บทที่ 638 ไม่มีข่าวคราวก็คือข่าวคราวที่ดีที่สุด
หลังจากเธอพยักหน้า แม่ฝู้ที่อยู่บนเตียงคนป่วยก็มีรอยยิ้มปลื้มอกปลื้มใจปรากฏออกมา
เธอลูบฝ่ามือเจียงสื้อสื้อ กะพริบตาที่แห้งผากด้วยความพอใจ มีสีหน้าที่เหมือนจะไม่เสียใจอีกต่อไป
แต่เจียงสื้อสื้อกลับไม่ค่อยสบายใจนัก เธอยิ้มตอบแม่ฝู้ไปอย่างแข็งๆ
ภายในใจ ยุ่งเหยิงจนจะขาดอยู่แล้ว
ฝู้จิงเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นดังนั้น รู้ดีว่าไม่ควรจะดีอกดีใจ แต่ก็ยังเกิดความดีใจอยู่ดี
รู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เจียงสื้อสื้อถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลี่ยง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องรับปากแม่ของตัวเองไป
อนาคตจะแต่งงานกับเขาไหมก็ยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้แค่ได้ฟังก็รู้สึกพอใจอย่างมาก
“สมาชิกในครอบครัวมีอะไรจะพูดอีกรีบหน่อยนะคะ จะต้องดำเนินการผ่าตัดแล้ว”
พยาบาลเดินมาแจ้งอีกครั้ง
แม่ฝู้ได้ยินก็มองมาทางฝู้จิงเหวิน พูดกับเขาว่า “จิงเหวิน มรดกของครอบครัว อยู่ที่ตู้ข้างเตียงของฉัน จำไว้ว่าให้เจียงสื้อสื้อ”
มรดกตกทอดที่แม่ฝู้พูดถึงเป็นสัญลักษณ์ของลูกสะใภ้ตระกูลฝู้
หากเจียงสื้อสื้อสวมใส่สิ่งนี้ นั่นก็มีชื่อเป็นสะใภ้ตระกูลฝู้อย่างแท้จริง
เจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่อีกข้างพอได้ยินคำว่ามรดกตกทอด ก็อ้าปากค้าง อยากจะพูดว่าตัวเองไม่ต้องการ
แต่พอเห็นแม่ฝู้กำลังตื่นเต้นดีใจ ก็เงียบไม่พูดไม่จา
“ทราบแล้วครับ คุณแม่”ฝู้จิงเหวินตอบอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่ฝู้ก็สบายใจ เธอหลับตาลงอย่างพึงพอใจ
มีเพียงเจียงสื้อสื้อเท่านั้น ที่ยังไงก็ไม่สามารถมีความสุขได้
ไม่นาน พยาบาลและหมอก็เดินมา
แม่ฝู้ถูกย้ายไปอีกรถเข็นอีกคันหนึ่ง ถูกเข็นไปยังห้องผ่าตัด
ในตอนที่แม่ฝู้เข้าไปนั้น ฝู้จิงเหวินและพ่อฝู้ถือว่าเป็นคนในครอบครัว ก็ลงชื่อในแบบฟอร์มยินยอมรับการผ่าตัด
ไม่นานห้องผ่าตัดก็มีไฟสีแดงสว่างขึ้น
ประโยคของการผ่าตัดยิ่งใหญ่มาก ทำให้ใจลังเลสับสน
ทั้งสามคนรออยู่ที่นอกห้องผ่าตัด สีหน้าของแต่ละคนเคร่งขรึม
บรรยากาศเงียบสงบ เงียบเหมือนตาย
ไม่มีใครรู้ ว่าความตายหรือโชคดีจะมาก่อนกัน
เวลาค่อยๆหมุนไปทีละนิด ห้องผ่าตัดที่แม่ฝู้อยู่แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแม้แต่นิดเดียว
ทำให้คนยิ่งไม่สบายใจ
ฝู้จิงเหวินก้าวเท้าเดินไปนอกประตู เดินไปเดินมา สีหน้ากังวลมากยิ่งขึ้น
ใจของเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่ดี เดินเข้าไปพูดปลอบฝู้จิงเหวิน “จิงเหวิน คุณนั่งพักสักหน่อย คุณทำอย่างนี้มาสามชั่วโมงแล้ว”
พ่อฝู้เห็นดังนั้นก็พูดเสริม “สื้อสื้อพูดถูก นั่งเถอะ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรก็คือข่าวที่ดีที่สุด”
อย่างไรเขาก็คือหัวหน้าครอบครัว ผ่านประสบการณ์มามากมาย ใจสงบกว่าฝู้จิงเหวินอยู่มาก
พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็นั่งลง จิตใจกระวนกระวาย สองมือประสานกันไว้ จ้องมาไปที่ห้องผ่าตัด
ในตอนนี้ มีพยาบาลคนหนึ่งพุ่งออกมาจากห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย สีหน้าตื่นตระหนก
บนเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด
ใบหน้าของทั้งสามคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เปลี่ยนไปกะทันหัน ต้องการจะถามสถานการณ์ภายในอย่างกระตือรือร้น
แต่พยาบาลไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา หลังจากรีบไปหยิบสายรัดห้ามเลือดมัดใหญ่ ก็รีบพุ่งกลับเข้าไป
ประตูห้องผ่าตัดถูกปิดอย่างไร้ความปราณี
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกประตูตกใจไม่น้อย
สีหน้าของพยาบาลเมื่อกี้นี้เพียงพอแล้วที่จะอธิบายว่าระหว่างกระบวนการการผ่าตัดไม่น่าจะราบรื่น อย่างน้อยสถานการณ์ในตอนนี้ก็น่าจะอันตรายพอสมควร
ใจของจิ้นเฟิงเฉินที่เพิ่งจะสงบลงก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในทันที
เจียงสื้อสื้อเองก็ขยี้มุมเสื้ออย่างกังวล หายใจช้าลง
บรรยากาศรอบๆกดดันมาก
บรรยากาศเป็นแบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว
ทันใดนั้นแสงไฟด้านบนก็เปลี่ยนสีไป
ทั้งสามคนลุกขึ้น ไปที่ประตูห้องผ่าตัด
จากนั้นหมอที่อยู่ในชุดผ่าตัดสีเขียวก็เดินออกมา
ฝู้จิงเหวินรีบก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “หมอครับ แม่ผมเป็นยังไงบ้าง”
เจียงสื้อสื้อกลืนน้ำลาย และจ้องไปที่หมออย่างกังวล หัวใจเต้นดังโครมคราม
หมอดึงผ้าปิดปากลง
การแสดงท่าทีที่เคร่งขรึมทำให้หัวใจของทั้งสามคนต่างสั่นไหว
แต่ต่อมาบนใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นจู่ๆก็มีรอยยิ้มออกมา
“ไม่ต้องกังวลครับ การผ่าตัดสำเร็จแล้ว จากนั้นรอหลังคนไข้ฟื้นตรวจเช็คอีกทีก็โอเคแล้วครับ”
เมื่อสิ้นเสียงพูด เจียงสื้อสื้อก็แทบจะล้มลงไปอยู่ที่พื้น
จากก้อนเมฆลงสู้พื้นดิน ใจที่แขวนอยู่ในที่สุดก็หล่นลงมาแล้ว ดอกไม้แห่งดีใจบานออก
“ดีเหลือเกิน ขอบคุณคุณหมอมากจริงๆ”
พ่อฝู้ชะงักไปสักพัก จากนั้นก็มีปฏิกิริยากลับมา และรีบขอบคุณหมอทันที
ดวงตาของเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะแดงเล็กน้อย ปกคลุมอยู่ที่มุมปาก ภายในจิตใจมีพายุ
โชคดี ที่แม่ฝู้ไม่เป็นอะไร
จากนั้นไม่นาน แม่ฝู้ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด
ทั้งสามคนรีบเดินตามหลัง จนไปถึงห้องพักผู้ป่วย
เจียงสื้อสื้อรีบก้าวเข้าไปช่วย ตามพยาบาลที่ทำอยู่ และตั้งใจจดจำข้อควรระวัง
ฝู้จิงเหวินเห็นว่าแม่ฝู้ยังนอนหลับสนิทอยู่ ก็ถามว่า “พยาบาลครับ เมื่อไหร่แม่ของผมจะตื่นหรือครับ?”
“ยาชายังไม่หมดฤทธิ์ ไม่ต้องกังวลนะคะ เป็นเรื่องปกติ”
เมื่อตรวจดูสายน้ำเกลือของแม่ฝู้เสร็จแล้ว พยาบาลก็หมุนตัวเดินออกไป
พอได้ฟังคำพูดของพยาบาล สีหน้าที่ตึงเครียดของฝู้จิงเหวินก็ผ่อนคลายลง
เมื่อเห็นว่าบริเวณหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เจียงสื้อสื้อก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “จิงเหวิน คุณและพ่อฝู้กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเถอะ ฉันดูแลแม่อยู่ที่นี่เองได้ ถ้าฟื้นแล้วฉันจะโทรไปแจ้งพวกคุณอีกที”
พอฝู้จิงเหวินได้ฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล หลังจากคิดอยู่สักพักก็พยักหน้าตอบตกลง
หลายวันมานี้ เขาไม่ได้นอนเลยจริงๆ
สภาพจิตใจของเจียงสื้อสื้อนับว่าดีที่สุดท่ามกลางพวกเขา อยู่ดูแลแม่ฝู้ที่นี่เหมาะสมที่สุดแล้ว
คืนนั้นฝู้จิงเหวินและพ่อฝู้ก็กลับบ้านไป
เจียงสื้อสื้อที่นั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยไม่ได้ปิดตาลงเลยตลอดทั้งคืน ดูการเปลี่ยนแปลงของแม่ฝู้อย่างระมัดระวัง
เช้าตรู่ของวันต่อมา ในตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังเช็ดหลังมือให้แม่ฝู้อยู่นั้น แม่ฝู้ก็ตื่นขึ้นมา
ทั้งสองคนสบตากัน เจียงสื้อสื้อตกใจไปสักพัก จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปตะโกนเรียกหมอทันที
ไม่นานหมอและพยาบาลก็มาถึง และทำการตรวจเช็คให้แม่ฝู้ทุกด้าน
ในตอนที่หมอกำลังซักถามนั้น แม่ฝู้ระบุได้อย่างชัดเจนว่าเจียงสื้อสื้อเป็นใคร
ตอนนี้นอกจากร่างกายของเธอจะเชื่องช้า สภาพจิตใจของเธอดีมาก
หลังจากการซักถาม หมอก็ยิ้มและพูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “การผ่าตัดสำเร็จอย่างแท้จริง จากนี้เพียงแค่ฟื้นฟูสภาพร่างกาย ฝึกฝน ร่างกายก็กลับมาแข็งแรงตามปกติได้ครับ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ในที่สุดบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น และรีบพูดขอบคุณ
อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ ล้วนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
หลายวันที่อยู่ที่บ้านตระกูลจิ้นนั้น เถียนเถียนมีความสุขมาก
วันๆอยู่ติดกับจิ้นเฟิงเฉินและเสี่ยวเป่า ความผูกพันของทั้งสามคนมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
วันนี้ จิ้นเฟิงเฉินทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ ในวิดีโอนั่นคือกู้เนี่ยนและผู้บริหารระดับสูงทั้งหลาย
ในตอนที่เขากำลังสั่งงานอะไรอยู่นั้น ที่ประตู จู่ๆเด็กหญิงตัวน้อยและเสี่ยวเป่าก็พุ่งเข้ามา
เสี่ยวเป่ายืนอยู่ข้างๆเถียนเถียน ในมือกำหนังยางไว้ ใบหน้ากลัดกลุ้ม
ในอ้อมแขนของเด็กหญิงตัวน้อยกอดตุ๊กตาอยู่ ผมยุ่งเหยิงไปหมด ขาเล็กๆนั้นก้าวเท้าวิ่งมาทางเข้าด้วยใบหน้าที่กลัดกลุ้ม
จิ้นเฟิงเฉินก้มลงแล้วอุ้มเธอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“แดดดี๊……” เด็กหญิงตัวน้อยกระซิบออกมา อย่างไม่ชัดเจน