บทที่ 558 ปราบเด็กน้อยคนเดียวไม่อยู่
ต่อมา เสี่ยวเป่าก็เติบโตขึ้นทุกวัน และก็ไม่ได้ชอบทานเค้กเหมือนแต่ก่อน จิ้นฟิงเฉินก็เลยให้ที่นี่เป็นห้องทำขนม
ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะสามารถได้ใช้สถานที่นี้
เมื่อเห็นทุกคนนั้นยังคงอึ้งอยู่ที่เดิม จิ้นเฟิงเฉินจึงพูดเบาๆขึ้น “ทานข้าว”
ทุกคนถึงได้สติแล้วเดินไปที่ห้องอาหาร
เมื่อเทียบกับความประหลาดใจของพวกเขา จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่รู้สึกใดๆ
เมื่อจบประโยค เสี่ยวเป่าก็เดินต้อยๆตามจิ้นเฟิงเฉินไปที่ห้องอาหาร
เมื่อถึงโต๊ะอาหาร จิ้นเฟิงเฉินวางเด็กน้อยลงบนเก้าอี้เด็ก
แต่เด็กสาวนายอยากจะนั่งใกล้เสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ย้ายเก้าอี้เด็กของเธอเข้ามาใกล้อย่างจำใจ และเสี่ยวเป่าก็นั่งลงใกล้ๆเด็กสาวน้อย
สำหรับอาหารค่ำมื้อนี้ จิ้นเฟิงเฉินได้กำชับให้ทางครัวจัดเตรียมอาหารที่ย่อยง่ายสำหรับเด็ก รูปแบบต่างๆจึงดูๆสมบูรณ์มาก
คนรับใช้ได้หยิบอาหารที่คลุกเสร็จแล้ว นำมาป้อนให้กับเด็กน้อย
แต่เมื่อเด็กน้อยเห็นคนป้อนไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉิน จึงร้องไห้งอแงขึ้น
เมื่อทุกคนเห็นเธอร้องไห้ก็ต่างพากันตระหนก
เสี่ยวเป่าจึงลุกออกจากเก้าอี้แล้วมาพูดปลอบโยน : “น้องสาวไม่ต้องร้องนะ บอกพี่ซิว่าเธอเป็นอะไร ต้องการอะไร”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นเสี่ยวเป่า ถึงได้หยุดร้องไห้ แล้วพูดอ้อแอ้ว่า : “อยาก……อยากให้แดดดี๊……ป้อน……แดดดี๊……”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็ขำไม่ออก เด็กสาวน้อยคนนี้คงติดเขาเข้าแล้ว
สุดท้ายจึงต้องอุ้มเด็กสาวน้อยมานั่งอยู่บนตัก แล้วจึงป้อนอาหารให้อย่างช้าๆ
แต่เด็กน้อยคนนี้ช่างเลือกกินเหลือเกิน สักพักจะเอาอันนี้ สักพักจะเอาอันนั้น
และเมื่อตักอาหารโปรดของเธอมาวางไว้บนถ้วย เธอก็ไม่ทานอีก
ทานได้ไม่กี่คำ ก็บ่นว่าอิ่มแล้ว
อันที่จริงก่อนหน้านั้นเด็กน้อยได้ทานขนมเค้กไปหลายก้อน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เธอจะทานลงได้อีกไม่กี่คำ
จิ้นเฟิงเฉินก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากตามใจเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็จะร้องไห้งอแงอีก
อาหารค่ำมื้อนี้ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินรับรู้ได้ว่าการเป็นแม่นั้นไม่ง่ายเลย
อดคิดไม่ได้ที่ก่อนหน้านี้จิ้นเฟิงเหราเคยพูดว่า ในตัวเขามีบางอย่างที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ถ้าเด็กน้อยเห็นแล้วจะต้องร้องไห้งอแงอย่างแน่นอน
แต่วันนี้สิ่งที่ได้เห็นไม่สอดคล้องกับที่บอกว่าคนไม่กล้าเข้าใกล้ เห็นเด็กน้อยคนนี้ที่ออเซาะคลอเคลียตัวเอง สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขายังคงเป็นที่นิยมของเด็กๆ
พ่อบ้านที่ยืนดูอยู่ข้างๆรู้สึกประหลาดใจจึงพูดขึ้น : “นายท่าน นี่เก่งใช่เล่นนะครับ ปกติแล้วเด็กน้อยมักจะอ้อนหาแม่ นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่อ้อนหาแม่ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกับท่านมาก วันนี้กระผมได้เปิดโลกทัศน์แล้ว”
สำหรับความประหลาดใจที่มีต่อจิ้นเฟิงเฉิน เสี่ยวเป่าที่ทานข้าวอยู่ข้างๆก็พลางพูดขึ้น : “ก็เพราะหน้าตาที่หล่อเหลาของแดดดี๊ ผู้หญิงไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มักจะชอบผู้ชายรูปงาม”
เมื่อเสี่ยวเป่าพูดจบ ก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินเขกกระบาลไปทีหนึ่ง
จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “ต่อไปถ้าลูกยังเรียนสิ่งไม่ดีจากคุณอาอีก พ่อก็จะส่งลูกไปที่โรงเรียนประจำ”
เสี่ยวเป่ารู้สึกเจ็บ และก็ไม่กล้าพูดขึ้นอีก
เขาไม่อยากจะไปอยู่โรงเรียนประจำ ที่นั่นใช่โรงเรียนที่ไหน คุกชัดๆ ไม่ใช่สถานที่ที่สำหรับคนอยู่ด้วยซ้ำ
เมื่อเด็กน้อยเห็นเสี่ยวเป่าโดนเขกหัว ก็อ้าปากหัวเราะชอบใจ
เมื่อเห็นเด็กน้อยหัวเราะชอบใจ จิ้นเฟิงเฉินก็ถึงกับงงงวย
รอยยิ้มของเด็กน้อยเหมือนกับเขามาก
โดยเฉพาะตาหยีเวลายิ้ม ช่างทำให้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
“แดดดี๊ ……ไม่ดี……”
เสียงของเด็กน้อยคนนี้ทำให้สติของจิ้นเฟิงเฉินกลับคืนมา จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้าเพื่อสะบัดความคิดนี้ทิ้งไป
เวลานี้เสี่ยวเป่าก็ยืดเอวขึ้น แล้วก็พูดออกมาตรงๆ : “ถูกต้อง แดดดี๊ดูซิขนาดน้องสาวก็ได้พูดออกมา ต่อไปท่านจะดุผมไม่ได้อีกแล้วนะ”
เมื่อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ตบเข้าที่หัวของเสี่ยวเป่าอีกครั้ง แล้วพูดเชิงตำหนิ : “ รีบทานข้าว ไม่รู้เหรอว่าเวลาทานข้าวห้ามพูด”
เมื่อเห็นดังนั้นเสี่ยวเป่าทำปากมุ่ย แล้วก็นั่งทานข้าวอย่างเชื่อฟัง
เมื่อทานอาหารค่ำเสร็จ เสี่ยวเป่าพาเด็กน้อยไปที่ห้องของเล่น ในนั้นมีเสียงพูดเสียงหัวเราะคึกคักดังออกมา
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้น มุมปากก็เผยอขึ้น
ดูแล้วเสี่ยวเป่าคงอยากจะมีน้องสาวจริงๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวสมองของจิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงท่าทางของเจียงสื้อสื้อขึ้น
ความอ่อนโยนของเธอ ความน่ารักของเธอ……
ถ้าหากว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ลูกทั้งสองคนของพวกเขาก็คงจะโตประมาณนี้
หลังจากที่ทอดถอนใจ จิ้นเฟิงเฉินก็จดจ่ออยู่ที่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ภาพแสดงบนหน้าจอคือภาพของเจียงนวลนวล ดวงตาของเขาจึงเยือกเย็นฉับพลัน
เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เขากับภรรยาตัวเองต้องอยู่กันคนละโลก ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะจับผู้หญิงคนนี้มาให้ได้!
หลังจากกดตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ออกมาเป็นประโยคแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ปิดคอมพิวเตอร์ลง
แล้วเดินไปที่หน้าตู้ไวน์แล้วหยิบออกมาหนึ่งขวด จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง
มองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่าง จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกเศร้าขึ้นในใจ
กล่าวกันว่าเหล้าเป็นยาที่ดีในการรักษาความเจ็บปวด แต่สำหรับจิ้นเฟิงเฉินกลับกลายเป็นว่า ใช้เหล้าบรรเทาทุกข์แต่กลับทุกข์ยิ่งขึ้น
เมื่อไวน์หลายแก้วตกลงถึงท้อง จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกมึนไปทั้งตัว
เมื่อดูเวลา ก็เห็นว่าถึงเวลาพักผ่อนแล้ว
ยังไม่รู้เลยว่าเด็กน้อยตอนนี้นอนหลับหรือยัง
เมื่อวางแก้วไวน์ลง จิ้นเฟิงเฉินแอบเดินเงียบๆไปที่หน้าห้องของเล่น แล้วมองดูสถานการณ์ข้างใน
กำลังจะชะเง้อมอง เด็กน้อยก็เห็นจิ้นเฟิงเฉิน แล้วก็เดินต้วมเตี้ยมเข้ามา แล้วยื่นมือมาให้อุ้ม
จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น แล้วเด็กน้อยคนนี้ก็เริ่มร้องไห้
เริ่มร้องหาแม่ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินถึงกับปวดขมับ
ถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เลยว่าแม่ของเธอเป็นใคร แล้วจะไปหาแม่ได้อย่างไร
เสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างๆก็ลนลานไปด้วย นอนหมุนตัวเองอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะพยายามโอ๋สักเท่าไหร่ เด็กน้อยคนนี้ก็ไม่ดีขึ้น ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
เผชิญหน้ากับเด็กน้อยที่ร้องไห้งอแง ทำให้เป็นครั้งแรกที่จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกถึงความพ่ายแพ้
ต่อให้เขาจะเก่งกาจในด้านธุรกิจสักเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถปราบเด็กน้อยคนนี้ได้
สุดท้ายเสี่ยวเป่าต้องนำหุ่นยนต์ของเล่นที่มีค่าของตัวเองออกมา ให้เด็กสาวคนนี้เล่นถอดชิ้นส่วนออกอย่างตามใจชอบ
ถูกหุ่นยนต์ดึงดูดความสนใจ เด็กน้อยถึงได้หยุดร้องไห้ ถอดไปถอดมาก็หลับไปในที่สุด
หลังจากที่วางเด็กสาวน้อยนอนลง สองพ่อลูกก็เดินออกมาจากห้อง
ทั้งคู่พิงอยู่ที่ราวบันไดอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
เสี่ยวเป่าในวันนี้ทำให้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกแปลกใจมาก
สิ่งของพวกนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน เสี่ยวเป่าเป็นตายก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นแตะต้อง
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะยอมให้คนอื่นถอดชิ้นส่วนได้ตามอำเภอใจ
รับรู้ถึงสายตาที่มองมาของจิ้นเฟิงเฉิน มือทั้งสองข้างจับอยู่ที่คางแล้วพูดขึ้น : “แดดดี๊ ที่จริงแล้วผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกสนิทคุ้นเคยกับเธอมาก
ถึงแม้ว่าจะเป็นการเจอเธอครั้งแรก แต่เธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับความรู้สึกที่เจอกับหม่ามี๊ครั้งนั้น ไม่มีความแตกต่างกันเลย ผมรู้สึกชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น วันนี้แดดดี๊ก็เช่นกันใช่ไหมครับ อยากจะปฏิเสธเธอแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบ รู้สึกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก เด็กน้อยคนนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกมากจริงๆ