บทที่ 596 เป็นเธอคิดไปเองว่าเขามีใจให้แล้ว
ทั้งสองคนปรึกษาหารือพอสมควรแล้ว มาถึงห้องประชุม
จิ้นเฟิงเฉินแนะนำเธอให้กับพวกหุ้นส่วนของบริษัท จากนั้นเริ่มปรึกษาหารือในเนื้อหาการร่วมงาน
ในห้องประชุม เสียงที่อ่อนโยนนิ่มนวลของเจียงสื้อสื้อ สลับกับเสียงที่เย็นสดใสเล็กน้อยของจิ้นเฟิงเฉิน เหมือนดั่งเพลงโซนาต้าเพลงหนึ่ง น่าฟังเป็นพิเศษ
ข้างในยังส่งเสียงกระซิบพูดคุยของคนข้างๆบ่อยๆ เหมือนเป็นคอร์ดเพลง
เสียงทั้งหมดนี้ล้วนลอยอยู่บนอากาศขนาดกะทัดรัด มองออกได้ว่าการดำเนินการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่นมาก
เวลาหมุนเวียนอยู่ระหว่างนิ้ว คนที่เจรจาอยู่ข้างในนั่งลงทันทีก็เป็นหนึ่งชั่วโมง เรื่องนี้จึงค่อยๆเข้าสู่ช่วงสุดท้าย
“งั้นวันนี้ก็แค่นี้ก่อนเถอะ ฝั่งนี้ของพวกเราไม่มีปัญหาแล้ว ฉันจะให้คนรีบเขียนสัญญาให้เสร็จเร็วๆ ถึงเวลาติดต่อพวกท่านเซนต์สัญญา”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อแฝงไว้ด้วยสายตาที่ไต่ถามจ้องมองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน
หลังจากปิดเอกสารแล้ว จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าต่อๆกันอย่างพอใจ
เจียงสื้อสื้อก็ถือว่าโล่งอกไปไม่น้อย ผลสรุปยังถือว่าเป็นเรื่องน่าพอใจ
จิ้นเฟิงเฉินที่ลุกขึ้นเดินไปยังจุดศูนย์กลางของกลุ่มฝั่งตรงข้าม เจียงสื้อสื้อยื่นมือไปยังเขาอย่างเป็นมิตร
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินตกอยู่บนกายของเธอ ดวงตาที่มืดดำปกคลุมอารมณ์ที่ร้อนรุ่มไว้ สามารถทำให้คนมองออกอย่างง่ายดาย
มุมปากของเขากัดรอยยิ้มไว้ น้ำเสียงที่น่าฟังหมุนเวียนอยู่ในห้อง
“งั้นขอให้การร่วมงานของพวกเรามีความสุข”
จิ้นเฟิงเฉินพูดอยู่ ยื่นมือไปยังเธอ
นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาวางไว้อยู่บนกระดุมเสื้อ ค่อยลุกขึ้น รูปร่างที่สูงตรงอยู่ต่อหน้าเจียงสื้อสื้อกลายเป็นเงาเงาหนึ่ง
เธอใจสั่น เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา
อยู่ภายใต้แสงอันรุ่งโรจน์ มือของเขาเห็นได้ชัดว่าดูดีเป็นพิเศษ เหมือนดั่งศิลปะที่สร้างออกมาโดยเฉพาะ ขาวใสเรียวยาวทั้งมีพลังมาก
เจียงสื้อสื้อเลียริมฝีปากที่แห้งเล็กน้อยหนึ่งที พยายามทำให้เห็นว่าตนเองเยือกเย็น ยื่นมือจับขึ้นไปอย่างเบาๆ
ในทันทีนั้น ฝ่ามือใหญ่จับมือเล็กของเธอไว้อย่างเบาๆ
ความรู้สึกที่อบอุ่นส่งเข้ามาอย่างฉับพลัน การสัมผัสนี้คุ้นเคยเหลือเกิน
แก้มของเจียงสื้อสื้อแดงขึ้นมานิดๆ ไม่รู้หัวใจเป็นยังไง เต้นอย่างรวดเร็วมาก
วินาทีถัดมา เจียงสื้อสื้อดึงมือของตนเองกลับไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าปรากฏสีหน้าที่ตื่นตะลึง
แต่ว่าถูกเธอระงับไปอย่างรวดเร็วแล้ว เธอฝืนยิ้มเบิกบานพูดว่า “ร่วมงานอย่างมีความสุข”
โดยร่วมมากล่าวแล้ว การพูดคุยเรื่องโครงการนี้สำหรับเธอไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
การร่วมงานในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้ จิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนไม่ได้มาหาเธอโดยเฉพาะ ก็แค่หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่
ตั้งแต่เริ่มเจรจา ก็สามารถมองออกว่า JS กรุ๊ปเข้าใจถึงโรงไวน์ของพวกเธออย่างมาก อีกทั้งก็เตรียมเนื้อหาที่จะเจรจาไว้ล่วงหน้าแล้ว
อย่างเช่นเกี่ยวกับการแบ่งผลกำไรปัญหาแบบนี้ก็พิจารณาไว้ล่วงหน้าแล้ว ร่วมปรึกษาหารือการแบ่งผลกำไรกับเธอทีละก้าวอย่างจริงจัง
ลักษณะที่จริงจัง ก็ทำให้เจียงสื้อสื้อกระตุ้นจิตสติขึ้นมาอย่างมาก
ในระหว่างนี้จิ้นเฟิงเฉินก็จะพูดคุยกับเธอด้วย คำพูดไม่เยอะแต่ทุกคำจี้ถึงจุดสำคัญ ทุกคำพูดสมเหตุสมผล
ทำให้เธอล้วนดูไม่ออกว่าจิ้นเฟิงเฉินคือเนื่องเพราะใจเห็นแก่ตัวใดๆจึงเข้ามาพูดคุยเรื่องโครงการ
แต่ท้ายสุด ทั้งหมดเจรจาออกมา ยังเป็นโรงไวน์ของพวกเธอได้เปรียบเล็กน้อย
นี่ทำให้เจียงสื้อสื้อมีการจับต้นชนปลายไม่ได้เล็กน้อยแล้ว เธอเห็นได้ชัดว่าเหมือนมีความรู้สึกที่จิ้นเฟิงเฉินกำลังอ่อนข้อกับเธออยู่แบบนั้น แต่ก็หาหลักฐานไม่เจออีกด้วย
ไม่ว่ายังไงก็ยังอยู่ในระยะปรับตัวกัน ฝั่งตรงข้ามก็ยังมีการยกตนข่มท่านเล็กน้อย ก็ยังเรียกร้องผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดให้กับตนเองอยู่
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งจะเอ่ยปากพูด มือถือของเจียงสื้อสื้อดังขึ้นมาแล้ว
เดิมทีเจียงสื้อสื้อเนื่องเพราะจิ้นเฟิงเฉินมีความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ได้ยินมือถือดังขึ้นมาแอบโล่งอกหนึ่งที
รอเธอก้มหน้ามองผู้ติดต่อหนึ่งที หลังจากพบเห็นว่าเป็นฝู้จิงเหวินแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นมา
ครุ่นคิดหลายวินาทีแล้ว เธอตัดสายไปอย่างจับผลัดจับผลู จากนั้นเก็บมือถือขึ้นมาอย่างว่องไว
จิ้นเฟิงเฉินเห็นสีหน้าเล็กๆของเธอกับตา รอยยิ้มนัยน์ตายิ่งลึกแล้ว
เมื่อกี้เห็นปฏิกิริยาของเธอยังคิดว่าจะรีบรับสายล่ะ พูดอย่างประหลาดใจว่า “ไม่ต้องรับหรือ?”
เจียงสื้อสื้อคืนสติกลับมา พูดโกหกไปคำหนึ่งโดยจิตใต้สำนึก
“อ่า ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก เมื่อกี้พวกเราพูดถึงไหนแล้วล่ะ?”
จิ้นเฟิงเฉินเผลอยิ้มออกมา “พูดจบแล้วล่ะ”
เจียงสื้อสื้อรู้ตัวทีหลัง ลูบคอสักครู่อย่างรู้สึกเขิน
แต่ฝู้จิงเหวินที่ถูกตัดสายอยู่ฝั่งโน้นบิดหว่างคิ้วก่อน แล้วความสงสัยเกิดขึ้นจากใจ
เจียงสื้อสื้ออยู่ด้วยกันกับใคร เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถรับสายจริงๆหรือ?
กับจิ้นเฟิงเฉินไหม?
หลังจากนั้นไม่นานเขาส่ายหัวต่อๆกัน ฝืนบังคับกดทับความคิดที่สงสัยแบบนี้ลงไป ไม่ได้รีบร้อนโทรอีกรอบที่สอง
เนื่องเพราะการเจรจาจบแล้ว คนของทั้งสองฝั่งทยอยพยักหน้าทักทายแล้วออกไป
คนของ JS กรุ๊ปฝั่งนี้รวมกันอยู่หน้าประตู แม้แต่ขยับสักนิดก็ไม่กล้า
เพราะว่าBOSSของพวกเขายังไม่มีท่าทีที่จะออกไป
“ท่านประธาน……” มีคนเรียกเสียงเบาๆคำหนึ่ง
“พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินแม้แต่ตาก็ไม่ลืม โบกมือไล่คนออกไปเลย สายตาตกอยู่ที่บนเงากายที่สวยงามของผู้หญิงคนนั้นในห้องประชุม
นิ้วมือของเขาขยับเล็กน้อย เปิดหน้าจอที่คุยกันออกมาหน้าหนึ่ง ส่งประโยคหนึ่งออกไป
“ยังไม่ถึงหรือ?”
คนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “เดี๋ยวถึง อีกห้านาที!”
จิ้นเฟิงเฉินนี่จึงเก็บมือถือขึ้นมา พยักหน้าต่อๆกันอย่างพอใจ
เจียงสื้อสื้อเก็บของเสร็จ ตอนที่หันหน้าเดินไปยังทิศทางประตูเห็นจิ้นเฟิงเฉินยังไม่ได้ไป ในใจมีความประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณทำไมยังไม่ไปหรือ?”
เธอวิ่งเหยาะๆ เข้าไป ยืนอยู่ต่อหน้าจิ้นเฟิงเฉิน
จากนั้น ก็รีบจับชายเสื้อหนึ่งทีอย่างรู้สึกอึดอัด พบเห็นน้ำเสียงของตนเองสนิทสนมเกินไปแล้ว
สายตาจิ้นเฟิงเฉินกวาดผ่าน ยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มพูดไปประโยคหนึ่งว่า “ผมรอคนคนหนึ่งอยู่”
เจียงสื้อสื้อทั้งตัวอึ้งชะงักหนึ่งที ไม่ใช่รอเธออยู่นะ?
“ลูกชายผมอยู่แถวนี้ อีกสักครู่จะมีคนส่งเขาเข้ามา”
ริมฝีปากบางๆของจิ้นเฟิงเฉินเปิดนิดๆ นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเสริมครึ่งประโยคหลังให้สมบูรณ์
ทั้งสองคนยืนใกล้กัน เจียงสื้อสื้อยังได้เห็นแสงแวววาวที่เต็มเปี่ยมอยู่นัยน์ตาของเขาอย่างชัดเจน สุกใสเป็นประกายเหลือเกิน
น้ำเสียงตอนที่เขาพูดอ่อนโยนมาก กลายเป็นสัดส่วนที่เหมาะกับหน้าตาสวยสดงดงามหล่อเหลานั้น
ตอนที่ตาคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ บรรยากาศคลุมเครือขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เจียงสื้อสื้อบ่นพึมพำเสียงหนึ่ง กัดริมฝีปากไว้เล็กน้อย ติ่งหูแดงขึ้น
เอาเถอะ เป็นเธอคิดไปเองว่าเขามีใจให้แล้ว…….
อึดอัดจนใช้ปลายเท้าดันที่พื้นดันแล้วดันอีก เจียงสื้อสื้อแทบอยากจะวิ่งหนีออกจากวงจรที่แปลกประหลาดนี้ในทันทีใจจะขาด
“งั้นฉันไป……..” เธอเปิดริมฝีปากสีแดงนิดๆ อยากพูดว่าตนเองจะไปก่อนแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากตัดคำพูดของเธอค่อยๆโน้มน้าวไปตามลำดับอย่างมีขั้นตอนพูดว่า “ไปด้วยกันเถอะ เสี่ยวเป่าน่าจะถึงหน้าประตูแล้ว เขาอยากจะเจอหน้าคุณอย่างมากสักครั้ง ไม่งั้นเจอหน้ากันสักครั้งค่อยไปเถอะ”
น้ำเสียงที่เย็นสดใสแฝงไว้ด้วยความรู้สึกอ้อนวอน ทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธได้
เจียงสื้อสื้อนึกถึงเสี่ยวเป่า ในใจพัวพันกันอุตลุดขึ้นมา
ในใจทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวพันติดต่อกันกับพ่อลูกคู่นี้มากเกินไป ร่างกายกลับก้าวออกไปอย่างไม่ได้รับการควบคุม
“งั้นก็ไปถึงหน้าประตูบริษัทเถอะ ไปทางเดียวกัน”
พูดอยู่ เธอย่างก้าวเดินออกไปยังด้านนอกบริษัท
ข้างหลัง มุมปากจิ้นเฟิงเฉินยกขึ้น ร่างกายที่สูงยาวเคลื่อนไหวทันที ตามเจียงสื้อสื้อจนทัน
ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูบริษัท ไม่ได้พบเห็นเงากายของเสี่ยวเป่าเลย
เจียงสื้อสื้อลังเลหนึ่งที คืนสติกลับมาอย่างรู้สึกตัว
หันไปพูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณจิ้น ฉันไปก่อนดีกว่าล่ะ ลาก่อน”
เสียงเพิ่งจบลง สายตาของจิ้นเฟิงเฉินตกอยู่ข้างหลังของเธอ
“มาแล้ว”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงเสียงหนึ่งที่อ่อนนิ่มและกังวานก็ดังก้องอยู่ข้างหู
“หม่ามี๊!”