บทที่ 613 คุณจำได้แล้วเหรอ?
“สื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง?”
พอขึ้นมาถึงฝั่ง พวกเขาทุกคนก็รีบพุ่งมาทางฝู่จิงเหวิน เพื่อรับช่วงต่อเจียงสื้อสื้อทันที
จิ้งเฟิงเฉินมีสายตาที่เย็นยะเยือก เขายืดมือออกไปทางฝู่จิงเหวิน และพูดกับ
ฝู่จิงเหวินด้วยความโกรธว่า “อย่าโดนตัวเธอ!”
ดวงตามีสีแดงราวกับว่าจะต้องการจะกินเลือด มีเงาอึมครึมลอยอยู่ในตาของเขา
คนในอ้อมกอดเหมือนกับว่าไม่มีลมหายใจ ใบหน้าซีดเผือด
เขาจับมือของเจียงสื้อสื้อเอาไว้ด้วยความสั่นเทา สวรรค์รู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังกลัวมากแค่ไหน
เวลานี้ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว ก็คือสื้อสื้อจะต้องไม่เป็นอะไร!
หลังจากที่ฝู้จิงเหวินถูกผลักออกมา ใบหน้าของเขาซีด
สายตามองไปที่จิงเฟิงเฉินที่อุ้มเจียงสื้อสื้ออยู่กำลังจะหายไปจากขอบเขตที่เขาสามารถมองเห็น เขารีบเดินตามไปทันที
ทุกคนกลับมามีปฏิกิริยา และรีบตามไปทันที
จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเจียงสื้อสื้อเขาไปในห้องอย่างระมัดระวัง วางเธอลงกับพื้น และเริ่มปฐมพยาบาลให้กับเธอ
จิ้นเฟิงเฉินปลดกระดุมของเจียงสื้อสื้อ และปั๊มหัวใจกับเขา ต้องทำให้น้ำที่เมื่อกี้
เจียงสื้อสื้อสำลักเขาไป อาเจียนออกมาให้หมด
หลังจากที่ทำเสร็จไปหนึ่งครั้ง เขาทั้งกลัวทั้งกังวล จิ้นเฟิงเฉินหอบต่ำ ราวกับว่ากำลังจะหมดแรง
หลังจากนั้นไม่นาน ฝู้จิงเหวินก็พุ่งเข้ามา
ฝู้จิงเหวินมองไม่เห็นหน้าของเจียงสื้อสื้อ มองปฏิกิริยาของจิ้นเฟิงเฉิน คิดว่าไม่สามารถช่วยเจียงสื้อสื้อให้ฟื้นขึ้นมาได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที
เขารีบพุ่งตัวไปข้างหน้า พูดด้วยความร้อนใจว่า “สื้อสื้อเป็นอะไร? ฉันดูเอง!”
จิ้นเฟิงเฉินพอได้ยินเสียงของเขา ก็คว้าผ้าปูที่นอนมา เพื่อคลุมร่างกายของเจียงสื้อสื้อ
เขาเพิ่งจะปลดกระดุมเสื้อของเจียงสื้อสื้อไปไม่กี่เม็ด ทำให้เสื้อของเธอเปิด เขาไม่อยากให้ฝู้จิงเหวินเห็น
ลุกขึ้นเพื่อยืนขวางฝู้จิงเหวิน มองไปที่เขา และพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอไม่เป็นอะไรแล้ว!”
เจียงสื้อสื้อฟื้นขึ้นมาหลังจากสำลักน้ำออกไป แต่สาเหตุเนื่องจากการนอนราบทำให้หน้ามืดและสลบไปอีกครั้ง
จิ้นเฟิงเฉินจรวจดูลมหายใจ พอรู้ว่าเจียงสื้อสื้อยังมีชีวิตอยู่ หัวใจที่เป็นกังวลก็ผ่อนคลายลง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
โดนจิ้นเฟิงเฉินขวางเอาไว้ ความโกรธของฝู้จิงเหวินเพิ่มมากขึ้น มือของเขากำแน่นเหมือนกับว่าต้องการจะต่อยคน
“ผมไม่เชื่อคุณ ผมจะดูด้วยตาของผมเอง”
แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ยอมง่ายๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็น เหยียดแขนออกไปขวางฝู่จิงเหวินไว้
กล้ามเนื้อตึงแน่น ท่ามกลางประกายไฟ และกลิ่นดินปืน
เมื่อเห็นอย่างนี้จิ้นเฟิงเหราที่ยืนอยู่ตรงกลางก็พูดไกล่เกลี่ย “เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ให้หวั่นชีงเข้าไป เขาเป็นพยาบาล และก็เป็นผู้หญิงด้วย ไม่มีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว
หลังจากแนะนำเสร็จ เขามองไปที่จิ้งเฟิงเฉิน และก็มองไปที่ฝู่จิงเหวิน เพื่อถามความคิดเห็นของพวกเขา “อย่างงี้โอเคไหม?”
ในที่สุดชายสองคนที่มีสีเขียวเพราะโกรธ ก็พยักหน้า ตอบตกลง
หลังจากที่ส้งหวั่นชีงเข้าไป ตรวจเช็กนิดหน่อย ก็พบว่าเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นอะไร
ลมหายใจของเจียงสื้อสื้อมีแนวโน้มที่จะปกติแล้ว มีแค่เพียงใบหน้าที่ยังคงซีดอยู่
อย่างนี้เหมือนกับว่ากำลังฝันถึงอะไรอยู่ ขมวดคิ้วแน่น
“พี่สื้อสื้อ?”
เธอเรียกคนที่อยู่บนเตียงอย่างไม่แน่ใจ
“หือ?”
เจียงสื้อสื้อที่กำลังหลับฝันอยู่นั้น ตอบเธออย่างงงๆ
ส้งหวั่นชีงถอนหายใจออกมาเบาๆ แท้ที่จริงเจียงสื้อสื้อเพียงแค่เหนื่อย นอนหลับไปแล้ว
กลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะเป็นหวัด เธอถอดเสื้อผ้าที่ชื้นของเขียงสื้อสื้อออก เพื่อเปลี่ยนชุดให้
หลังจากที่ทำอะไรเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้อง พูดกับผู้คนที่ยืนอยู่ที่ประตู “จริงๆแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร ให้เธอนอนพักสักหน่อยก็โอเคแล้ว พวกคุณกลับไปเถอะ ค่อยมาทีหลัง”
หน้าบึ้งของฝู้จิงเหวินผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เพราะที่นี่เป็นบ้านของจิ้นเฟิงเฉิน ฝู้เจิงเหวินโมโหไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธที่จะให้เข้าไปหาเจียงสื้อสื้ออีกครั้ง และเถียนเถียนก็ยังติดอยู่กับลูกชายของตระกูลจิ้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ ถ้ายังจะอยู่ที่นี่ก็จะดูเหมือนมั่นใจมากเกินไป
จิ้นเฟิงเฉินจากไปด้วยความโกรธ วางแผนว่าหลังจากที่เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นค่อยให้คนมารับกลับไป
เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเถียนเถียนชื้นเหมือนกัน จิ้นเฟิงเฉินหาเสื้อผ้าของเสี่ยวเป่าในตอนเด็กเพื่อให้เธอเปลี่ยน แต่มันก็ยังดูใหญ่เกินไปหน่อย
ในเวลานี้เจียงสื้อสื้อยังไม่ตื่น ส้งหวั่นชีงขอให้เขาพาเถียนเถียนไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้า
ที่เคาน์เตอร์ของเด็กในห้างสรรพสินค้า จิ้นเฟิงเฉินหยิบชุดเจ้าหญิงสีชมพูออกมา
จิ้นเฟิงเฉินให้คนไปเปลี่ยนชุดให้กับเด็กหญิงตัวน้อย
หลังจากรอเธอออกมาจากห้องลองชุด ก็ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “กระโปรงตัวนี้ เถียนเถียนชอบไหม?”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้า มีท่าทีเหมือนชอบมาก และยังหมุนตัวอยู่ตรงหน้าเขา
มองไปที่เด็กน้อยที่อ่อนโยน ทำให้ก่อให้เกิดความอ่อนนุ่มภายในจิตใจของเขา คิดว่านี่เป็นลูกสาวของตัวเอง จิ้มเฟิงเฉินแทบรอไม่ไหวที่จะมอบทุกอย่างให้เธอ
“งั้นตรงนี้ทั้งหมดเอาไปด้วยแล้วกัน รูปแบบคล้ายๆกัน”
เขาพูด สั่งพนักงาน ซื้อเสื้อผ้าเด็กตรงนี้ทั้งหมด
ตอนออกจากห้างสรรพสินค้า จิ้งเฟิงเฉินก็อุ้มเด็หญิงตัวน้อยไว้
พ่อลูกสองคนเดินนำหน้า ด้านหลังของพวกเขามีบอดี้การ์ดหลายคนในมือถือถุงไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นเสื้อผ้าเด็กทั้งนั้น
เนื่องจากเป็นห่วงเจียงสื้อสื้อ สองพ่อเลยลูกไม่ได้เดินเล่นนานนัก
เถียนเถียนเดินเข้าไปในห้อง ยืนอยู่ข้างๆเสี่ยวเป่าที่หน้าเตียง ทำหน้าบึ้ง มองไปที่เจียงสื้อสื้อที่อยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง “หม่ามี๊ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างๆ มองไปที่คิ้วที่กำลังขมวดของเจียงสื้อสื้อ ริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง เอื้อมมือไปลูบคิ้วของเธอ
เมื่อเห็นอย่างนี้ ส้งหวั่นชีงและจิ้นเฟิงเหราค่อยๆถอยออกไป เหลือไว้เพียงแค่ครอบครัวทั้งสี่คน
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เหงื่อบนหน้าผากของเจียงสื้อสื้อเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในหัวของเธอมีภาพบางอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในฝัน มองเห็นตัวเองถูกโยนลงไปในทะเลที่เย็นยะเยือก
ในเรือ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มองหน้าไม่ชัดกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
เธอเม้มริมฝีปากและครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ ไม่เอา!”
“หม่ามี๊!”
เสี่ยวเป่าคว้ามือของเจียงสื้อสื้อที่กำลังโบกไปมา และเรียกเธออย่างเป็นห่วง
“สื้อสื้อ!”
จิ้นเฟิงเฉินเอนตัวลงไป และรีบตรวจดูอาการของเธอ
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย เจียงสื้อสื้อก็ได้ลืมตาขึ้นจากความมืด
สมองสับสน และเจ็บปวดไปหมด
ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินขยายใหญ่ขึ้นในดวงตาของเธอ ซ้อนทับกับเงาลวงตามากมายที่ผ่านไป
เธอคร่ำครวญและคว้ามุมเสื้อผ้าของจินเฟิงเฉินทันที
“ฉันเคยโดนลักพาตัว และตกลงไปในทะเลใช่ไหม?”
เสียงของเธออ่อนแรง มองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยแววตาที่ซับซ้อนวุ่นวาย
คิดไม่ถึงว่าจะถามขึ้นมาแบบนี้ กลับทำให้ตัวของจิ้นเฟิงเฉินแข็งทื่อ
ดวงตาของเขาขยายออก มองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยความงุนงง
เจียงสื้อสื้อมีท่าทีเจ็บปวด เธอพยายามอย่างมากที่จะหวนนึกถึงภาพที่แวบเข้ามาในหัว
“มีเรือลำหนึ่ง อยู่ในทะเล แล้วก็มีผู้หญิงหนึ่งคน เหมือนกันว่าจะรู้จักกับฉัน”
ทุกประโยคที่เธอพูดออกมา ในหัวใจของจิ้นเฟิงเฉินก็เกิดคลื่นลูกใหญ่
เธอมองไปที่เจียงสื้อสื้ออย่างมีความสุขที่เธอจำอะไรบางอย่างได้ เลือดของเขาพลุ่งพล่านไปหมด
ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย เสียงสั่น ความรู้สึกตื่นเต้นเกินจะบรรยาย
“คุณจำได้แล้วเหรอ?”
ราวกับว่าเสียงของเขามีกรวดซ่อนอยู่ เขาพึมพำ ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบกำลังสั่น