บทที่ 576 สื้อสื้อ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน
หลังคนพวกนี้ถูกจิ้นเฟิงเฉินเก็บมา ก็ล้างตัวตนให้ใหม่ ย่อมจะภักดีต่อเขาเป็นธรรมดา
อีกทั้งเพราะเคยพบกับด้านมืดมามากมาย จึงจัดการเรื่องพวกนี้ได้ค่อนข้างถนัดมือ
ได้ยินบทสนทนาของเจ้านายตนกับเจียงนวลนวล ในบทสนทนานั้นมีคำว่าสองชีวิตในร่างเดียวก็พอจะเดาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เกินครึ่งแล้ว
สำหรับเจียงนวลนวล จะไม่มีความสงสารแม้แต่นิดเดียว
จิ้นเฟิงเฉินเดินออกมาจากห้องใต้ดินได้ไม่นาน ก็มีเสียงร้องแหลมสูงของผู้หญิงดังมาจากด้านใน ยาวเหยียดไม่หยุดพัก
แต่จิ้นเฟิงเฉินที่ได้ยิน กลับไม่รู้สึกหายแค้น
เจียงนวลนวลทุกข์ทรมานแค่ไหน สื้อสื้อของเขาก็ไม่กลับมาแล้ว
เรื่องเหล่านี้ เธอในฐานะฆาตกรล้วนสมควรได้รับแล้ว!
เพียงไม่นาน เสียงร้องก็หยุดลงกะทันหัน
จากนั้นกู้เนี่ยนก็เดินออกมาจากด้านใน พอเห็นเขา ก็เดินเข้ามารายงานสถานการณ์ข้างใน
“คุณชาย เจียงนวลนวลสลบไปแล้วครับ”
แววตาจิ้นเฟิงเฉินไร้รอยกระเพื่อมไหว เขาสั่งอย่างไม่แยแสว่า “เอาน้ำสาดเธอให้ตื่น รอจนเธอใกล้จะแย่แล้ว ค่อยหาหมอให้เธอ
รักษาหายแล้วค่อยทำต่อ จำไว้ให้คนคอยระวังอย่าให้เธอฆ่าตัวตาย จะให้เธอตายง่ายดายขนาดนั้นไม่ได้”
ระหว่างที่พูด นัยน์ตาจิ้นเฟิงเฉินฉายความเด็ดเดี่ยว
“ครับ ทราบแล้ว” กู้เนี่ยนได้ยิน ก็พยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไปออกคำสั่ง
ก่อนที่จะสลบไป ปากเจียงนวลนวลยังร้องตะโกนอยู่ บอกว่าต้องการจะแก้แค้นจิ้นเฟิงเฉิน สาปแช่งตระกูลพวกเราไม่ให้ตายดี
ถึงกับพูดว่าหลังเธอตายไป กลายเป็นผีก็ไม่มีทางปล่อยเจียงสื้อสื้อกับลูกของเธอ หากไปปรโลกก็จะฆ่าพวกเธออีกครั้ง
ถ้อยคำชั่วร้ายเช่นนี้พูดออกมาทั้งๆ ที่ตาไม่กะพริบด้วยซ้ำ
หากจิ้นเฟิงเฉินยังอยู่ข้างใน กู้เนี่ยนก็ไม่สงสัยเลยสักนิดว่า เจียงนวลนวลอาจจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้
สำหรับหญิงชั่วที่ไม่มีความสำนึกเสียใจแม้แต่น้อย ดีแต่โทษคนอื่นที่ทำให้ตนเองชีวิตรันทดเช่นนี้
ได้พบจุดจบแบบนี้ ก็ถือว่าสาสมกับความผิดแล้ว!
ออกมาจากห้องใต้ดิน แสงแดดก็ส่องลงมาบนตัวจนแสบตา ทำให้จิ้นเฟิงเฉินลืมตาไม่ขึ้นอยู่บ้าง
ตอนนี้เจียงนวลนวลนับว่าตกอยู่ในมือเขาแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร ในใจจิ้นเฟิงเฉินกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
เขาเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าสีครามเข้ม
เพียงแต่ข้างกายเขาขาดคนคนนั้นที่บอกว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
สื้อสื้อ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน……
ในเบ้าตาไม่รู้มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จิ้นเฟิงเฉินคลึงๆ ตรงหางตา เพื่อไล่น้ำตากลับเข้าไป
เขาตั้งสติดีแล้ว จึงกลับไปยังที่พัก
“คุณชาย คุณกลับมาแล้ว”
พ่อบ้านเห็นรถของจิ้นเฟิงเฉินหยุดลง ก็เดินเข้าไปต้อนรับ
ไม่ตอบพ่อบ้าน จิ้นเฟิงเฉินเดินโซเซเข้าไปยังห้องนอน
มาถึงหน้าตู้เก็บของ ก็ค้นอัลบั้มรูปออกมา
หลังเจียงสื้อสื้อเกิดเรื่อง จิ้นเฟิงเฉินก็นำรูปถ่ายของเจียงสื้อสื้อทั้งหมดออกมาล้าง
มองสื้อสื้อที่ยิ้มแย้มราวกับดอกไม้ในรูปถ่าย น้ำตาจิ้นเฟิงเฉินก็ไหลออกมาอีกครั้ง
ว่ากันว่าลูกผู้ชายไม่หลั่งน้ำตาออกมาง่ายๆ ก็แค่ยังไม่ถึงจุดที่เสียใจเท่านั้น
ต่อหน้าครอบครัวกับคนนอก จิ้นเฟิงเฉินมักแสดงความเข้มแข็งออกมาเสมอ
เพราะเขารู้ว่าในสายตาพวกเขา ตนเองเป็นคนทำได้ทุกอย่าง ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ล้มได้
ตอนนี้มีแค่ตัวเขาที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงสามารถปลดปล่อยความรู้สึกที่กักเก็บมานานออกมาได้อย่างเต็มที่
ลูบไปยังเงาคนในรูปถ่าย จิ้นเฟิงเฉินอดพึมพำออกมาไม่ได้ “สื้อสื้อ คุณรู้ไหม จับตัวเจียงนวลนวลได้แล้วนะ เธอได้รับโทษที่สมควรได้รับแล้ว แต่ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบให้มือผมเปื้อนของที่ไม่สะอาด ดังนั้นผมจึงไม่ฆ่าเธอ ผมต้องการเพียงแค่คุณ ขอร้องคุณได้โปรดกลับมา……”
อารมณ์มาถึงจุดที่ลึกที่สุด ในใจจิ้นเฟิงเฉินราวกับถูกคนบีบอย่างรุนแรง ทำให้เขาหายใจไม่ออกอยู่บ้าง
อันที่จริงในใจเขาชัดเจนดี สื้อสื้อของเขาไม่มีทางกลับมาแล้ว
แต่ความจริงอันโหดร้ายเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากยอมรับจริงๆ
เขายินดีเก็บความเพ้อฝันเล็กๆ ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ดีกว่าให้ใจเจ็บปวด
นั่งอยู่กับพื้นได้สักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นเดินมาหยุดที่หน้าบาร์เหล้า
เลือกไวน์อายุค่อนข้างเก่าสองสามขวด เดินกลับไปที่ห้องนอน
ไวน์อายุยิ่งมาก ดีกรียิ่งสูง คุณภาพก็ยิ่งดี และฤทธิ์ก็ยิ่งแรงเช่นกัน
หลังรินจนเต็มแก้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เดินมายังระเบียง มองลงไปยังตัวคฤหาสน์
ดอกกุหลาบในแปลงกำลังบานสะพรั่ง เพราะเขาจำได้ว่าสื้อสื้อชอบดอกกุหลาบ
ตรงกลางลานบ้านตั้งชิงช้าตัวหนึ่งเอาไว้ รอบๆ ชิงช้าเต็มไปด้วยเครือเถาวัลย์
ก่อนหน้านี้สื้อสื้อเคยบอกเขาว่า หากมีเวลาล่ะก็ จะตั้งชิงช้าสักตัวไว้ในสวน แบบนี้เธอก็สามารถเล่นสนุกกับพวกลูกๆ ได้อย่างเต็มที่
เขาจำทุกคำทุกข้อเสนอที่เจียงสื้อสื้อเคยพูดได้
ทุกที่ในคฤหาสน์แสดงออกถึงความตั้งใจของจิ้นเฟิงเฉิน แต่ตั้งใจแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
คนไม่กลับมา หัวใจจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ตายไปแล้ว
สาดเหล้าแรงลงกระเพาะทั้งแก้ว จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว
ของเหลวที่อยู่ในกระเพาะของเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ แต่ต่อให้ร่างกายเจ็บแค่ไหนก็ไม่เท่าความเจ็บที่หัวใจ
วันนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากทำตัวเข้มแข็ง อยากเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่เสียใจเพื่อภรรยา
ให้เงาที่อยู่ใต้แสงจันทร์นี้ได้อยู่เป็นเพื่อนเขาก็แล้วกัน
หลังดื่มเข้าไปสองสามแก้ว ศีรษะของจิ้นเฟิงเฉินก็เริ่มมึนๆ ขึ้นบ้างแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้กลับทำให้เขาหลงใหล
ขอเพียงเมาหัวปักหัวปำ ก็จะจำความเจ็บปวดไม่ได้อีก……
พริบตาเดียว วันหมั้นของจิ้นเฟิงเหราก็มาถึง
วันนี้ จิ้นเฟิงเฉินกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ในห้อง ประตูห้องถูกคนเคาะดังขึ้น
“เข้ามา”
กู้เนี่ยนนำเอกสารกองหนึ่งเดินเข้ามา
มอบข้อมูลที่อยู่ในมือให้จิ้นเฟิงเฉิน เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “คุณชาย ข้อมูลเหล่านี้คือจุดพักที่เจียงนวลนวลหนีภัยมาหลายปีนี้ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินชำเลืองมองปราดหนึ่ง ส่งเสียงอืมออกมาหนึ่งคำ
เขาเห็นท่าทางกู้เนี่ยนเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง จึงถามว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“คือว่าจะถึงวันหมั้นของคุณชายรองแล้ว ไม่ทราบว่าคุณจะกลับไปไหม?”
หากกู้เนี่ยนไม่เอ่ยเตือนเขา เกรงว่าจิ้นเฟิงเฉินคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
วางเรื่องที่อยู่ในมือลง จิ้นเฟิงเฉินตัดสินใจกลับเครื่องบินเที่ยวในเวลาเช้าที่สุด
หมู่นี้เขาทรุดโทรมลงไปมาก ผอมจนหน้าตอบไปหมดแล้ว
เวลานี้ ณ ประเทศX งานหมั้นของจิ้นเฟิงเหรากำลังจะจัดขึ้นตามกำหนดเวลา
สถานที่ถูกจัดในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดภายในเมืองเป่ย การตกแต่งด้านในสวยงามอย่างมาก
หน้าประตูโรงแรมมีช่อดอกไลเซนทัสจัดวางอยู่เต็มไปหมด เพราะดอกของมันสื่อถึงความรักชั่วนิรันดริ์
แม้ตระกูลจิ้นไม่คิดจะจัดงานใหญ่โตนัก แต่เพราะตำแหน่งตระกูลจิ้นจัดวางอยู่ที่นั่น ดังนั้นแขกเหรื่อจึงมาที่งานไม่น้อย
ทุกคนที่มอบของขวัญล้วนได้รับของขวัญจากตระกูลจิ้นตอบแทนกลับไป
คนที่มาร่วมงานพากันมาแสดงความยินดีกับจิ้นเฟิงเหรา ยินดีที่เขาได้สาวงามมาครองเสียที
จิ้นเฟิงเหราย่อมยินดีกับคำอวยพรนั้น ตอบกลับทุกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
แม่จิ้นพ่อจิ้นพาพ่อบ้านมาทักทายอีกด้านเช่นกัน ที่หน้างานดูโอ่อ่าอย่างยิ่ง
วันนี้คนที่มาร่วมงานล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงของเมืองเป่ยทั้งนั้น และมีเพียงคนเหล่านี้ถึงจะได้รับการติดต่อจากตระกูลจิ้นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่
ระหว่างที่ต้อนรับแขก จิ้นเฟิงเหราเอาแต่มองนาฬิกาข้อมืออยู่ตลอด ส้งหวั่นชีงก็เอาแต่มองออกไปข้างนอกเช่นกัน สุดท้ายกลับไร้เงาคนที่รอคอยคนนั้นมาให้เห็น
ส้งหวั่นชีงกังวลขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอดึงชายเสื้อของจิ้นเฟิงเหราไว้ พลางถามว่า “เฟิงเหรา คุณว่าพี่ไม่ใช่ไม่มาแล้วหรอกนะ?”
จิ้นเฟิงเหราตบๆ ที่มือของเธอเพื่อบอกให้เธอสบายใจ “วางใจเถอะ ผมส่งข้อความไปบอกเขาแต่เช้าแล้ว คิดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ”
ไม่เห็นเงาร่างของจิ้นเฟิงเฉิน พ่อจิ้นแม่จิ้นก็ทำหน้าเศร้าเช่นกัน