บทที่ 683 ฉันเต็มใจ
จื่อเฟิงไม่โมโห ยิ้มอ่อนๆ
“ไหนๆ ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว แน่นอนกว่าต้องมีความสามารถนั้น”
ฝู้จิงเหวินไม่ได้แสดงออกมาว่าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็แค่ถามออกไปว่า “งั้นทำไมผมต้องเชื่อคุณ?”
นัยน์ตาของจื่อเฟิงก็ได้แสดงความบ้าบิ่นออกมา พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจว่า “ก็เพราะว่าฉันชอบจิ้นเฟิงเฉิน!”
ตอนนี้ความชอบที่จื่อเฟิงมีให้จิ้นเฟิงเฉินสามารถพูดได้ว่าเป็นความคลั่งไคล้ได้แล้ว เธอได้เกลียดผู้หญิงที่เข้าใกล้จิ้นเฟิงเฉินทั้งหมด
ผู้หญิงที่สามารถได้ความรักจากจิ้นเฟิงเฉิน จะให้อยู่บนโลกนี้ไม่ได้!
จิ้นเฟิงเฉินต้องเป็นของเธอเท่านั้น!
ความรู้สึกในตอนนี้ทำให้ใบหน้าของจื่อเฟิงได้เปลี่ยนไป มองแล้วน่ากลัวมากๆ
นัยน์ตาของฝู้จิงเหวินก็ได้มีความเกลียดแสดงออกมาเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้แสดงออกมาจริงจัง ก็ได้พูดด้วยสีหน้าปกติ “นี่มันสามารถสื่ออะไรได้?”
เก็บความบ้าบิ่น จื่อเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันอยากได้จิ้นเฟิงเฉิน คุณอยากได้เจียงสื้อสื้อ ความต้องการของพวกเราเหมือนกัน แล้วก็ไม่ได้ขัดกัน ไม่ร่วมมือมันน่าเสียดาย”
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าที่จื่อเฟิงพูดก็มีเหตุผล แต่แล้วในใจของฝู้จิงเหวินไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด
ผู้หญิงแบบนี้อันตรายเกินไป ราวกับงูพิษ
ถ้าเกิดวันนี้ฝู้จิงเหวินได้ทำให้เธอเสียผลประโยชน์ เขารับประกันไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่จัดการเขา
ฝู้จิงเหวินได้ยินแบบนั้นก็ได้เงียบไปสักพัก เหมือนว่าได้เทียบผลได้เสียในใจ
ผ่านไปนาน เขาพูดว่า “งั้นแล้วจะทำไม? ลำพังฉันคนเดียว ก็สามารถที่จะได้สิ่งที่ฉันอยากได้”
พอพูดออกไป ฝู้จิงเหวินก็ได้พูดอีกว่า “แต่ว่ามีคนมาเพิ่มคนหนึ่งก็มีกำลังมากขึ้นคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ใครก็ไม่สามารถที่จะรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ได้ยินคำพูดของฝู้จิงเหวิน มุมปากของจื่อเฟิงก็ได้ชี้ขึ้น
“เพราะงั้น คุณฝู้ตกลงที่จะร่วมมือแล้ว?”
“อืม” ฝู้จิงเหวินตอบออกไปเรียบๆ
พูดจบ จื่อเฟิงก็ได้ยิ้มออกมา ลุกขึ้นเดินไปที่ฝู้จิงเหวิน ยื่นมือ
“ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ”
ฝู้จิงเหวินยื่นมือไปจับ ที่สองก็ได้มีพันธสัญญาร่วมกัน
จากนั้น ฝู้จิงเหวินก็ได้ออกไปจากห้อง กลับไปที่ห้องเหมา
มองไปยังวิวนอกหน้าต่าง จื่อเฟิงก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีมากๆ
ก็ได้เรียกบริกรมา แล้วก็ได้สั่งเหล้าแรงๆ มาอีกหนึ่งขวด
ห้านาทีหลังจากนั้น ก็ได้มีคนเคาะประตูห้องจื่อเฟิง
“เข้ามา” จื่อเฟิงก็ได้ตอบออกมาไปอย่างขี้เกียจ
“จื่อเฟิง”
คำเรียกนั้นทำให้จื่อเฟิงลุกจากโซฟาทันที
เธอหันไปมอง ก็ได้เจอกับสายตาที่ดูเป็นห่วงของป๋ายหลี่
สายตาของจื่อเฟิงก็ได้ไม่สบอารมณ์ทันที ก็ได้พูดไปอย่างเย็นชา “นายมาได้ยังไง”
ก็ได้วางถาดในมือลง ป๋ายหลี่ได้เดินไปตรงหน้าจื่อเฟิง แววตาก็ได้มีความเหนื่อยล้า พูดออกไปว่า “หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้ คุณชายไม่ใช่คนที่เธอคว้ามาได้ หรือว่าในสายตาเธอนอกจากเขาแล้ว ไม่สามารถที่จะมีคนอื่นแล้วเหรอ?”
จื่อเฟิงสีหน้าเย็นชาแล้วก็สะบัดมือของป๋ายหลี่ การสัมผัสกับป๋ายหลี่เป็นอะไรที่เธอขยะแขยง
“ได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย! เรื่องของฉันนายไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
ป๋ายหลี่ถอนหายใจ หลับตาที่เหนื่อยล้า
ในใจก็มีความเจ็บปวดส่งออกมาเล็กน้อย คำพูดของจื่อเฟิงก็ได้ทำให้เขานั้นเจ็บปวด
ในสายตาเธอ คงเกลียดเขามากๆ ล่ะมั้ง
เขาได้เตือนจื่อเฟิงอย่าหน้ามืดตามัว แต่ว่าเขาทำไมจะไม่เป็นการที่ต้องการคนที่ไม่มีทางได้มาล่ะ?
แต่ว่ามองร่างของจื่อเฟิง ป๋ายหลี่ไม่อยากปล่อยให้เธอถลำลึกไปกว่านี้
จากข้อมูลที่ได้มา จิ้นเฟิงเฉินได้เริ่มสืบเรื่องเธอแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนแบบไหน เป็นคนที่พวกเขาไปมีเรื่องด้วยไม่ได้
ป๋ายหลี่ได้ลากมือของจื่อเฟิง ไม่สนใจที่จื่อเฟิงขัดขืน กอดเธอไว้แน่น
ก็ได้ขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แหบ “อย่าทำเรื่องโง่ๆ เลย ถือว่าฉันขอร้องล่ะ”
จื่อเฟิงไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดจากการควบคุมของป๋ายหลี่ ได้ยินคำนั้น ก็ได้ยิ้มอย่างเย็นชา “นี่เป็นท่าทางที่นายมีไว้ขอร้องคน?”
น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นมากๆ เหมือนว่าได้มาจากก้นบ่อน้ำแข็ง
“ป๋ายหลี่ ฉันบอกนายก่อนนะ อย่าคิดเองเอ่อเองมากเกินไป นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน นายคิดว่านายเป็นใคร? นายกับฉันเป็นอะไรกัน? อย่าคิดว่านายได้มาทำดีกับฉัน”
พูดจบ หมัดของจื่อเฟิงก็ได้ต่อยไปที่ตัวของป๋ายหลี่
หมัดของเธอสามารถที่จะทำให้คนธรรมดากระดูกหักได้ ต่อให้เป็นป๋ายหลี่ ก็อดไม่ได้ที่จะไม่ร้องออกมา
แต่เขาก็ยังออกแรงกอดจื่อเฟิง ก้มหน้าเล็กน้อย เอาหัวไปพิงที่ไหล่ของจื่อเฟิง ไม่ว่าจื่อเฟิงจะทำยังไงก็ไม่มีทางปล่อย
เขาไม่สามารถที่จะมองจื่อเฟิงไปทำอะไรโง่ๆ ได้……
ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ทำให้คนบาดเจ็บอย่างหนัก
ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้น
เทียบกับความสุข มันพาความทุกข์มาให้มากกว่า
ป๋ายหลี่จำได้รางๆ ว่าตั้งแต่ที่เจอกับจื่อเฟิงครั้งแรก ก็ได้ยินเสียงใจเต้นแรงของตัวเองได้ชัดเจน……
ถ้าเกิดความชอบสามารถควบคุมได้ บนโลกนี้ก็ไม่ได้มีความทุกข์มากมายขนาดนั้นแล้ว
เขารู้ สำหรับเขาแล้วจื่อเฟิงก็คือยาพิษ ดื่มลงไปต้องตาย ไม่ดื่มก็ต้องตาย
เดิมคิดว่าการที่พยายามทำดีกับเธอมาตลอดจะได้สายตาที่เห็นใจจากเธอบ้าง แต่เขาคิดผิด
จื่อเฟิงไม่ได้โง่ ความรู้สึกที่ป๋ายหลี่มีให้เธอก็ได้ปฏิเสธตั้งแต่แรก
มีแค่ผู้ชายแบบจิ้นเฟิงเฉินเท่านั้นที่เธอคู่ควรที่จะรัก
“เธอไม่ยอม……ที่จะมองฉันหน่อยเหรอ?” ป๋ายหลี่ก็ได้พูดออกมาเบาๆ
ในการแข่งนี้เขาเป็นคนแพ้มาตลอด เป็นคนที่อยู่ในจุดที่น่าสมเพชมาตลอด
รับไม่ได้กับท่าทางแบบนี้ของป๋ายหลี่ จื่อเฟิงก็ได้ออกแรงผลัก แล้วก็ได้ผลักป๋ายหลี่ออก
“ป๋ายหลี่! ฉันเคยบอกไปแล้ว ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตฉัน! นายไม่มีสิทธิ์! ฉันจะทำอะไร มันเรื่องของฉัน! เจียมตัวหน่อยแล้วก็ออกไปให้พ้น!”
คำพูดของเธอก็เหมือนมีดหลายๆ เล่ม ได้แทงไปที่ใจของป๋ายหลี่
“จื่อเฟิง!” ป๋ายหลี่ได้ตะโกนออกมาพร้อมนัยน์ตาที่แดง สีหน้าไม่น่าดู
“เธอจะทำผิดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!”
“ฉันเต็มใจ”
รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าด้านหน้าเป็นผาลึก แต่จื่อเฟิงก็ยังจะกระโดดลงไป
ต่อให้ผิดขนาดไหนก็ไม่สามารถเทียบกับความรู้สึกที่จะครอบครองจิ้นเฟิงเฉินของเธอ
เธอไม่มีทางที่จะให้กลับแล้ว
เงียบไปสักพัก จื่อเฟิงก็ได้มองป๋ายหลี่อย่างเยือกเย็น
“นายไปเถอะ อย่าบีบบังคับให้ฉันลงมือ”
ป๋ายหลี่ได้ยินแบบนั้นก็ได้กำหมัดแน่น ดวงตาเริ่มแดง กัดฟันแน่น
เขาไม่อยากที่จะให้ตัวเองดูน่าสมเพชต่อหน้าจื่อเฟิง
สุดท้าย เขาก็ได้คลายหมัดอย่างหมดทางเลือก “ฉันเข้าใจแล้ว”
จากนั้นก็ได้หันหลังเดินออกไป
ป๋ายหลี่ได้ขับรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้เปิดคลังเหล้าในบ้าน ดื่มจนแทบตาย
คนที่ถูกรักจะเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอยู่ตลอด
จื่อเฟิงนะจื่อเฟิง เธอรู้ว่าควรจะแทงคนยังไงถึงจะเจ็บที่สุด
ตอนที่เห้อซูหานเจอป๋ายหลี่นั้น เขาก็ได้นอนอยู่ที่คลังเหล้าด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย
พิงกำแพง แล้วก็ได้ดื่มเหล้าไปทีละขวด
กลิ่นเหล้าที่แรงทำให้เขานั้นขมวดคิ้ว
เห้อซูหานสามารถที่จะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่รู้ว่าป๋ายหลี่มาฝรั่งเศสก็เข้าใจทันที
หามุมมุมหนึ่งแล้วก็นั่งลง เห้อซูหานก็ได้แย่งขวดเหล้าในมือป๋ายหลี่มา
“พอแล้ว! นายดื่มมากพอแล้ว”
ป๋ายหลี่เงยหน้ามองเขาสักพัก ไม่พูดอะไร
จากนั้นก็ได้เปิดขวดเหล้าขวดใหม่ เงยหน้าแล้วก็ดื่ม
เวลานี้ดวงตาของป๋ายหลี่ก็ได้แดงก่ำ บวกกับทรงผมที่ยุ่ง ดูน่ากลัวมากๆ
เห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ในใจของเห้อซูหานก็ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ไม่ต้องดื่มแล้ว”
พูดจบ ก็ได้แย่งขวดเหล้าในมือป๋ายหลี่อีกครั้ง
ป๋ายหลี่ไม่ตอบ ก็ได้มองไปทางประตู