บทที่ 718 คิดอย่างสวยงามมากจริงๆเลย
ฝู้จิงเหวินอดทนอย่างไม่สบายใจอยู่ในใจ ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่ง สายตายังคงมองอยู่ที่เจียงสื้อสื้ออย่างเป็นห่วง
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเขาไม่ไปรบกวนเจียงสื้อสื้อ ก็รีบให้คนไปเรียกหมอ
ไม่นาน หมอก็เข้ามาอย่างรีบร้อน
พอเห็นเลือดบนเสื้อผ้าของเจียงสื้อสื้อ ก็อารมณ์ขึ้นในทันที
หมอวางของในมือไว้บนโต๊ะอย่างแรง มีสีหน้าไม่ดี
“เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของคุณไม่ต้องการแล้วใช่ไหม? แผลฉีกครั้งหนึ่งไม่พอ ยังจะมีครั้งที่สองอีก แบบนี้ร่างกายของคุณจะรับไม่ไหวรู้ไหม?”
ในช่วงเวลาสั้นๆ แผลของคนไข้ฉีกสองครั้ง ไม่โมโหได้เหรอ
ไม่ง่ายที่จะรักษาให้ดีขึ้นมาเล็กน้อย ผลลัพธ์ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย ในฐานะหมอ เธอไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้มากที่สุด
เห็นสีหน้าเข้มๆของหมอ ภายในห้องผู้ป่วยไม่มีใครส่งเสียงออกมา ล้วนไม่กล้าไปรบกวน
จิ้นเฟินเฉินและฝู้จิงเหวินต่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด จึงทำได้เพียงให้หมอว่า
รอหมอพูดจนเหนื่อย จิ้นเฟิงเฉินถึงอ้าปากพูด “หมอครับ ร่างกายของเธอเป็นอะไรร้ายแรงไหม?”
หมอเหลือบมองมาที่เขา พูดอย่างไม่ค่อยดี “ตอนนี้ไม่มี ถ้ามีมากกว่านี้สองสามครั้งคงจะพูดยากแล้ว อีกอย่างร่างกายของเธอเองก็ค่อนข้างอ่อนแออยู่แล้ว พวกคุณดูแลคนป่วยยังไงกันแน่ ทำให้แผลฉีกครั้งสองครั้ง ถ้าไม่อยากรักษาจริงๆ ก็ไม่ต้องส่งมา”
ฟังคำต่อว่าของหมอ จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างละอายใจ “ขอโทษครับ คราวหลังผมจะระวัง”
ฝู้จิงเหวินได้ยิน ก็รู้สึกไม่พอใจในทันที
แบบนี้จิ้นเฟิงเฉินหมายความว่ายังไง เจียงสื้อสื้อเป็นคู่หมั้นของเธอ ทำไมจะต้องให้เขามาระวัง
จึงแย่งพูดขึ้นมา “หมอครับ ผมเป็นสามีของเธอ จะดูและเขาให้ดี เรื่องแบบวันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด”
เห็นทั้งสองคนแย่งกันรับประกัน จนทำให้หมอสับสนงงงวย
มองไปที่ทั้งสองคนคนละที ก็ส่งต่ำออกมา “รู้เร็วๆดีแล้ว แล้วนี่มาแสดงความจงรักภักดีอะไรกันตรงนี้ ออกไปกันให้หมด ฉันจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คนไข้แล้ว”
คนสองคนที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ เผชิญหน้ากับคุณหมอที่ไม่เกรงใจ ก็ทำได้เพียงแค่เชื่อฟัง
ก่อนที่จิ้นเฟิงเฉินจะเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ก็มองเจียงสื้อสื้อครั้งแล้วครั้งเล่า พูดปลอบใจว่า “ผมอยู่ข้างนอก ไม่ต้องกลัว”
ฝู้จิงเหวินไม่สบายใจ กลั้นอารมณ์เดินออกไป
ในห้องผู้ป่วย
หมอเปิดเสื้อของเจียงสื้อสื้อออก นำผ้าปิดแผลที่เปื้อนเลือดออกไป
ในตอนที่โดนแผล เจียงสื้อสื้อเจ็บจนสูดหายใจไม่หยุด
“ตอนนี้รู้จักเจ็บแล้ว? มีคนที่ไหนไม่ทะนุถนอมตัวเองแบบนี้ เรื่องใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สำคัญไปกว่าร่างกายของตัวเอง”
หมอพูดไม่หยุด อดไม่ได้ที่จะตำหนิ
เธออายุพอกันกับแม่ของเจียงสื้อสื้อ ในบ้านมีลูกสาวอายุพอๆกับเจียงสื้อสื้อ และก็เป็นหมอของเจียงสื้อสื้อด้วย
ในตอนที่เจียงสื้อสื้อถูกส่งตัวมาที่นี่ ทั้งตัวเป็นแผลทั้งหมด
เธอเห็นแล้วปวดใจมาก ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอีก
ใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกอบอุ่น พูดอย่างน่าเอ็นดูว่า “หนูรู้แล้วค่ะว่าผิด ขอโทษค่ะ”
หมอเห็นเธอเชื่อฟังแบบนี้ ก็ตีหน้าขรึมต่อไปไม่ไหว ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ขอโทษอะไรกับฉัน ร่างกายเป็นของเธอเอง คราวหลังระวังหน่อย ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้นก็อย่าให้โดนตัวเธอง่ายๆ”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม สีหน้าซีดยังไม่สามารถปิดบังความงดงามบนใบหน้าเธอได้
ในตอนนั้น ข้างนอกห้องพักผู้ป่วย
ฝู้จิงเหวินออกแรงดึงคอเสื้อของจิ้นเฟิงเฉิน ใบหน้าที่งดงามบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน
“นายทำอะไรกับเจียงสื้อสื้อ?”
แค่คิดว่าเจียงสื้อสื้อเข้าข้างจิ้นเฟิงเฉิน เขาก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินปัดนิ้วมือของเขาออก ลูบรอยที่ถูกดึงให้เรียบ พูดอย่างเหยียดหยามว่า “ดูเหมือนกับว่านายจะถามผิดคนแล้ว นายควรจะถามคนที่อยู่ข้างๆนายมากกว่า”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินถอยหลังไปหนึ่งก้าว อารมณ์เย็นลงเล็กน้อย พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่หมายความว่ายังไง ฉันแค่อยากจะบอกนาย ถ้าเกิดว่านายดูแลสื้อสื้อไม่ดี ก็เอาเธอมาให้ฉัน! คนรอบข้างที่สับสนปนเปเข้ามาหาเธอให้มันน้อยๆหน่อย!”
“นายฝันไปเถอะ!” ฝู้จิงเหวินพูดอย่างโมโห
จิ้นเฟิงเฉินเป็นขวากหนามในใจเขามาตลอด เขากังวลอยู่ทุกวันว่าเขาจะแย่งเจียงสื้อสื้อไป
ตอนนี้ คนคนนี้ในที่สุดก็มาพูดกับเขาตรงๆ ให้ตัวเขาเอาเจียงสื้อสื้อให้เขา คิดอย่างสวยงามมากจริงๆ!
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินข่มเอาไว้อย่างกลัดกลุ้ม สีหน้าไม่ดี
แต่ว่าฝู้จิงเหวินก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ได้ด้วยตัวเองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพราะจิ้นเฟิงเฉิน
แต่ไหนแต่ไรมาแอดไลน์เป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่มีทางปรากฏตัวออกมาอย่างไร้สาเหตุ
ชายสองคนที่สูงส่งล้ำเลิศเหมือนกัน จ้องมองกันอยู่หลายนาที ตอนหลัง
ฝู้จิงเหวินตัดสินใจหันตัวไป มองไปที่ผู้หญิงที่ยืนไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ข้างๆอย่างสีหน้าไม่ดีซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “เกิดอะไรขึ้น?”
เบ้าตาของแอดไลน์เป็นสีแดง มุมปากเบะออก พูดอย่างร้องทุกข์ “พี่จิงเหวิน พี่อย่าโทษฉัน เป็นเจียงสื้อสื้อที่ร่วมมือกับ กับ……”
เธอไม่กล้าพูดชื่อของจิ้นเฟิงเฉิน พูดอ้ำๆอึ้งๆ
เห็นเธอเป็นแบบนี้ ฝู้จิงเหวินก็รู้ว่าในนั้นมีอะไร พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พูดความจริง!”
แอดไลน์ตกใจน้ำตาคลออยู่ในดวงตา เธอไม่เคยเห็นฝู้จิงเหวินดุร้ายแบบนี้มาก่อนเลย
“ฉัน ฉัน ที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมด เป็นพวกเขา พวกเขาใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น ฉันแค่มาเยี่ยมเธอ……”
แม้ท่าทีตอนนี้ของเธอจะดูบอบบางน่าสงสาร แต่ฝู้จิงเหวินเองก็จะไม่เชื่อ
บนใบหน้าแสดงความแปลกใจออกมา พูดอย่างขำๆ “คุณมาเยี่ยมเธอ? พวกคุณมีมิตรภาพอะไรต่อกัน ทำไมคุณต้องมาเยี่ยมเธอ?”
แอดไลน์หลบตา พูดอย่างอ้ำๆอึ้งๆ “ก็ ก็ก่อนหน้านี้เคยเจอกัน ได้ยินว่าเธอบาดเจ็บ ฉันก็……”
ไม่รอให้เธอพูดจบ ฝู้จิงเหวินก็หยุดเธอ
“เธอบอกความจริงกันฉันมา แผลบนตัวของเจียงสื้อสื้อแท้จริงแล้วฉีกได้ยังไงกันแน่?”
แอดไลน์ชะงักไป พูดช้าๆอย่างระมัดระวัง “เธอ เธอเดินชนหัวเตียงเอง จากนั้น จากนั้น……”
น่าเสียดาย ฝู้จิงเหวินไม่เชื่อเธออีกต่อไปแล้ว พูดอย่างเย็นๆว่า “หลีกไปให้พ้น!”
“พี่จิงเหวิน……”
แอดไลน์ไม่กล้ามองไปที่เขาตรงๆ
เป็นครั้งแรกที่ฝู้จิงเหวินพูดจารุนแรงดุร้ายกับเธอแบบนี้
เมื่อก่อนเขาสุภาพมาโดยตลอด ถึงแม้ปฏิเสธการขอความรักของเธอ ก็ยังอบอุ่น
ทำไมหลังจากที่เจอกับเจียงสื้อสื้อแล้ว ถึงได้กลายเป็นแบบนี้?
“หลีกไป ฉันไม่อยากจะพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง”
ฝู้จิงเหวินพูดและมีรอยยิ้มแฝงอยู่ที่มุมปาก แฝงไว้ด้วยความดุร้ายอย่างอธิบายไม่ได้
แอดไลน์ตัวสั่น ก้มหัวต่ำ สายตามีความไม่ยอม
เธอยังอยากจะอ้อนวอน แต่ฝู้จิงเหวินไม่มองเธอเลย เดินเข้าประตูไปแล้ว
จ้องมองที่บานประตูอย่างเงียบๆ เงาของร่างกายที่สูงและตรงเหมือนกับหลาวด้ามหนึ่ง
แอดไลน์ไม่ยอมแพ้ แต่เธอไม่มีวิธี ฝู้จิงเหวินที่โกรธมาก ดูแล้วค่อนข้างยากที่จะพูด
และยิ่งเพิ่มจิ้นเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆตลอด อำนาจที่น่าเกรงขามรุนแรงมากจนทำให้เธอตื่นตระหนก
สุดท้ายจึงทำได้เพียงจากไปอย่างกล้ำกลืนความเจ็บแค้น ก้าวอย่างโซเซ พื้นหลังดูค่อนข้างจนตรอก
เมื่อเปรียบเทียบตรงกันความกับความเย่อหยิ่งในตอนที่มาถึง
ในตาของแอดไลน์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ครั้งที่แล้วเป็นเพราะจิ้นเฟิงเฉินมาช่วยเธอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แต่ว่าครั้งต่อไปเธอไม่มีทางโชคดีอย่างนี้อีก
แอดไลน์มองไปที่ตำแหน่งของห้องผู้ป่วยอย่างโหดเหี้ยม ทันทีหลังจากนั้นก็ย่ำรองเท้าส้นสูงและเดินออกไป