บทที่698 ผิดมหันต์
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นเขาที่เตรียมตัวพร้อมจึงไม่คิดจะพูดจาพร่ำเพรื่ออะไรกับเขาอีก
ป๋ายหลี่ปล่อยจื่อเฟิงออกไปโดยพลการ เขาจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ นี่คือทางที่นายเลือกเองฉันคิดว่านายอยู่กับฉันมาหลายปี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้แขนของนายแล้วฉันจะสั่งสอนแกเอง”
คำพูดของจิ้นเฟิงเฉินดังเต็มที่และไม่สามารถหักล้างได้
ป๋ายหลี่นั่งบนพื้นดินที่เย็นและชื้นและหลับตาลง
“ขอบคุณมากครับคุณชาย…”
ไม่เอาชีวิตเขา ป๋ายหลี่ก็พอใจแล้ว
เมื่อเห็นเขาเตรียมตัวแล้ว ผู้ชายหลายคนรอบตัวเขาก็ลากป๋ายหลี่ขึ้นไปยืนตรงข้ามจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อมองไปที่ป๋ายหลี่อย่างเย็นชาจิ้นเฟิงเฉินเตะแขนของป๋ายหลี่โดยตรง
เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างแน่นอน
ป๋ายหลี่ส่งเสียงออกมา เหงื่อเย็นไหลริน
อย่างไรเสียเขาอดทนกับความเจ็บปวดนี้และไม่รู้ออกมา
ดีมาก เป็นลูกผู้ชาย
ตามมาด้วยเท้าที่สอง เท้าที่สาม…มันเตะเข้าไปที่ตำแหน่งเดียวกัน
เสียงกระดูกหักยังคงดังขึ้นและชายที่แข็งแกร่งหลายคนที่ดึงป๋ายหลี่ต่างก็กังวลเกี่ยวกับป๋ายหลี่
แต่เมื่อมองไปจิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
พวกเขาเป็นลูกน้อง ใครจะมีสิทธิ์ไปห้ามจิ้นเฟิงเฉินได้ล่ะ?
เลือดไหลลงแขนของป๋ายหลี่และไหลลงเปื้อนพื้นเป็นสีแดง
หลายคนที่ได้เห็นฉากใหญ่แล้วยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่นและแอบรู้สึกว่าไม่ค้มค่ากับป๋ายหลี่เลย
เมื่อเห็นสภาพที่น่าเศร้าของป๋ายหลี่ จิ่นเฟิงเฉินก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
ความรู้สึกที่ป๋ายหลี่มีให้จื่อเฟิงใช่ว่าเขาจะไม่รู้ เดิมทีเขาคิดว่าหากป๋ายหลี่และจื่อเฟิงได้ลงเอยกัน เขาจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้พวกเขาทั้งคู่
เพียงแต่ว่าจื่อเฟิงนั้นรนหาที่ตายเอง
ป๋ายหลี่เป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าป๋ายหลี่ยังหายใจอยู่จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
นั่งบนเก้าอี้ข้า
ๆ เขาใช้มือขวาขยี้คิ้วเสียงเรียบๆ แต่ดังกึกก้อง “ให้คนออกไปตามหาจื่อเฟิง ไม่ว่าจะต้องเสียแค่ไหน ก็ต้องจับตัวกลับมาให้ได้!”
เมื่อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ออกไป
หลังจากนั้นคนอื่นๆ ในห้องก็เดินออกไปทีละคนมีเพียงป๋ายหลี่เท่านั้นที่อยู่บนพื้นพยายามยื้อชีวิตไว้
เขาสามารถรู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกจากแผลบนร่างกายแต่ในใจเขาสงบนิ่ง
ในตอนที่ปล่อยจื่อเฟิงไป เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้เข้าสักวัน
แต่ว่า เขาไม่เสียใจเลยสักนิด
ทั้งหมดนี้เขาทำด้วยความเต็มใจ เพื่อจื่อเฟิง เขายังทำทุกอย่าง
ในตอนหัวค่ำ สติของป๋ายหลี่เริ่มเลือนราง ได้ยินเพียงเสียงเบาๆ ที่ประตู
จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก กู้เนี่ยนเดินเข้ามา
เขาเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของป๋ายหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสังเวช
แขนของป๋ายหลี่ขาดแล้ว เลือดที่บาดแผลเริ่มแห้ง บริเวณแขนที่ขาดดูน่าเกลียดไม่น้อย
ที่นี่ไม่มีผ้าพันแผลและไม่มียาแก้ปวด
จิ้นเฟิงเฉินเพียงให้คนเข้ามาห้ามเลือดให้เขาหลังจากเกิดเรื่องและไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
เพราะความเจ็บปวดสีหน้าของเขาดูแย่มาก มันดูย่ำแย่มาก
เมื่อเห็นกู้เนี่ยนเข้ามา เขาฝืนยิ้มออกมา
“นายไม่ต้องยิ้มแล้ว น่าเกลียดกว่าร้องไห้อีก”
กู้เนี่ยนยกมือห้าม
ป๋ายลี่ไม่ลังเลใจอีกต่อไป พวกเขาทำงานร่วมกันมาหลายปีและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เมื่ออีกฝ่ายเห็นสภาพที่แย่แบบนี้ จึงไม่รู้สึกอะไร
“นายมาได้ยังไง? ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคุณชายจะให้นายมา”
ป๋ายหลี่พยายามพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย แต่น้ำเสียงของเขาอ่อนแอ
กู้เนี่ยนนั่งลงข้างๆ และมองไปที่เขา
“นายห่วงตัวเองก่อนเถอะ ทำให้ตัวเองเป็นอย่างนี้แล้ว นายคิดอะไร?”
ป๋ายหลี่ก้มหน้า หัวเราะแต่กลับไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเขาเงียบ สายตากู้เนี่ยนก็หันไปมองแขนที่ได้รับบาดเจ็บแล้วพูดอย่างสงสัย“แขนนายนี่…”
“ไม่เป็นไร จัดการแล้ว” ป๋ายหลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อกู้เนี่ยนเห็นการพันแผลแบบลวกๆ ในใจก็คิดว่านั่นคือจัดการแล้วเหรอ? เห็นได้ชัดว่ามันแค่ดึงเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งแล้วพันมันแค่นั้น
อย่างไรเสียเขาก็หมดหนทาง ถ้าหากเขาเรียกหมอให้ป๋ายหลี่ตอนนี้ พรุ่งนี้ที่จะขาดคงเป็นแขนของป๋ายหลี่อีกข้าง
สำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้ว เขาไม่สามารถจะเข้าใจไปได้มากกว่านี้แล้ว
ทั้งสองเงียบไปพักหนึ่ง แล้วกู้เนี่ยนก็พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม“ป๋ายหลี่นายก็รู้ว่าคุณชายนิสัยยังไง ทำไมต้องไปแตะฟางเส้นสุดท้ายเขาด้วย พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวจนกลายเป็นแบบนี้ไม่คุ้มกันเลย”
ก็เพราะรู้นิสัยของจิ้นเฟิงเฉิน ป๋ายหลี่จึงได้ยอมเสี่ยงถูกลงโทษแล้วปล่อยคนไป
เขาเป็นลูกผู้ชาย จะยอมเห็นผู้หญิงที่เขารักถูกทรมานได้ยังไง
“พูดสิ” กู้เนี่ยนพูดเสียงขรึม
ป๋ายหลี่เงยหน้าและพูดอย่างเรียบเฉย “เพราะฉันรักเธอ”
กู้เนี่ยนได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “รักแล้วต้องยอมเอาตัวเองเข้าแลก? นายรู้ไหม ถ้าหากคุณชายโกรธแล้วขังนายตลอดชีวิต หรือส่งนายไปอยู่เกาะร้าง ชีวิตนายพังเลยนะ! นายรู้ไหมว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันยากแค่ไหน!”
เพื่อผู้หญิงคนเดียวยอมทิ้งทั้งชีวิตของตัวเอง กู้เนี่ยนไม่เข้าใจ
ป๋ายหลี่มองดูกู้เนี่ยนแล้วถอนหายใจเบาๆ
“เหล่ากู้เอ๋ย นายไม่เข้าใจหรอก การรักใครสักคนไม่ต้องการเหตุผล”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ป๋ายหลี่หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “แต่ก่อนฉันก็เคยดูถูกพวกผู้ชายที่จะเป็นจะตายเวลาเลิกกับแฟนพวกนั้น รู้สึกว่ามันจะเว่อร์อะไรปานนั้น แต่จนฉันได้เจอมันกับตัวเอง ฉันถึงได้เข้าใจว่าความรักไร้ซึ่งความยุติธรรมเป็นที่สุด ฉันเคยเห็นคุณชายทำอะไรกับคนทรยศ แล้วจะทนเห็นเธอต้องทนทรมานกับโทษเหล่านั้นได้ยังไง?”
หลังจากกู้เนี่ยนได้ฟังแล้วก็เงียบอยู่นาน
ความรักทำให้คนตาบอดโดยแท้ ทำให้คนเป็นเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทำอะไรโดยไม่คิดถึงตัวเอง
วินาทีนี้ กู้เนี่ยนแอบนับถือความกล้าของป๋ายหลี่ไม่น้อย
อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริง
แต่เขายังคงแอบเป็นห่วงพวกเขา
“ป๋ายหลี่นายคิดจริงๆ เหรอว่าปล่อยจื่อเฟิงไป แล้วเธอจะหนีไปได้? คุณชายจะไม่ตามจับเหรอ?”
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำพูดเหล่านี้โหดร้าย แต่เขาก็ยังต้องเตือนป๋ายหลี่
ป๋ายหลี่อึ้งไปตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างและกล่าวอย่างเคร่งขรึม“นายคิดจะพูดอะไร?”
กู้เนี่ยนมองตรงไปที่เขาและพูดทีละคำ
“ฉันจะถามนายจื่อเฟิงหนีไปแล้ว คุณชายจะไม่ตามไปจัดการจริงเหรอ?”
ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของป๋ายหลี่ก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกำหมัดแน่น
ยังไม่จบแค่นั้น กู้เนี่ยนยังพูดต่อ“นายก็เป็นคนที่อยู่กับคุณชายมานานมาก น่าจะรู้ว่าวิธีการของเขาถึงจะถูกหากคุณชายต้องการจะตามหา ไม่มีทางหาไม่เจอหรอก”
ใช่แล้วขอเพียงให้เป็นคนที่จิ้นเฟิงเฉินต้องการจะตามหาไม่มีทางหาไม่เจอ
ป๋ายหลี่ตกตะลึงในขณะนี้
เขาช่างไร้เดียงสาเสียจริง ผิดมหันต์!
ผ่านไปนาน เขาพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “ฉันจะไปขอร้องเขา จะลงโทษฉันยังไงก็ได้ ให้เขาปล่อยจื่อเฟิง ขอแค่ให้เขาปล่อยจื่อเฟิงไปฉันยอมทำทุกอย่าง!”
กู้เนี่ยนถอนหายใจ มีความสงสารในน้ำเสียงไม่น้อย
“คุณชายไม่มีทางเห็นด้วยแน่ เขาให้ความสำคัญกับคุณหญิงสำคัญกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก จื่อเฟิงลงมือกับแก้วตาดวงใจของเขา นายคิดว่าเขาจะยอมงั้นเหรอ? ตอนนี้ยังหาไม่เจอ แต่คุณชายให้คนออกไปตามหาตั้งมากมาย สั่งให้จับตาย และพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาจื่อเฟิงให้เจอ”
ผลลัพธ์หลังจากหาเจอไม่ต้องให้พวกเขาบอกในใจก็น่าจะรู้อยู่แล้ว