อ

บทที่ 549 เธอรู้ว่าตัวเองชื่อเจียงสื้อสื้อ

ไม่นาน ในห้องก็มีเรียกดังขึ้น

“คุณชาย”

กู้เนี่ยนเรียกเสียงเบา

ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินก็หยุดปากกาในมือ จับด้ามปากกาไว้เฉยๆ

เขาเงยหน้าขึ้นมองกู้เนี่ยน สายตาสองคู่สบตากัน

“สืบได้ความอะไรเหรอ?”

“อืม มีสายคนหนึ่งบอกว่าพบคนที่ท่านกำลังหาในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง จากรายงาน ตอนนี้เธอซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งทางใต้ของฝรั่งเศส ท่านว่าเราจะตามไปสืบดูไหมครับ” กู้เนี่ยนพูดอย่างระมัดระวัง

พูดจบ สีหน้าสงบของจิ้นเฟิงก็จางหายไป

เหมือนน้ำนิ่งในบึงแตกออกเป็นวง ค่อยๆขยายวงกว้างออกไป

สิ่งที่เก็บกดในใจเหมือนได้ระบายออกมา

มือที่จับปากกาไว้แน่นขึ้น จนใกล้จะหัก แน่นจนนิ้วซีดขาว

ในสามปีนี้ นอกจากเขาจะตามหาสื้อสื้อไปทั่ว บริหารบริษัท เขาให้คนแอบสืบหาร่องรอยของเจียงสื้อสื้อ

ตอนนั้นตามหาเจียงนวลนวลในประเทศไม่เจอ เขาก็เดาว่า เจียงนวลนวลก็หนีออกจากประเทศแล้ว

ตอนนั้นหาในประเทศมีข้อจำกัดหลายอย่าง เพราะฉะนั้นเขาถึงมาที่นี่ ขยายอำนาจของเขาให้ใหญ่โตขึ้น

ก็เพื่อสักวันหนึ่ง จะได้แก้แค้น

สิ่งที่เจียงนวลนวลทำกับสื้อสื้อ จนถึงวันนี้ก็ยังคงอยู่ในสมองเขา

สามปีแล้ว ทุกค่ำคืน เขาก็จะฝันร้าย

ฝันเห็นสื้อสื้อจมลึกลงไปในทะเล น้ำทะเลอันเยือกเย็นซัดไปที่ร่างเธอ

ทุกครั้งที่เขาอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ ฝันก็ถูกตัดขาด แล้วเขาก็จะตื่นมาพร้อมกับความตกใจ……

ตื่นมา ข้างกายที่ว่างเปล่า ไร้ความอบอุ่น

ต่อมาก็เป็นความเจ็บปวดที่บีบหัวใจก็ตามมา

ที่จริงแล้วปีก่อน เขาเกือบจะจับเจียงนวลนวลได้แล้ว

เป็นการเจอโดยบังเอิญ เขาสั่งคนทำให้ขาเจียงนวลนวลหักไปข้างหนึ่ง

แต่เพราะลูกน้องไม่ได้เฝ้าดีๆ ทำให้เธอหนีไปได้

หลังจากความโกรธ จิ้นเฟิงเฉินก็สั่งลูกน้องให้ตามหาเจียงนวลนวลทั่วทุกมุมโลก

แค่พริบตาก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ถึงมีข่าวส่งมา

แต่คิดไม่ถึง สถานที่เจอครั้งนี้เป็นฝรั่งเศส

เจียงนวลนวลกล้ามาโผล่มาประเทศที่เขาอยู่

แต่ก็เป็นอย่างคำพูดที่ว่า สถานที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ปลอดภัยที่สุด

คิดย้อนไปเรื่องที่เกิดขึ้น ในสายตาจิ้นเฟิงเฉินก็มีความโกรธแค้น

โยนปากกาไปบนโต๊ะแรงๆ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ไล่ตาม ตามจนตายไปข้างหนึ่ง อย่าให้หนีไปได้อีก”

กว่าจะมีโอกาสดีๆแบบนี้ ถ้าให้เจียงนวลนวลหนีไปได้อีก ครั้งต่อไปไม่รู้จะรอถึงเมื่อไหร่กว่าเธอจะโผล่มาอีก

รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนก็ไม่รอช้า

พยักหน้าตอบรับ “ได้ครับ วางใจได้ พวกเราจะพยายามไล่จับ ต้องจับเจียงนวลนวลมาให้ได้”

คุยเรื่องเจียงนวลนวลจบ กู้เนี่ยนก็รายงานเรื่องงานให้กับจิ้นเฟิงเฉินอย่างละเอียด

“คุณชาย อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงครั้งใหญ่ จัดโดยวัง คนที่ถูกรับเชิญล้วนแต่เป็นคนเก่งในแต่ละสายงาน ท่านก็ถูกเชิญเช่นกัน ท่านจะเข้าร่วมไหมครับ? ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดี”

งานเลี้ยงแบบนี้ ก็คงครึกครื้นไม่เบา

สายตาจิ้นเฟิงเฉินเรียบเฉย ได้ยินคำว่าวัง สายตาเขาก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เขาใช้หางตามองเอกสารที่กู้เนี่ยนเอามา ตอบเสียงเรียบ “อืม ถึงเวลาค่อยดูละกัน”

ครั้งนี้ไม่ได้ปฏิเสธตรงๆเหมือนเดิม

แต่กู้เนี่ยนมองจากสายตาเขาแล้ว ก็ได้รับรู้ข้อความบางอย่าง

ดูออกว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ค่อยสนใจนัก

สถานที่แบบนี้เขาไม่เคยชอบอยู่แล้ว

เขาเดาว่าเถ้าแก่ตัวเองถึงเวลาคงหาข้ออ้างมาปฏิเสธแน่นอน ไม่ได้ปฏิเสธทันทีก็คงเห็นแก่ที่ผู้จัดเป็นวัง

แต่ก็แค่ทำเป็นพิจารณาดูก่อน

เมื่อกู้เนี่ยนจากไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ยุ่งกับงานต่อ

ทำงานเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่ระเบียง บิดเอว

ท้องฟ้ายามหัวค่ำมีแสงแดงก่ำ ส่องลงหน้าคน ลมที่พัดมาก็รู้สึกอบอุ่น

จิ้นเฟิงเฉินแม้มปากแน่น ชื่นชมภาพความสวยงามของท้องฟ้ายามหัวค่ำ

ตาดำเหมือนหินออบซิเดียน ในใจเหมือนมีคลื่นลมเล็กน้อย

มีเงาของเจียงสื้อสื้ออยู่บนท้องฟ้า จิ้นเฟิงเฉินอยากยื่นมือไปจับ

แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพที่เขาจินตนาการขึ้นเอง

เขาได้แต่ยิ้ม แล้วกางมือออก

สื้อสื้อ คุณอยู่ที่ไหน?

คุณยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?

ความเจ็บปวดในใจปลิวขึ้นพร้อมกับสายลม

จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปในห้อง หยิบเหล้ามาหนึ่งขวด แล้วเริ่มดื่มขึ้นมา

เหล้าแสบร้อนในคอ แต่ก็ทำให้ความขมขื่นกับความคิดถึงในใจจางหายไม่ได้……

ในเวลาเดียวกัน ที่ไร่องุ่นแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ผู้หญิงคนหนึ่งก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ก้มหน้าลง สายตามองไปที่องุ่นบนแท่นวาง

เธอใส่ชุดกระโปรงยาว กระโปรงพลิ้วขึ้นตามสายลม

ไม่ได้มัดผม ผมยาวสลวยลงมาตามไหล่

หน้าตาเธอเป็นสาวงามในแบบฉบับสาวเอเชีย ในตัวก็มีรสชาติของคนเอเชีย เป็นความสวยจากภายในสู่ภายนอก

แค่แรกเห็น ต้องทำให้คนสะดุดตา

ใบหน้ารูปไข่เรียวสาย คิ้วโก่ง ปากเล็ก ตาสดใสสวยงาม

ดูดีๆแล้ว ก็มีรสชาติที่ไม่เหมือนใคร

หน้าตาอันสวยงามภายใต้แสงราตรีนี้ ทำให้คนหลงใหล

ไร่ที่เต็มไปด้วยพวงองุ่นสีม่วง เธอเหมือนนางฟ้าที่ไม่รู้ความโหดร้ายในโลกมนุษย์ ทุกกิริยาทุกรอยยิ้มล้วนทำให้คนหวั่นไหว

เธอยืนอยู่ตรงนั้น อยู่บนบันได เขย่งเท้าขึ้น

นิ้วมือขาวเรียวยาว ขยับไปมา ตัดพวงองุ่นพวงใหญ่ลงมา

ริมฝีปากแดงสวยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

เธอยกแขนขึ้น เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นเดินลงจากบันได

เท้าเพิ่งแตะพื้น ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงที่เป็นเสียงเด็กน้อยยังพูดไม่ค่อยชัดดังขึ้นจากข้างหลัง

“หม่ามี๊ หม่ามี๊”

เสียงสดใสชัดเจนของเด็กผู้หญิงดังก้องในไร่องุ่น ร่างผู้หญิงนิ่งไปครู่หนึ่ง

เธอหันกลับไปมอง

มองร่างน้อย ปากก็เรียกเธอไม่หยุด

ร่างน้อยไกลๆนั่น วิ่งเซไปเซมา

เพิ่งหัดเดินได้ไม่นานก็วิ่งแล้ว มองแล้วก็รู้สึกตลก

แต่ข้างหลังเด็กผู้หญิง มีหญิงวัยกลางคน ปากบ่นเป็นภาษาฝรั่งเศสตามอยู่ข้างหลัง สีหน้ากังวล

สีหน้านั่นเหมือนบ่นว่าหลานน้อยระวังหน่อยลูก

ภาพที่เห็นนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหน คิ้วโก่งสวยได้รูปของหญิงสาวโค้งขึ้น

หลายปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุ หมอบอกว่าความจำเธอเกิดความสับสน เรื่องราวส่วนมากจำไม่ค่อยได้

แต่ว่า เธอจำชื่อของตัวเองได้ รู้ว่าตัวเองชื่อเจียงสื้อสื้อ

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท