ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 606 ผมอยากได้คุณ

บทที่ 606 ผมอยากได้คุณ

บทที่ 606 ผมอยากได้คุณ

เธอช่างเป็นภรรยาที่สะเพร่าจริงๆ เธอลืมวันเกิดของฝู้จิงเหวินก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องของร้านอาหารการตกแต่งประดับประดางดงามแบบนี้ยังต้องให้เขามาทำด้วยตัวเอง

ฉากหรูหราสวยงามที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่าวันนี้เป็นวันฉลองวันเกิดให้เธออย่างไรอย่างนั้น

ฝู้จิงเหวินมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยความลุกลี้ลุกลน ทันใดนั้นริมฝีปากของเขาก็ขยับ ดวงตามองไปยังเธอด้วยความเร่าร้อนแล้วบอกว่า “ที่จริงผมก็มีบางอย่างที่อยากได้”

เมื่อเห็นว่าข่าวจริงจังขึ้นมา เจียงสื้อสื้อจึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “คุณอยากได้อะไรเหรอคะ”

ฝู้จิงเหวินมองดูเธอด้วยสายตาจดจ่อ

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดริมฝีปากเรียวบางของเขาก็ขยับขึ้นแล้วพูดออกมาเพียงแค่พยางค์เดียวว่า

“คุณ”

“คะ?”

เจียงสื้อสื้อตกตะลึงเล็กน้อย เธอยังไม่ทันเข้าใจว่าฝู้จิงเหวินหมายความว่าอะไร

ข้อมือของเธอถูกมืออันอบอุ่นเข้ามากุมเอาไว้ ฝู้จิงเหวินเดินหน้าเข้ามาหนึ่งก้าวแล้วลากมือเธอไป

จากนั้นกล่าวอย่างจริงจังด้วยความรักว่า “ผมหมายความว่าผมต้องการคุณ สื้อสื้อ พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาถึงสามปีแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ชีวิตที่ผ่านมาแบบนี้ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

สื้อสื้อครับ ผมรักและทะนุถนอมคุณมาก ผมพยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเองมาตลอด ผมต้องการใช้เวลามาพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อคุณแต่ตอนนี้ผมรอไม่ไหวแล้ว

หลายวันมานี้ผมรู้สึกหวาดกลัวหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครมาแย่งคุณไป เพราะอย่างนั้นผมจึงอยากจะอยู่กับคุณเป็นคู่ชีวิตของคุณเป็นสามีภรรยาของคุณจริงๆ”

เมื่อพูดจบ สายตาอันร้อนแรงของเขาก็จ้องมายังเจียงสื้อสื้อ

นับตั้งแต่ต้น สิ่งที่เขาอยากได้เป็นของขวัญวันเกิดมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือเจียงสื้อสื้อ

เมื่อเจียงสื้อสื้อฟังคำสารภาพรักจากฝู้จิงเหวินก็ตกใจมาก เนื่องจากเธอไม่เคยเห็นฝู้จิงเหวินในสภาพแบบนี้มาก่อน

ในใจเธอรู้สึกกังวลและสับสน

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงจะรักคำสารภาพรักของฝู้จิงเหวินอย่างแน่นอน

แต่ว่าตอนนี้……

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถอนมือกลับมาแล้วถอยหลังออกไป แววตาของเธอบ่งบอกถึงความเขินอาย

ความลังเลที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเธอถูกแทนที่ไปด้วยความรู้สึกผิด ตอนนี้ในใจของเจียงสื้อสื้อวุ่นวายสับสนไปหมด สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความขมขื่น

“ขอโทษนะคะจิงเหวิน โปรดให้อภัยฉันที่ตอนนี้ยังไม่อาจให้คำตอบคุณได้ ถ้าความทรงจำของใครบางคนยังไม่สามารถฟื้นฟู เธอคนนั้นก็นับว่าไม่ใช่คนที่แข็งแรงสมบูรณ์ 100%

ฉันอยากจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาของฉันทั้งหมด และก่อนที่ฉันจะทำมันสำเร็จฉันคงไม่อาจจะยอมรับใครได้ ฉันไม่อยากจะทำผิดกับตัวเองและไม่อยากจะทำผิดกับคุณด้วย เพราะฉะนั้น……ขอโทษนะคะ”

เธอรู้ว่าประโยคที่พูดออกไปนี้มันโหดร้ายสำหรับฝู้จิงเหวินและเธอดูเห็นแก่ตัว

แต่ตอนนี้ในใจของเธอกำลังมีใครอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา เจียงสื้อสื้อไม่สามารถเพิกเฉยต่อตัวตนของเขาได้

เจียงสื้อสื้อไม่กล้าสบตากับฝู้จิงเหวิน เธอหยิบกระเป๋าด้วยความร้อนรนแล้วรีบหนีไป

“ตุ้บ!”

ดอกกุหลาบสีสดใสในมือของเขาร่วงหล่นลงสู่พื้น มองตามร่างหันหลังเดินออกไปนั้นทำให้ ฝู้จิงเหวินรู้สึกเหมือนถูกหนามทิ่มแทง

เขามองตามหลังเธอที่เดินออกไปไกลเรื่อยๆ ความรู้สึกผิดหวังก็ถาโถมเข้ามาในใจ

เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างไม่มีทางสู้!

ร่างของเขาราวกับเสียหัวใจและจิตวิญญาณไป สายตาคู่นั้นมองไปยังเก้าอี้ตรงข้ามที่เธอเคยนั่ง

ใต้แสงจันทร์สว่างไสวจากด้านนอกที่ส่องกระทบมายังเขาสะท้อนเป็นเงา

ในคืนนั้น ฝู้จิงเหวินดื่มเหล้าอยู่ในร้านอาหารจนเมามาย

ไวน์รสขมเข้มผ่านเข้าสู่ลำคอไหลลงไป แต่ความขมขื่นนั้นไม่ว่าจะกลืนอย่างไรก็ไม่จางหาย

สถานที่ที่ถูกจัดสรรอย่างพิถีพิถันมองไปเหมือนกับเป็นเพียงเรื่องตลก

หลังจากดื่มไปสักพัก ความคิดของฝู้จิงเหวินก็เริ่มสับสนขึ้นมา

เขามองไปยังดอกกุหลาบสีสันสดใสแต่ไม่มองเห็นถึงความสวยงาม กลับรู้สึกได้ว่าช่างขัดหูขัดตาจริงๆ เขาหัวเราะเยาะตัวเอง

ไม่นานต่อมา บริกรก็เดินเข้ามาและพูดด้วยความลังเลว่า “เอ่อ คุณครับ ร้านเราใกล้จะปิดแล้ว ผมว่าคุณ……”

ฝู้จิงเหวินเอามือกุมขมับ จากนั้นหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะยกขึ้นมาดื่มจนหมด

เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกด้วยร่างกายเซไปเซมา

บริกรมองตามร่างอันเหงาหงอยของเขาที่เดินจากไปและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวถอนหายใจออกมา

เขาเป็นผู้ชายคนอีกหนึ่งที่ติดอยู่ในห้วงแห่งความรักสินะ

ฝู้จิงเหวินดื่มเหล้าจนเมามาย หลังจากที่เขาเดินเป่าลมเย็นๆบนถนนอยู่สักพักเขาก็พยายามดึงสติกลับคืนมา

จากนั้นโทรศัพท์หาคนขับรถให้มารับเขา

เมื่อกลับไปถึงบ้านกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนลอยมาเตะจมูก ทำให้พ่อและแม่ของเขาตกใจ

แม่ฝู้เอามือขึ้นปิดปากตัวเอง จากนั้นรีบเดินเข้าไปพยุงฝู้จิงเหวินที่ใกล้จะล้มลง เธอตะโกนออกมาว่า “ฝู้จิงเหวินเป็นอะไรไปกันทำไมดื่มเหล้ามากมายขนาดนี้?”

ในความทรงจำของเธอ ฝู้จิงเหวินไม่เคยทำตัวเหลวไหลมาก่อน

เขาพบเจอกับเรื่องอะไรมากัน?

พ่อฝู้ขมวดคิ้วเข้าหากันจนหน้าผากเหี่ยวย่นและมองไปยังทางลูกชายก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหัว

แม่ฝู้นำมือลูบไปที่หลังของฝู้จิงเหวินด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปกำชับกับพ่อฝู้ว่า “นี่คุณ อย่ามัวแต่มองสิ รีบมาพยุงจิงเหวินกลับห้องเร็ว”

เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝู้จิงเหวินรู้สึกปั่นป่วนท้องไส้ เขาเดินไปยังห้องน้ำด้วยท่าทางทุลักทุเลทั้งอาเจียนและถ่ายท้อง

เป็นอย่างนั้นอยู่สักพัก ในที่สุดฝู้จิงเหวินจึงได้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เขาล้มตัวลงบนโซฟา

หลังจากนั้นแม่ฝู้ก็เดินถือซุปเข้ามา ทำให้เขาได้สติกลับคืน

ประโยคแรกที่เขาเอ่ยถามพ่อแม่ก็คือ “สื้อสื้อกลับมาหรือยังครับ?”

สายตาของเขาแฝงไปด้วยความทุกข์

แม่ฝู้ดวงตามืดมนลงเล็กน้อย เธอพอจะเดาอะไรบางอย่างออก

“กลับมาตั้งนานแล้ว กำลังกล่อมเถียนเถียนนอนอยู่”

“ดีแล้วครับ” ฝู้จิงเหวินพึมพำออกมา เขาคลายความกังวลลงบ้างเล็กน้อยแล้วค่อยๆปิดหนังตาอันหนักอึ้ง

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ปิดประตูแล้วเดินออกไป

นับแต่วันนั้น บรรยากาศในบ้านตระกูลฝู้ก็ดูแปลกไป

เจียงสื้อสื้อและฝู้จิงเหวินทั้งสองคนดูเหมือนจงใจจะถอยห่างออกจากกัน แม้แต่อาหารเช้าพวกเขาก็ไม่ร่วมรับประทานด้วยกัน

บางครั้งที่มาพบหน้ากันโดยบังเอิญ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อกันแล้วค่อยๆจากไปอย่างเงียบๆ

ใครเห็นก็รู้ว่าพวกเขาต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแน่ๆ จึงได้พยายามหลบหน้าซึ่งกันและกันแบบนี้

ในวันนี้ฝู้จิงเหวินเดินลงมาจากข้างบนและกำลังจัดแจงปกเสื้อผ้าของเขา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากตรงบันได

หัวใจของเขาสะดุ้งเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วรีบหยิบกระเป๋าทำงานหวังเดินจากไป

แม่ฝู้ถอนหายใจออกมา เมื่อหันหลังกลับไปมองก็พบเจียงสื้อสื้อ จึงได้บอกไม้โบกมือเรียกเธอเข้ามากินข้าว

หลังจากที่เธอปฏิเสธจิ้นเฟิงเฉินไปนั้น เจียงสื้อสื้อก็รู้ว่าเขากำลังหลบหน้าเธอ

เธอมองดูร่างของเขาที่เดินจากไป แล้วรู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังรู้สึกผิดที่ต้องเผชิญหน้ากับคนในตระกูลฝู้

เจียงสื้อสื้อฝืนยิ้มออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่กินค่ะ พอดีที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อยขอตัวก่อนนะคะ”

เมื่อพูดจบทั้งสองก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ท่าทางที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกัน ทำให้แม่ฝู้แสดงความกังวลออกมาทางสายตา

เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาถึงได้ลดลงจนแทบจะเหลือศูนย์แบบนี้

แต่ในฐานะคนนอก แม่ฝู้เองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

เธอหวังว่าทั้งสองคนนี้จะกลับมาคืนดีกันในเร็ววัน

นับจากนั้นเป็นต้นมา ทุกๆวันฝู้จิงเหวินก็จะออกจากบ้านในเช้าตรู่และกลับมาค่ำมืด ทำให้สภาพร่างกายของเขาเสื่อมโทรมลงแม้มองด้วยตาเปล่า

ด้านเจียงสื้อสื้อเองก็ทำโอทีอยู่ที่บริษัททุกวันเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมาก

หลายวันมานี้เถียนเถียนมองออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่เปลี่ยนไป เธอจึงค่อนข้างจะว่านอนสอนง่าย ไม่ได้โวยวายอะไร

เดิมทีเธอเป็นเด็กที่รื่นเริงมีชีวิตชีวา แต่จู่ๆก็กลับนิ่งเงียบ เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก

เมื่อถึงตอนกลางคืน เธอได้ขอร้องเจียงสื้อสื้อให้วิดีโคอลไปหาเสี่ยวเป่า

เจียงสื้อสื้อไม่อาจต่อต้านเธอได้จึงได้โทรศัพท์ออกไป

เมื่อเสี่ยวเป่ามองเห็นเจียงสื้อสื้อและเถียนเถียนก็ดีใจมาก เขาเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจที่พบเจอมาในหลายวันนี้ให้กับเถียนเถียนฟัง ในขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นจิ้นเฟิงเฉินก็เดินเข้ามา

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท