บทที่ 614 นี่คือคนที่อยู่ในส่วนลึกของใจฉัน
เจียงสื้อสื้อกดตรงตำแหน่งขมับ ส่ายหัวเบาๆ
“ฉันไม่รู้”
เขาหลับตาลงอย่างเจ็บปวด ทำให้ใจของเธอสับสนอย่างมาก
ดูจากปฏิกิริยาของจิ้นเฟิงเฉิน เธอคิดว่าภาพเหล่านั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง
แต่ว่าเธอกลับไม่ได้นึกถึงจิ้นเฟิงเฉินและเสี่ยวเป่า
เธอมองเห็นแต่เพียงภาพพวกนั้น แต่ล้วนไม่ชัดเจน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
มองเห็นท่าทีเจ็บปวดของเธอ ทำให้ใจของจิ้นเฟิงเฉินกดดันเป็นอย่างมาก
เอื้อมมือไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน และปลอดเธอเบาๆ “เอาล่ะ พวกเราไม่ต้องคิดแล้ว จำได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมแค่ต้องการให้คุณโอเค”
“หม่ามี๊ หนูกลัวมากเลย”
ในตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยปีนขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับร้องไห้ พร้อมกับจับที่มุมเสื้อผ้าของเจียงสื้อสื้อแน่น
เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ เจียงสื้อสื้อปัดปลายผมของเถียนเถียน และพูดว่า “ไม่ต้องกลัว เถียนเถียน หม่ามี๊ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เสี่ยวเป่าก็เดินมา มีหยาดน้ำตาอยู่ที่ดวงตาของเขา และยังมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยความเป็นห่วง
จิ้นเฟิงเฉินกอดพวกเขาทั้งสามไว้ในอ้อมกอด ครอบครัวทั้งสี่คนกอดกันอยู่อย่างเงียบ
ผ่านไปสักพัก เจียงสื้อสื้อก็ถอยออกมาจากอ้อมกอดของจิ้งเฟิงเฉิน มองสำรวจไปที่เสื้อผ้าของตนเอง พบว่าถูกเปลี่ยนแล้ว เธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยความงงงวย
รู้ได้ด้วยตัวเองว่าเธอกำลังคิดอะไร จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเย็นชาว่า “ส้งเหวินชีงเป็นคนเปลี่ยนให้คุณ ไม่ใช่ผม”
เจียงสื้อสื้อเอ่ยขอโทษหลังจากได้ยินอย่างนั้น “วันนี้รบกวนคุณมากเกินไปแล้ว ฉันกับเถียนเถียนควรจะกลับได้แล้ว”
เจียงสื้อสื้อพูดพร้อมกับลุกขึ้น แต่อาการเวียนหัวยังคงอยู่ ทำให้เจียงสื้อสื้อล้มลงไปบนตียงอีกครั้ง
จิ้นเฟิงเฉินรีบเข้ามาพยุงเจียงสื้อสื้อ พูดอย่างเป็นห่วงว่า “เอาล่ะ ในเมื่อคุณยังอ่อนแอก็อย่าพยายามเข้มแข็ง ผมจะเรียกส้งหวั่นชีงมาดูคุณสักหน่อย”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็เรียกส้งหวั่นชีงเข้ามา
หลังจากนั้นไม่นาน ส้งหวั่นชีงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ตอนนี้พี่สื้อสื้อไม่เป็นอะไรแล้ว แค่ตกใจนิดหน่อย นอนพักแค่คืนเดียวก็หายดีแล้ว”
พอได้ยินว่าเธอไม่เป็นอะไร ทุกคนในห้องก็โล่งใจ
ในตอนนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็พูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม “แม้ว่าจะไม่เป็นอะไรแล้วก็อยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยเถอะ ฝู้จิงเหวินเพิ่งจะกลับไป พวกคุณแม่ลูกสองคนถ้ากลับไปผมก็ไม่ค่อยจะสบายใจ”
เด็กสาวตัวน้อยมองไปที่เจียงสื้อสื้ออย่างขอความคิดเห็น ได้อยู่ที่นี่กับพี่เธอชอบมันอยู่แล้ว แต่ยังต้องถามความคิดเห็นของหม่ามี๊ก่อน
เธอจับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ เจียงสื้อสื้อยืนกรานว่า “ไม่ดีกว่า ค้างคืนที่นี่จะโดนคนอื่นนินทาได้ ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณจิ้น”
โทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อบังเอิญดังขึ้นพอดี จิ้งเฟิงเฉินชำเลืองมองชื่อบนโทรศัพท์
เป็นฝู้จิงเหวินที่โทรมา
ชายคนนี้เลือกเวลาได้ถูกจริงๆ จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
คุยโทรศัพท์ต่ออีกสองสามประโยค เจียงสื้อสื้อก็ได้วางสาย
ทันทีหลังจากนั้นภายใต้การสนับสนุนของส้งหวั่นชีง ก็ออกมาข้างนอกห้องเพื่อรอฝู้จิงเหวิน
ไม่ถึงสิบนาที ฝู้จิงเหวินก็มาถึงที่นี่
เมื่อเห็นสีหน้าซีดๆของเจียงสื้อสื้อ เขาก็เข้าไปกอดเธอโดยที่ยังไม่ทันพูดอะไร
เดิมที่เจียงสื้อสื้ออยากจะปฏิเสธการกระทำของเขา แต่ฝู้จิงเหวินไม่เปิดโอกาสให้เขาได้โต้แย้ง
พูดกับจิ้นเฟิงเฉินด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณจิ้น หลังจากนี้ขอให้คุณอยู่ห่างจากภรรยาของผมสักหน่อย ผมไม่อยากให้สื้อสื้อได้รับอันตรายอีก! นี่คือคนที่อยู่ในใจของผม เชิญคุณคิดให้ดีๆก่อนจะทำอะไร”
จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนอารมณ์ร้อนเร็ว จะอดทนต่อการยั่วยุของฝู้จิงเหวินได้อย่างไร เขาเดินไปเถียงกับฝู้จิงเหวิน “คุณพูดอะไรของคุณ?”
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับถูกจิ้นเฟิงเหราขวางเอาไว้ หัวเราะเยาะและมองไปที่ฝู้จิงเหวิน และพูดว่า “เพลิดเพลินไปกับความสุขที่ขโมยมาไปเถอะ ฉันจะทำให้สื้อสื้อกลับมาจำได้อย่างแน่นอน”
ฝู้จิงเหวินพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่กอดเจียงสื้อสื้อแล้วจากไป
เมื่อเห็นท่าทีของฝู้จิงเหวิน จิ้นเฟิงเฉินแทบรอไม่ไหวที่จะขัดขวางมือของเขา
แต่เขารู้ตอนนี้ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ทำได้เพียงมองฝู้จิงเหวินพาสองแม่ลูกเดินจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เด็กหญิงตัวน้อยโบกมือให้คนสองสามคนผ่านกระจกรถ ปากเล็กๆนั่นเบะลงใบหน้าของเธอมุ่ยและแสดงออกอย่างไม่เต็มใจ
เสี่ยวเป่าโบกมืออย่างแรง เพื่อหวังว่าเถียนเถียน จะมองเห็น
แต่ในที่สุดรถก็ได้จากไป ไม่นานก็มองไม่เห็นเงาของสองคนนั้นแล้ว
เสี่ยวเป่าจ้องมองไปที่ถนนด้วยความผิดหวัง ทั้งๆที่วันนี้มีความสุขมากแท้ๆ……
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง……
ทั้งๆที่เป็นคนรักของเขา กลับทำได้เพียงมองเธอจากไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ต้องทำยังไงเธอถึงจะกลับมาอยู่ข้างๆกันแน่!
วันเวลาแบบนี้เขาเจอพอแล้วจริงๆ!
เขากำหมัดแน่นมากๆ เส้นเลือดสีอ่อนบนแขนของเขาก็เผยให้เห็นในเวลานี้
จิ้นเฟิงเหรามองเห็นริมฝีปากของพี่เม้มแน่น ก็ได้ไปข้างหน้าและตบบ่าของเขา
“พี่ เราไปดื่มกันสักหน่อยดีกว่าไหม?”
“อืม”
เสียงทุ้มนั้นดังออกมาจากลำคอของจิ้นเฟิงเฉิน รอบตัวของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความอึดอัดใจ
ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังเศร้าอยู่
เมื่อเห็นดังนั้นส้งหวั่นชีงก็จูงมือเสี่ยวเป่ากลับไปที่ห้อง
ในคืนนี้สำหรับสองพ่อลูกแล้วคงเป็นคืนที่นอนไม่หลับ
หยิบเหล้าออกมาจากชั้นวางหนึ่งขวด จิ้นเฟิงเหราเดินออกไปนั่งกับหญ้าที่พื้นข้างนอก
รับแก้วเหล้าที่จิ้นเฟิงเหราส่งให้ จิ้นเฟิงเฉินดื่มหมดในทันที
ไม่นานความรู้สึกแสบร้อนก็ตามมา จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่รุนแรง
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าการดื่มแบบนี้จะทำให้กระเพาะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง แต่ว่าตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการจะผ่านความรู้สึกนี้ไปให้ได้
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินดื่มไม่คิดชีวิตอย่างนี้ จิ้นเฟิงเหราก็คว้าแก้วจากมือของเขา พูดโน้มน้าวว่า “พี่ ผมรู้ว่าพี่กำลังเศร้า แต่พี่จะไม่สนใจร่างกายของตัวเองไม่ได้
ตอนนี้ความทรงจำเกี่ยวกับพี่สะใภ้กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ผมเชื่อว่าเธอจะจำพี่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาใจร้อน ตอนที่พี่ตามจีบพี่สะใภ้ ก็ผ่านความยากลำบากมาตั้งมากมายไม่ใช่เหรอ?
ตอนนั้นพี่รอดก็มาได้ ตอนนี้พี่สะใภ้ไม่ปฏิเสธพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว พี่ พวกเราให้เวลาพี่สะใภ้อีกหน่อยดีไหม?”
หลังจากฟังเขาพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ้มอย่างขมขื่น และยกแก้วขึ้น
มองผ่านแสงจันทร์ เหล้าในแก้วดูใสมากๆ
“นายดูแก้วใบนี้สิดูแล้วสมบูรณ์แบบมากๆ แต่……”
ในตอนที่พูดนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ปล่อยมือ
แก้วแตกกระจาย เมื่อมองไปที่เศษแก้วเหล่านั้น แววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ดูเหงา
พูดอย่างเย็นชาว่า “มองเห็นเธอเดินจากไปครั้งแล้วครั้งเล่า ใจของฉันแตกร้าวเหมือนกับเศษแก้วพวกนี้ ไม่สามารถปะติดปะต่อกันได้ นายสัมผัสได้ถึงความรู้แบบนี้ไหม?”
มองท่าทางปวดร้าวของจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเหราก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบเขา
ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดในโลกจริงๆ
เขาสองคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอกอีกสักพัก จึงค่อยกลับไปห้องของตัวเอง
นอนอยู่บนเตียง จิ้นเฟิงเฉินนอนไม่หลับอยู่เป็นเวลานาน
นึกย้อนไปถึงคำพูดของสื้อสื้อในวันนี้ ถ้าเธอจำได้มันจะเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดรวดร้าวมากที่สุดของเธอ
สิ่งที่ลืมไปแล้ว แต่กลับมาจำได้อีกครั้ง
นี่เหมือนเป็นการเปิดปากแผลของเธอแล้วโรยเกลือลงไปซะอย่างนั้น