หงอีเห็นว่าเหล่าซังโกรธขึ้นมาจึงรีบอธิบาย “ เหล่าซังจางหยูมักจะทำตัวเช่นนี้ เขาไม่ได้คิดจะดูหมิ่นเหล่าซัง “
ซังหนานเทียนโบกมือและพูดขึ้น “ ไม่ต้องอธิบาย ข้าไม่ได้โกรธเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆ” เขามองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้นมา “ เจ้าหนู เจ้ามั่นใจรึว่าจะประมือกับข้า ? แม้ว่าสายตาข้าจะไม่เฉียบคมเท่าไหร่นัก แต่ก็ดูคนออก เจ้าไม่ใช่คนที่เห็นแก่ชื่อเสียงและผลประโยชน์ ข้าสงสัยจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงสนใจจะท้าสู้กับข้า ?”
จางหยูแสดงสีหน้าจริงจัง “ ไม่ใช่ท้าสู้แต่เป็นการเรียนรู้”
“ โอ้ ?มันต่างกันตรงไหนกัน ?” เหล่าซังไม่ได้ใส่ใจ
“ เมื่อท่านคิดว่ามันเหมือนกัน งั้นก็คงเหมือนกัน” จางหยูพูดขึ้น “ เหตุผลที่ข้าอยากเรียนรู้จากท่านก็เพราะข้าติดปัญหาในการใช้พลังสร้าง ข้าหวังว่าการต่อสู้กับท่านนั้นจะทำให้ข้ายกระดับการใช้พลังสร้างขึ้น”
ซังหนานเทียนมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น “ เพื่อยกระดับการใช้พลังสร้างได้นั้นต้องมีความเข้าใจที่สูงกว่า”
จางหยูหัวเราะออกมา “ บังเอิญว่าการใช้พลังสร้างของข้าด้อยกว่าความเข้าใจอย่างมาก”
ซังหนานเทียนหัวเราะออกมา แต่เดิมแล้วเขาโกรธจางหยู แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าจางหยูนั้นน่าสนใจ
คนแบบไหนกันที่มีความเข้าใจมากกว่าการใช้พลังสร้าง ?
ในโกลาหลแห่งนี้มีคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ สาวน้อย เจ้าหนูนี่เป็นสหายของเจ้าจริงๆรึ ?” ซังหนานเทียนถามหงอี “ หากเขาเป็นสหายของเจ้า ข้าจะไว้หน้าเจ้า ข้าคงไม่รังเกียจที่จะสู้กับเขาแต่จะยั้งมือเอาไว้ แต่หากเขาเป็นแค่คนทั่วไป ข้าคงไม่สนว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บรึไม่”
หงอีรีบพูดขึ้นมา “ เหล่าซัง จางหยูเป็นสหายของข้าจริงๆ เหล่าซังโปรดเมตตาด้วย”
จางหยูขัดขึ้นมา “ เหล่าซังช่วยลงมือเต็มที่เลย ไม่ต้องยั้งมือ”
“ จางหยู !” หงอีโกรธขึ้นมา “ ข้ารู้ว่าท่านน่ะแข็งแกร่ง แต่เหล่าซังเกือบถึงระดับหมื่นแล้ว หากเขาเอาจริง เจ้าไม่มีทางเป็นคู่มือของเขาได้ ข้าพูดก็เพื่อเจ้า !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็พูดขึ้น “ หงอี ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่ข้าต้องการให้เขาเอาจริง มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยพัฒนาการใช้พลังสร้างของข้าขึ้นมาได้ ไม่งั้นแล้ว…การประมือครั้งนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด”
“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจตัวเองดี” ซังหนานเทียนมองไปที่จางหยู “ คนหนุ่มที่มั่นใจเช่นนี้ก็พอเข้าใจได้ ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าก็มั่นใจเหมือนกับเจ้า” อยู่ๆน้ำเสียงของซังหนานเทียนก็เปลี่ยนไป “ แต่ความมั่นใจนี้ไม่ได้หมายถึงความแข็งแกร่ง ข้าได้รับบทเรียนมามากถึงได้เข้าใจความจริงเรื่องนี้”
เขาเห็นว่าจางหยูน่ะไม่ได้อ่อนแอ ในระดับพันเท่านั้นน่าจะถือว่าเป็นยอดฝีมือ แต่ระดับพันเท่าก็มีความแตกต่าง ความต่างในด้านความแข็งแกร่งก็ต่างกันอย่างมาก
ความเข้าใจของระดับพันเท่าอยู่ที่พันเท่า ความเข้าใจของคนระดับสองพันก็อยู่ที่พันเท่า แม้แต่ความเข้าใจระดับแปดพันก็อยู่ที่พันเท่า แต่มันมีความแตกต่างกันอยู่ ซังหนานเทียนได้ขึ้นมาอยู่ระดับ 9,000 แล้ว เขาใกล้เคียงระดับหมื่นเท่า เขาเกือบจะหลุดออกจากระดับพันเท่าแล้ว เขาเชื่อว่าในการบ่มเพาะอีกไม่นานจะทำให้เขาขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าได้จริงๆ
“ ลงมือกันเถอะ” จางหยูพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ หวังว่าจะได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่าน หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ซังหนานเทียนมองไปที่จางหยูและระเบิดพลังออกมาเพื่อสร้างช่องทาง
ต่อมาเขาก็ได้ก้าวเข้าไปในช่องทางนั้น
จางหยูรีบตามเข้าก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในโกลาหล
หงอีทั้งคาดหวังและกังวล นางกัดฟันแน่นก่อนจะรีบตามไป
ด้านนอกโลกแดง ซังหนานเทียนและจางหยูยืนเผชิญหน้ากัน ซังหนานเทียนมองไปที่เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์บนไหล่จางหยู ก่อนจะพูดขึ้น “ เจ้าควรให้พวกนี้หลบไปก่อน เผื่อว่าในตอนที่เราเรียนรู้กันนั้นจะบังเอิญทำให้พวกนี้เจ็บตัว” เขาไม่ได้ใส่ใจ แม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเสียเป็นจิตปฐมบทโกลาหลก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะฆ่ามัน
“ ไม่เป็นไร ข้าน่าจะปกป้องพวกเขาได้” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ จางหยู อย่าโอ้อวดไป” หงอีกล่อม “ ให้พวกเขามาอยู่กับข้าก่อน เมื่อเจ้าสู้จบค่อยเรียกพวกเขากลับไป”
จางหยูไม่ได้คัดค้านและพูดขึ้น “เฮ้อ งั้นก็ต้องรบกวนเจ้าดูแลพวกเขาให้ข้าก่อน”
แม้ว่าการที่เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์อยู่กับเขาจะไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาแต่มันก็เหมือนไม่เคารพซังหนานเทียน ก่อนหน้านี้ที่เขาสู้กับซื่อซิน เพราะอยู่ในโลกจำลองจึงไม่มีใครเห็นสถานการณ์ด้านใน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหงอีแล้ว จางหยูก็ต้องให้เกียรติซังหนานเทียน
“ พวกเจ้าไปอยู่กับหงอีก่อน” จางหยูบอกกับเสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ “หลังจากที่สู้จบค่อยกลับมา”
เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์รีบหนีไปหาหงอีทันที ก่อนจะกระโดดขึ้นไปที่ไหล่ของนางทั้งซ้ายขวา ไอลีนโนเวล
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ได้พูดขึ้นมา “ เหตุใดนายท่านถึงได้สั่งแบบนี้แต่เมื่อนายท่านบอก เราก็ต้องทำ !” หงอีไม่เข้าใจคำพูดของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์คิดว่านางไม่อาจจะปกป้องมันได้รึ ?
“ ไอ้ตัวเล็ก ที่เจ้าทำตัวเช่นนี้เพราะทำตามเจ้านายใช่รึไม่ ?” หงอีถามขึ้นมา “ ข้าเป็นถึงผู้ควบคุมขั้น 9 แต่ทำไมจะดูแลเจ้าไม่ได้ ?”
“ ไร้สาระ แค่ระดับ 10 เท่าไม่ใช่รึ ?” เสี่ยวเสียไม่พอใจอย่างมาก “ ท่านเสี่ยวเสียน่ะแข็งแกร่งกว่าเจ้าอีก !”
หงอีเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อและมองไปที่เสี่ยวเสียบนไหล่ เจ้านี่แข็งแกร่งระดับพันเท่ารึไง ?
“ เจ้ามองอะไร ?” เสี่ยวเสียไม่พอใจและฮึดฮัดออกมา “ หากไม่ใช่เพราะนายท่านสั่ง ข้าคงไม่มาดูแลเจ้าหรอก การที่ข้าพูดคุยกับเจ้าก็ถือว่าเป็นเกียรติเจ้าแล้ว” ชัดแล้วว่ามันไม่ลืมที่หงอีคิดจะเคยกำจัดมัน
จนถึงตอนนี้มันก็ยังแค้นเรื่องนี้ไม่หาย “ เจ้ามีพลังระดับพันเท่าจริงๆรึ ?” หงอีถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ แน่นอน !” เสี่ยวเสียพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ “ ผู้หญิงเช่นเจ้าน่ะข้ากินมาแล้วเป็นร้อยๆคน !”
หงอีกรอกตาใส่ “ ระดับพันเท่าแล้วยังไง ? เจ้านายของเจ้าบอกให้เจ้าอยู่กับข้า เจ้าทำตัวให้ดี ไม่งั้นแล้วข้าจะบอกเขาว่าเจ้าไม่ฟังคำสั่งข้า”
เสี่ยวเสียขนลุกขึ้นมาและมองไปที่หงอีด้วยสีหน้าเหลือเชื่อและโกรธ
“ พี่หงอีอย่าใส่ใจมันเลย มันเพิ่งยกระดับตัวเองขึ้นมา ไม่นานมันก็จะได้รับบทเรียนเอง” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดขึ้น
หงอีมองไปที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ “ เจ้าไม่ได้มีพลังระดับพันเท่ารึ ?”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ทำท่าทีเอียงอายและพูดขึ้นมา “ ข้ายังห่างจากผู้ควบคุมขั้น 9 ไม่อาจจะเทียบกับเสี่ยวเสียได้ แต่ก็ไม่น่าจะใช้เวลานาน อย่างมากแค่พันปีข้าก็จะขึ้นไประดับสิบเท่าได้ ” นางไม่ได้กลืนกินจิตปฐมบทโกลาหล นางไม่รู้ด้วยว่าต้องกินมันยังไง ซึ่งทำให้นางเพิ่มพลังได้ช้ากว่าเสี่ยวเสีย
“ งั้นเจ้าจะบอกว่าเจ้านี่มีพลังระดับพันเท่าจริงๆรึ ?” หงอีแสดงสีหน้าหนักใจออกมา
“ จะว่าแบบนั้นก็ได้ ” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์คิดและพูดขึ้น “ ตอนที่เดินทางมาถึงเขตใต้มันเพิ่งขึ้นระดับพันเท่า เดาว่ามันคงอ่อนแอที่สุดในหมู่ระดับพันเท่า”
“ ใครบอกกัน ?” เสี่ยวเสียค้านขึ้นมา “ ข้าคือจิต! ข้าคือจิตระดับพันเท่าดวงแรกในโกลาหล ! เจ้าเอามาตรฐานทั่วไปมาวัดข้าได้ด้วยรึ ? หากวัดกันจริงๆแล้ว ข้ามั่นใจว่าแกร่งกว่าพวกที่เพิ่งขึ้นมาถึงระดับพันเท่า !”
“ พอเถอะ” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เบะปากใส่ “ ถึงเหมิงเกอจะโดนเจ้าฆ่า แต่หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้ว เจ้าอาจจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้”
… “ ลงมือสิเด็กน้อย” ซังหนานเทียนพูดขึ้น “ เพื่อไว้หน้าหงอีแล้ว ข้าจะไม่รังแกเจ้า ข้าจะให้เจ้าลงมือก่อน”
จางหยูมองไปที่ซังหนานเทียนด้วยท่าทีแปลกใจ “ ผู้อาวุโสให้ข้าลงมือก่อนรึ ?”
ซังหนานเทียนแข็งแกร่งกว่าซื่อซินอย่างมาก แต่จางหยูก็แกร่งกว่าซื่อซินเช่นกัน หากให้เขาลงมือก่อนจริงๆแล้ว ชายแก่นี้อาจจะรับมือไม่ไหว
แต่เพื่อที่จะไม่ให้คู่ซ้อมหมดกำลังใจ จางหยูก็ไม่กล้าจะใช้พลังออกมาเต็มที่ แม้แต่พลังแค่ครึ่งเดียวเขาก็ไม่กล้าใช้มันออกมา เขาได้พูดขึ้นทันที เขาจะใช้พลังน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตกใจ“ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจ ”