ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1731 : ผู้ควบคุมขั้น 9 ทั้งสอง

ตอนที่ 1731 : ผู้ควบคุมขั้น 9 ทั้งสอง

มุมปากของจางหยูกระตุกไปตาม เขาคิดว่าคำพูดนี้ก็ปกติดีไม่ได้ประหลาดอะไร
“ ได้ ข้าจะบอกพ่อเจ้าให้” จางหยูมองไปที่เนี่ยเวิ่น “ เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน จงอดทนเอาไว้ ”
เมื่อพูดจบ จางหยูก็ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะจากไปพร้อมกับจ้าวแห่งโลกพันเขต
ทั้งสองคนเดินทางผ่านรูหนอนเพื่อไปยังโลกบรรพกาล ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางไปที่โลกป่าต่อ จากนั้นเขาก็ให้คนจัดที่พักให้กับจ้าวแห่งโลกพันเขต
เขาแผ่การรับรู้ไปทั่วโลกป่า ไม่นานก็รับรู้ทุกอย่างได้
เขามุ่งหน้าไปที่ภูเขาหิมะ ก่อนจะพบเบเกิลและจ้านเทียนเกอบนยอดเขา ทั้งสองกำลังดื่มกันอยู่
“ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะทะลวงผ่านได้เร็วแบบนี้ ” เสียงของจางหยูดังขึ้น
ทั้งสองคนหันกลับมาพร้อมกัน พวกเขาพากันตกใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่าจางหยูปรากฏตัวขึ้นตอนไหน หากไม่ใช่เพราะ จางหยูพูดขึ้นมา พวกเขาคงไม่รู้ตัวว่าจางหยูมาที่นี่
“ เจ้าสำนัก ” จ้านเทียนเกอและเบเกิล แม้ว่าจะขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 แล้วแต่ท่าทีที่แสดงต่อจางหยูก็ยังดูเคารพอยู่ดี
จางหยูหัวเราะออกมา “ จ้านเทียนเกอ เจ้าขึ้นมาขั้น 9 ได้เร็วแบบนี้ข้าไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลยว่าพี่เบเกิลเองก็ขึ้นมาขั้น 9 เช่นกัน สมกับเป็นอัจฉริยะของเขตตะวันออกตอนบน ”
หลายปีก่อนเบเกิลก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเขตตะวันออกตอนบน
“ เจ้าสำนักชมเกินไป ใครจะกล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะต่อหน้าท่านกัน ?” เบเกิลถ่อมตัว
จางหยูมองไปที่จ้านเทียนเกอและพูดขึ้น“ จ้านเทียนเกอ เจ้าไม่ได้กลับไปที่เขตเหนือมานานแล้วไม่ใช่รึ ? เจ้าจะไม่กลับไปดูหน่อยรึ ?”
“ กลับไปทำไมกัน ?” จ้านเทียนเกอยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เขตเหนือตอนบนไม่ใช่ที่ที่ข้าคุ้นเคยอีกต่อไป สหายของข้าต่างก็ล้มหายตายจาก การกลับไปตอนนี้ก็มีแต่ความเศร้ารออยู่ ”
จางหยูเข้าใจความรู้สึกของจ้านเทียนเกอ มันก็เหมือนกับตอนที่เขากลับไปยังโลกมนุษย์ มันผ่านมาหลายล้านปีแล้ว ทุกอย่างได้ต่างไปจากเดิม โลกมนุษย์ได้หาย ระบบสุริยะก็หายไปเช่นกัน มันมีแต่ความว่างเปล่ารอเขาอยู่ ความรู้สึกสูญเสียนั้นน่าเศร้าใจอย่างมาก
“ หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็อยู่ในโลกป่า หากเจ้าเบื่อ เจ้าจะไปตอนไหนก็ได้ ” จางหยูพูดขึ้นมา
จ้านเทียนเกอพยักหน้าและถามขึ้นมา “ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสำนักมีความคิดจะไปสำรวจสุสานสวรรค์อีกรึไม่ ?”   จางหยูแปลกใจ “ เจ้าอยากไปสำรวจสุสานสวรรค์รึ ?”
“ ข้าไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่กลับมาจากสุสานนั่น ข้าถึงรู้สึกว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคของข้า มันราวกับว่าข้าตัดขาดจากโลกนี้..” จ้านเทียนเกอถอนหายใจออกมา “ หากทำได้ ข้าอยากจะกลับไปที่สุสานสวรรค์ ยังไงซะที่นั่นก็มีความทรงจำของข้ามากมายอยู่ แม้ว่ามันจะอันตรายและน่ากลัวแต่ข้าก็ยังรู้สึกชินกับที่นั่นมากกว่า ”
สุสานสวรรค์เหมือนบ้านหลังที่สองของเขา เขาใช้เวลาที่นั่นมากกว่าที่อื่นเป็นสิบเท่า
จางหยูแปลกใจ “ ข้ามั่นใจว่าข้าจะไปสำรวจสุสานสวรรค์แต่ข้าต้องใช้เวลาเตรียมตัว ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อม เมื่อข้าพร้อม ข้าจะกลับไปที่สุสานสวรรค์อีกครั้ง ”
“ ข้าขอไปยังสุสานสวรรค์กับท่านด้วย ” จ้านเทียนเกอขอร้องออกมา
จางหยูพยักหน้า “ ได้ งั้นข้าจะพาเจ้าไปกับข้าด้วย ”   “ ข้าด้วย” เบเกิลพูดขึ้น “ ข้าได้ฟังเรื่องสุสานสวรรค์จากจ้านเทียนเกอมา มันเป็นที่ที่น่าสนใจ ข้าไปด้วยได้รึไม่ ? ข้าหวังว่าท่านจะพาข้าไปด้วย ” แม้ว่ามันจะอันตราย แต่เบเกิลก็ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เขาชอบความเสี่ยง ยิ่งอันตรายและตื่นเต้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจเท่านั้น
เขาถึงกับอยากไปยังส่วนนอกของเขตหวงห้ามเพื่อรับรู้ถึงการกัดกร่อนอันน่ากลัวของที่นั่น แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยอมแพ้ การที่เขารักผจญภัยนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการจะตาย
“ ได้ ตกลงตามนี้ ” การที่มีคนมาช่วยเพิ่มจางหยูก็ไม่รังเกียจ
ในตอนที่จางหยูจะเดินทางออกไปนั้นเขาก็นึกถึงบางอย่าง “ ใช่สิ ข้าได้พาคนกลับมาด้วย เขาชื่อว่าจ้าวแห่งโลกพันเขต อยู่ระดับพันเท่า หากพวกเจ้าสนใจ เจ้าไปหาเขาที่สำนักได้ จากการพูดคุยกับเขาแล้ว เขาอยู่ในยุคเดียวกับราชาตะวันออก ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องสนใจมากแน่ๆ”
“ ระดับพันเท่ารึ ?”
“ มันคือระดับย่อยของขั้นที่ 9 …” จางหยูเล่าถึงระดับย่อยของขั้นที่ 9 “ตอนนี้พวกเจ้าสองคนอยู่ในระดับสิบเท่า ”
“ แล้วเจ้าสำนักล่ะ ?” จ้านเทียนเกอถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เขาอยากรู้คำตอบนี้มานานแล้ว
จางหยูยิ้มและพูดขึ้นมา “ ร่างนี้ของข้าอยู่ระดับพันเท่า แกร่งกว่าจ้าวแห่งโลกพันเขต แต่ในอีกที่มันอาจจะแกร่งกว่านั้น ” ใช่แล้ว ในบรรพกาลนั้นเขาไร้เทียมทาน
จ้านเทียนเกอและเบเกิลมองหน้ากันด้วยความตะลึง
“ ท่านหมายความยังไงที่ว่าร่างนี้ของท่าน…?” จ้านเทียนเกอตะลึง ในการรับรู้ของเขา จางหยูเป็นแค่ร่างแยก
จางหยูหัวเราะออกมา “ ไม่ต้องแปลกใจ พันเท่านั้นไม่ได้มีค่าอะไร เมื่อข้าไปถึงระดับหมื่นเท่าได้แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเจ้าค่อยแปลกใจก็ยังไม่สาย ”
เขามั่นใจว่าจะไปถึงระดับนั้นได้จริงๆ
หลังจากที่พูดคุยกับทั้งสองได้สักพัก จางหยูก็ได้เดินทางออกมา
เขาไม่ได้ไปหาหลินเป่ยชาน, เกลดันและคนอื่นๆ แม้ว่าหลินเป่ายชานและคนอื่นๆจะขึ้นมาถึงขั้นที่ 8 ระดับสูงสุดแล้ว แต่จางหยูก็ไม่ได้แปลกใจ ยังไงซะการที่มีหินของเขาอยู่ การพัฒนาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
จางหยูตั้งใจจะรอจนกว่าพวกนั้นมาถึงขั้น 9 แล้วค่อยไปพบกับพวกนั้น
ตอนนั้นเองเนี่ยอู่ซวงยังคงรออยู่ในเมืองทะเลทรายด้วยความกังวล
เมื่อเขาพบจางหยู เขาก็ราวกับเห็นความหวัง “ เจ้าสำนัก ! ช่วยข้าหาเนี่ยเวิ่นด้วย !”
“ ไม่ต้องกังวล ข้าเจอเขาแล้ว” จางหยูพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ ท่านหาเขาพบแล้วรึ ? เขาอยู่ไหนกัน ?”
“ เขาอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเข้าไปได้” จางหยูพูดขึ้น เขาไม่ได้พูดถึงเขตหวงห้ามโดยตรงเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกังวล “ ที่นั่นอันตรายมาก ข้าไม่กล้าเข้าไปที่นั่นง่ายๆ ตอนนี้ไม่มีทางจะช่วยเขาออกมาได้ แต่เจ้าสบายใจได้ เขายังสบายดีอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีอันตรายใดๆ “
เนี่ยอู่ซวงโล่งอกขึ้นมา ตราบใดที่เนี่ยเวิ่นยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้ว
“ เจ้าสำนักรู้รึไม่ว่าใครเอาตัวเขาไป ?” เนี่ยอู่ซวงถามขึ้นมา
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ข้าถามเขาแล้วแต่จากที่เขาบอกมา เขาไม่รู้ว่าใครเอาตัวเขาไป เขาหลับอยู่และตื่นขึ้นมาก็อยู่อีกที่แล้ว ข้าคิดว่าเขาอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับที่นั่น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้า “ เขามองไปที่เนี่ยอู่ซวง “ เจ้าบอกข้าได้รึไม่ว่าเขาปิดบังความลับอะไรไว้ ?”
ในฐานะพ่อของเนี่ยเวิ่นแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนี่ยอู่ซวงนั้นรู้ดีที่สุด  หากแม้แต่เขายังไม่รู้ความลับของเนี่ยเวิ่นแล้ว งั้นคนอื่นก็ไม่น่าจะรู้ได้
“ ความลับรึ ?” เนี่ยอู่ซวงแสดงท่าทีสับสนออกมา “ เด็กนั่นมีความลับอะไรกัน ?”
“ เจ้าเองก็ไม่รู้รึ ?” จางหยูผิดหวังนิดๆ เขาอยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากอีกฝ่าย
เนี่ยอู่ซวงลังเลและพูดขึ้นมา “ ข้าไม่รู้ว่านี่ถือว่าเป็นความลับรึไม่ แต่…”
“ แต่อะไร ?” จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา
“ เจ้าสำนักคงไม่รู้ว่าตระกูลเนี่ยของพวกเราจัดอยู่ในตระกูลวายุ บรรพชนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทกฎสวรรค์ที่หายาก แม้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ยังมีคุณสมบัติของตระกูลวายุอยู่ เนี่ยเวิ่น แม่เขาเป็นอัจฉริยะในโลกจิตวิญญาณของเรา ตระกูลของนางคือตระกูลแมวปิศาจแต่ตอนที่เขาเกิดขึ้นมานั้นเขาไม่ได้แสดงคุณสมบัติของตระกูลวายุหรือคุณสมบัติของตระกูลแมวปิศาจ แต่…มันแค่…”   ดูเหมือนว่ามันจะพูดออกมายาก
“ อะไรกัน ?” จางหยูถามขึ้นมา
เนี่ยอู่ซวงสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมสีหน้าที่ดูประหลาด “ เมล็ดพันธุ์ ตอนที่เขากำเนิดขึ้นมาเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ !”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท