บทที่ 682 ก็แค่รู้สึกว่าพวกเราร่วมงานกันได้
“ไม่ นี่ไม่ใช่ประเด็น! ประเด็นคือพี่จะไปพาตัวพี่สะใภ้กลับมาเมื่อไหร่”
จิ้นเฟิงเหราก็ได้เปลี่ยนหัวเรื่องสนทนาไปทั้งแบบนั้น ไม่อย่างนั้นได้เดดแอร์แน่
คิดถึงแผนของตัวเอง ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย มุมปากชี้ขึ้นแล้วพูดอย่างมีเล่ห์นัยว่า “ใกล้แล้ว”
จิ้นเฟิงเหราตะลึง การยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินนั้นไม่เหมือนกับปกติอย่างเห็นได้ชัด
ท่าทางแบบนี้ของพี่ชายเขาไม่เคยเจอมาก่อน
ไม่เข้าใจกับคำพูดที่ว่า “ใกล้แล้ว” ของพี่ชายว่ามันคืออะไร เขาก็ได้ไล่ถาม จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบ
ความสงสัยก็ได้ถูกแขวนขึ้น ในใจของจิ้นเฟิงเหราเหมือนได้มีแมวตัวน้อยอยู่ในนั้น ได้เกาอยู่ตรงนั้นตลอด
แต่เห็นได้ชัดว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่อยากที่จะบอกเขา
ในใจของจิ้นเฟิงเหราก็ได้มีแผนผุดขึ้นมาหลายแผน
ในใจเขาพูด เรื่องเล็ก พี่ไม่บอกฉันฉันก็ไปหาวิธีเพื่อที่จะรู้เอง
จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ได้กลับไปที่ห้องทำงานบริษัท คนทั้งครอบครัวตระกูลจิ้นได้ไปเที่ยวที่สวนสนุก วางแผนที่จะพักผ่อนดีๆ
จนถึงกลางคืน พวกเขาก็ได้พึ่งกลับออกมาจากข้างนอก เสี่ยวเป่าก็ได้อารมณ์ดีมากๆ ตลอดทางก็ได้พูดไม่หยุด
ทานมื้อดึกเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินส่งเสี่ยวเป่าขึ้นไปเข้านอน
เดินไปถึงหน้าบันได อยู่ๆ เสี่ยวเป่าก็ได้หยุดเดิน เงยหน้ามองจิ้นเฟิงเฉิน
“แดดดี๊คิดที่จะจีบหม่ามี๊ยังไงครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าจ้องมองดวงตาที่คล้ายกับเขาคู่นั้น
เขาเลิกคิ้ว ไม่ตอบแต่ได้ถามกลับว่า “ผมมีวิธีอะไรไหมครับ?”
ดวงตาที่ดำของเสี่ยวเป่าได้มองไปรอบๆ หยักจมูก
“ไม่มีครับ แต่ว่า แดดดี๊จะไปจีบหม่ามี๊ล่ะก็ผมสามารถช่วยแดดดี๊ได้”
ก็ได้ขำกับคำพูดของเสี่ยวเป่า นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มีความหยอกล้อขึ้น ถามออกไปว่า “เราคิดจะช่วยยังไงครับ?”
“ผมสามารถที่จะขัดขวางงานแต่งของหม่ามี๊กับคุณอาคนนั้นได้ครับ”
พูดจบ เสี่ยวเป่าตัวน้อยใจใหญ่ก็ได้กำหมัดเล็กๆ ของตัวเองแล้วโชว์ออกมา
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ลูบหัวของเสี่ยวเป่า พูดออกไปเรียบๆ ว่า “อันนี้เราไม่ต้องช่วย แดดดี๊คนเดียวก็พอครับ”
“งั้นผมทำอะไรได้ครับ?” เสี่ยวเป่าก็ได้มีสีหน้าที่ลำบากใจ
มองเขาสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็เหมือนว่าไม่อยากมองร่างเล็กแบบนั้นของเขา
คิดไปคิดมา ก็ได้ดีดไปหน้าผากของเสี่ยวเป่า “เราก็แค่ติดต่อกับหม่ามี๊ของเราตลอดก็พอแล้วครับ”
รู้สึกได้ว่าแววตาของจิ้นเฟิงเฉินได้มีความไม่เชื่อใจเต็มไปหมด เสี่ยวเป่าก็ได้โมโหแล้วก็หันตัว
“อ้อ งั้นผมไปนอนแล้ว ผมอยากให้หม่ามี๊เล่านิทานก่อนนอนให้ผมทุกวัน”
จิ้นเฟิงเฉินตอบ “ต้องมีแน่ครับ”
ทางนี้เรื่องที่เจียงสื้อสื้อกับฝู้จิงเหวินจะแต่งงานกันในเดือนหน้าก็ได้ส่งไปถึงหูจื่อเฟิง
จื่อเฟิงได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไวน์แดงในแก้วก็ได้สาดไปเต็มโต๊ะ แต่ว่าจื่อเฟิงไม่มีเวลาไปสนใจพวกนั้น
หรือว่าพระเจ้าได้ช่วยเธอ?
เพราะความผิดพลาดของเจียงนวลนวล ทำให้จื่อเฟิงเสียหมากที่ใช้ได้ไป
เธอนั้นเกลียดเจียงสื้อสื้อเอามากๆ แต่กลับไม่มีโอกาสลงมือกับเธอ
ขอแค่เจียงสื้อสื้อกับฝู้จิงเหวินแต่งงานกัน เขาก็ไม่มีผลอะไรกับเธอแล้ว
เวลานี้จื่อเฟิงก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะจัดการเจียงสื้อสื้อไป ในใจก็ได้มีแผน
บรรยากาศไม่กี่วันมานี้ของตระกูลฝู้ได้แปลกมากๆ ตั้งแต่วันนั้นฝู้จิงเหวินก็ได้หลบหน้าเจียงสื้อสื้อมาโดยตลอด
ท่านทั้งสองของตระกูลฝู้สังเกตอะไรได้ แต่ฝู้จิงเหวินกับเจียงสื้อสื้อไม่มาพูดเอง พวกท่านก็ทำได้แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้
ฝู้จิงเหวินได้รับโทรศัพท์ พูดกับพ่อฝู้ พ่อฝู้เสร็จ ก็ได้เอาเสื้อนอกแล้วออกไป
วันนี้ เพื่อนของฝู้จิงเหวินก็ได้นัดให้เขามาเล่นที่สถานบันเทิงระดับไฮเอนด์ เดิมฝู้จิงเหวินไม่อยากไป แต่ทนไม่ได้ที่อีกฝ่ายทรมานเขาแบบนั้นไปตลอด สุดท้ายก็ได้ตกลงไป
มาถึงสถานบันเทิงระดับไฮเอนด์แล้ว ฝู้จิงเหวินก็ได้ทักทายกับกลุ่มเพื่อน
สั่งเหล้าดีกรีต่ำแล้วก็เทไปในแก้ว ได้ดื่มไปแก้วแล้วแก้วเล่า
“คุณชายฝู้ ดูแล้วเหมือนมีเรื่องในใจนะ?”
เพื่อนเป็นคนที่มองอะไรออกง่ายมาก เห็นฝู้จิงเหวินที่มาถึงแล้วก็ดื่มเหล้า ไม่พูดอะไรสักคำ เห็นแล้วเหมือนอารมณ์ไม่ดี
ผู้ชายก็งี้ อารมณ์ไม่ดีแล้วพูดออกมาไม่ได้ก็มีแต่เรื่องผู้หญิง เงิน แล้วก็รถอะไรพวกนั้น
ฝู้จิงเหวินไม่ขาดเงิน ในบ้านก็ได้มีรถสปอร์ตที่หายากจอดเรียงแถวอยู่
เพราะงั้นก็สามารถที่จะเดาได้ว่าเขาเป็นเพราะเรื่องอะไร
เทเหล้าให้ฝู้จิงเหวินเต็มแก้วเสร็จ จากนั้นก็ได้พูดแบบคนที่มีประสบการณ์ว่า “อย่าเครียดไปเลย มา ดื่มเยอะหน่อย ไม่มีอะไรที่เหล้าจัดการไม่ได้”
ฝู้จิงเหวินยิ้ม พูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องบางเรื่องดื่มเหล้าแล้วก็จัดการไม่ได้หรอก”
เหล้าที่แรงได้ลงท้อง กระเพาะก็เหมือนมีอะไรเผาไหม้อยู่
เขาไม่ได้คิดที่จะดื่มเหล้าเมาที่นี่ ดื่มไปอีกไม่กี่แก้วก็ได้ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
เปิดก๊อกน้ำแล้วก็ได้ใช้ทิชชูเปียกเช็ด ฝู้จิงเหวินเริ่มสดชื่น แล้วก็เอาทิชชูที่ใช้แล้วโยนเข้าถังขยะ
ยังกลับมาไม่ถึงห้องที่เหมาไว้ ฝู้จิงเหวินก็ได้ถูกคนดักตัว เป็นคนแปลกหน้า
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว คนคนนั้นก็ได้พูดออกไปตรงๆ ว่า
“คุณฝู้ ขอรบกวนคุณหน่อยครับ มีคนอยากจะเจอกับคุณ หวังว่าคุณจะไปด้วย”
กระชากเนกไทออก ฝู้จิงเหวินก็ได้ปลดกระดุมสองเม็ดบน ทำให้สมองนั้นมีสติขึ้นบ้าง
“ใครอยากเจอผม?”
“เดี๋ยวคุณเจอแล้วก็รู้” บริกรก็ได้พูดออกไปอย่างสุภาพ
ฝู้จิงเหวินไม่ได้มีนิสัยที่ไปเจอกับคนแปลกหน้าง่ายๆ ขมวดคิ้วแล้วพูดปฏิเสธว่า “ผมยุ่งมากๆ ไม่มีเวลา”
เขาได้ผลักบริกรออก เตรียมที่จะกลับไปที่ห้อง
บริกรเห็นแบบนั้นก็ได้ตะโกนเรียกฝู้จิงเหวินจากข้างหลังอย่างใจร้อน “เจ้านายพวกเราบอกว่า ถ้าเกิดคุณอยากได้เจียงสื้อสื้อ เธอช่วยคุณได้”
ได้ยินชื่อของเจียงสื้อสื้อ ขาของฝู้จิงเหวินก็ได้หยุดลง
หันหน้าแล้วมองบริกรอย่างเย็นชา ความอ่อนโยนของนัยน์ตาก็ได้หายไป
“คุณหนูของพวกนายอยู่ที่ไหน? นำทาง”
บริกรก็ได้พาฝู้จิงเหวินมาที่ห้องห้องหนึ่งในชั้นสาม ในห้องก็ได้มีผู้หญิงหน้าตาดีนั่งอยู่
หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นโดดเด่นมากๆ รูปร่างก็ดี ในใบหน้านั้นก็ได้แสดงออกแบบทำให้คนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ฝู้จิงเหวินมองเธอแบบไม่ออกเสียง ยืนอยู่ที่ประตูไม่คิดที่จะนั่งลง
“ว่ามา เธอมีเป้าหมายอะไร ทำไมต้องมาหาฉัน?”
ก่อนที่จื่อเฟิงจะมาก็ได้ไปสืบเรื่องของฝู้จิงเหวินเรียบร้อย รู้ว่าควรใช้วิธีอะไรกับเขา
“คุณฝู้ เจอกันครั้งแรก ฉันชื่ออาจื่อ ได้ยินว่าคุณฝู้จะแต่งงานกับคุณเจียงเดือนหน้าแล้ว”
เธอไม่ได้บอกชื่อที่แท้จริงของเธอออกไป ยังไงซะก็เป็นแค่คนร่วมมือกัน
แต่ว่าใบหน้าของฝู้จิงเหวินนั้นไม่ได้มีสีหน้าอะไรแสดงออกมา
“เป็นแบบนั้นจริง งั้นคุณอาจื่อมีธุระอะไร?”
“ฉันคิดว่าคุณไม่อยากเห็นงานแต่งของคุณต้องถูกทำลาย” จื่อเฟิงก็ได้พูดออกไปช้าๆ
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว มองจื่อเฟิงอย่างเย็นชา
“คุณอาจื่อถ้าคุณยังพูดอะไรที่ทำให้คนไม่ชอบใจนั้น ผมว่า พวกเราไม่จำเป็นที่ต้องคุยกันต่อแล้ว”
จื่อเฟิงไม่รีบร้อน ไหนๆ ฝู้จิงเหวินก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว แน่นอนว่าไม่ไปง่ายแน่
เข้าเรื่องกันตั้งแต่แรกก็ไม่มีอะไรเสียหาย
“โทษทีค่ะ คุณฝู้ อภัยให้ด้วย ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ฉันก็แค่รู้สึกว่าพวกเราสามารถที่จะร่วมมือกันได้?”
“ร่วมมือ?” ฝู้จิงเหวินหัวเราะอย่างเย็นชา
เขาได้เจอกับผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งแรก ความเชื่อใจก็ยังไม่มี เขาไม่เชื่อว่าพวกเขาร่วมมือกันได้
“คุณฝู้ ฉันสามารถที่จะช่วยคุณขัดขวางจิ้นเฟิงเฉินได้ ให้งานแต่งของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น”
จื่อเฟิงก็ได้ปล่อยเหยื่อล่อออกไปก่อน รอให้ฝู้จิงเหวินตอบกลับ
“อ้อ?” ฝู้จิงเหวินสนใจเลยทันที
ในใจของเขาก็ได้แสดงความดูถูกออกมา “คุณมีอะไรมารับประกัน? คุณมีความสามารถนั้นเหรอ?”