ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1746 : พบกับหงอีอีกครั้ง

ตอนที่ 1746 : พบกับหงอีอีกครั้ง

ไม่นานจางหยูก็ได้ลบโลกจำลองออก เผยให้เห็นร่างของทั้งสองคนอีกครั้ง
ผู้ควบคุมขั้น 9 คนอื่นๆต่างก็มองไปที่จางหยูและซื่อซินโดยอยากรู้ว่าใครกันที่ชนะการต่อสู้ครั้งนี้
โชคร้ายที่จางหยูและซื่อซินแสดงท่าทีเฉยเมยออกมา มองจากภายนอกแล้วไม่อาจจะรู้ได้ว่าใครชนะรึแพ้
“ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน” ซื่อซินรู้สึกว่าการอยู่กับจางหยูมีแต่จะเจ็บตัว
จางหยูยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ซื่อซินก็หายตัวไปทันที
จางหยูไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ ?
แต่การรับรู้ของเขาก็ยังรับรู้ตัวตนของซื่อซินได้ ตอนที่ซื่อซินเดินทางไปได้ไม่ไกลนักนั้น จางหยูก็ได้พูดขึ้นว่า “ ข้าหวังว่ายอดฝีมือที่เจ้าพูดถึงนั้นจะมีอยู่จริง ไม่งั้นแล้วข้าคงได้กลับมาประมือกับเจ้าต่อ ”
แค่ประโยคเดียวแต่กลับทำให้ซื่อซินเหงื่อผุดและรีบจากไปทันที
หลังจากที่แยกกับซื่อซินแล้ว จางหยูก็ไม่ได้รีบออกไปไหนแต่เขากลับมองไปยังผู้ควบคุมขั้น 9 ที่นำโดยไมโล
เขาก้าวออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าไมโลและคนอื่นๆในพริบตา
“ เจ้าคือไมโลรึ ? ” จางหยูมองไปที่ไมโล ในหมู่ผู้ควบคุมขั้น 9 นี้มีแค่ไมโลที่แข็งแกร่ง คนอื่นๆส่วนมากอยู่ระดับ 10 เท่า มีสองคนเท่านั้นที่อยู่ระดับ 100 เท่า
“ ไมโลคำนับเจ้าสำนัก !” ไมโลรีบทำความเคารพทันที
คนอื่นๆก็รีบทำความเคารพเช่นกัน “ คำนับเจ้าสำนัก ! ”
ตอนนี้จางหยูไร้เทียมทานราวกับราชาตะวันออกแต่เมื่อเทียบกับราชาตะวันออกแล้วเขาดูสุขุมยิ่งกว่า
จางหยูมองไปรอบๆ บางคนนั้นจางหยูเคยเจอมาแล้ว แต่มีหลายคนที่จางหยูเพิ่งจะเจอรวมถึงไมโลด้วย
“ เขตตะวันตกนี่ดีจริงๆ ” จางหยูยิ้มออกมาและออกปากชม “ ซื่อซิน, ไมโล…เขตตะวันตกมีคนระดับพันเท่าที่แข็งแกร่งถึงสองคน”
“ เจ้าสำนักก็ชมเกินไปแล้ว” ไมโลถ่อมตัวและพูดขึ้น “ เรายังต่างจากท่านกับท่านซื่อซินอย่างมาก”
“ ยังต่างอยู่” จางหยูพยักหน้า “ แต่มันก็ดีที่ขึ้นมาถึงระดับพันเท่าได้”
มีคนระดับพันเท่ากี่คนกันในโกลาหล ?
แม้แต่ซื่อซินก็ยังถือว่าอยู่ระดับแนวหน้าของโกลาหล
“ เอาล่ะ ข้าจะออกไปที่อื่นต่อ ข้าคงไม่พูดอะไรมาก” จางหยูโบกมือให้กับทุกคน “ ไว้มีโอกาสคงได้พบกันอีก ”
ทุกคนตอบกลับเป็นเสียงเดียวกัน “ ยินดีที่ได้พบเจ้าสำนัก !”
จากนั้นจางหยูก็เดินทางออกไป
ทุกคนต่างก็พากันโล่งอก แม้ว่าจางหยูกับพวกเขาจะไม่ได้บาดหมางกัน แต่การตายของโจวทงและเหมิงเกอนั้นก็ยังสร้างความกลัวให้กับพวกเขาอยู่ มันทำให้พวกเขากดดันไม่ใช่นอย เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่อยากจะให้จางหยูอยู่ที่นี่นานนัก พวกเขากลัวว่าจางหยูจะมาหาเรื่องพวกเขา
ภายใต้สายตาของทุกคน จางหยู, เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็ได้เดินทางออกมาจากที่นั่น
เป้าหมายในการเดินทางมายังเขตตะวันตกลุล่วงแล้ว จางหยูไม่ได้สนใจอะไรที่นี่อีกต่อไป
ทุกคนมองดูจางหยูเดินทางออกไปอยู่สักพักกว่าจะได้สติกลับมา
“ แล้วการต่อสู้ของเจ้าสำนักกับท่านซื่อซิน ใครกันที่ชนะ ?”   “ พี่ไมโลบอกว่าท่านซื่อซินนั้นเกือบจะถึงระดับหมื่นเท่า เจ้าสำนักคงไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้ ?”
“ เจ้าสำนักสามารถฆ่าโจวทงได้ในเวลาไม่กี่วินาที ท่านซื่อซินไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ไม่ใช่รึ ?”
ทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งเกินการรับรู้ของทุกคน ตอนนี้ไม่มีใครตัดสินผลลัพธ์การต่อสู้ได้
พวกเขาหวังว่าซื่อซินจะชนะการต่อสู้ แต่ความแข็งแกร่งของจางหยูก็ไม่ได้ด้อยกว่าซื่อซินเลย ผลลัพธ์การต่อสู้นี้ไม่อาจจะบอกได้
“ ช่างเถอะ” ไมโลส่ายหน้า “เจ้าสำนักและท่านซื่อซินต่างก็เกือบจะถึงระดับหมื่นเท่ากันแล้ว อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย แม้แต่ข้าก็ได้แต่เงยหน้ามองทั้งสองคน ไม่ว่าใครจะแพ้รึชนะแต่ก็บดขยี้เราได้ทั้งนั้น แทนที่จะเสียเวลาสนใจผลลัพธ์ในการต่อสู้ เราควรจะใช้เวลานี้พัฒนาตัวเองจะดีกว่า”
ทันทีที่พูดจบ ไมโลก็เปลี่ยนเป็นลำแสงแล้วเดินทางออกไปทันที
ผู้ควบคุมขั้น 9 พากันเงียบไป หลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็พากันแยกย้ายออกไป
ในโกลาหล
“ นายท่าน เราจะกลับไปที่เขตตะวันออกตอนบนรึ ?” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
จางหยูส่ายหน้า “ ก่อนที่จะกลับไป เราจะไปที่เขตใต้ตอนบนกันก่อน”
เสี่ยวเสียตาเป็นประกายขึ้นมา “ ท่านอยากไปหายอดฝีมือที่นั่นรึ ?”
ตามที่ซื่อซินบอกมาแล้ว เขตใต้ตอนบนนั้นมียอดฝีมือลึกลับอยู่ มันน่าจะมีอยู่หลายคน !
แม้ว่าจะไม่รู้ชื่อและตัวตนของคนเหล่านั้นแต่ความแข็งแกร่งก็น่าจะเพียงพอที่จะเอาชนะพวกนั้นได้ !
จางหยูพยักหน้าและแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา “ ความแข็งแกร่งของเขาเดาว่าไม่ห่างจากระดับหมื่นเท่ามากนัก บางทีเขาอาจจะขึ้นไประดับหมื่นเท่าแล้วก็ได้ !”
ถ้าหาคนคนนั้นพบ งั้นจางหยูก็ไม่จำเป็นต้องหายอดฝีมืออีกสองคนเพื่อสู้ด้วย แค่ชายคนนี้เพียงคนเดียวก็เพียงพอจะทำให้เขาขึ้นไประดับหมื่นเท่าได้แล้ว
เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของจางหยู ในสายตาพวกเขานั้นจางหยูคือคนไร้เทียมทาน !
แม้ว่าจะพบกับจ้าวโกลาหลแต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าจางหยูจะพ่ายแพ้ !
ไม่มีใครทลายร่างทองคำของจางหยูได้ แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ไม่อาจจะทำได้ !
จากเขตตะวันตกไปยังเขตใต้ตอนบนนั้นเส้นทางไม่ได้ไกลกันนัก จางหยูใช้พาหนะมิติเดินทางโดยไม่หยุดพัก ไม่นานพวกเขาก็มาถึงเขตใต้ตอนบนได้ พวกเขาได้มาถึงชายแดนของเขตใต้แล้ว
“ นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้ามายังเขตใต้” จางหยูพึมพำออกมา
ตอนที่เขามาที่เขตใต้ครั้งแรกนั้นเขาเป็นแค่ผู้นำขั้น 8 เขาแกร่งกว่าผู้นำทั่วไป แต่ไม่อาจจะเทียบกับผู้ควบคุมขั้น 9 ได้ ตอนนั้นเขายังกลัวผู้ควบคุมขั้น 9 อยู่ แต่ตอนนี้ผู้ควบคุมขั้น 9 ทั่วไปไม่อาจจะเป็นภัยต่อเขาได้เลย
เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแต่เขตใต้นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
เมื่อรู้ว่าจางหยูเข้ามายังเขตใต้ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในวังดอกไม้แดงทันที
เมื่อเห็นดอกไม้เต็มไปทั่วทั้งวัง จางหยูก็ยืนมือไขว้หลังและพูดขึ้น “ จางหยูมาเยี่ยม รบกวนหงอีปรากฏตัวด้วย ” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วโลกจำลองของหงอี
ต่อมา หงอีก็ปรากฏตัวขึ้นห่างจากจางหยูเพียงก้าวเดียว “เจ้าสำนักจาง”
คนของวังดอกไม้แดงต่างก็พากันบินออกมาจากดอกไม้ยืนอยู่ด้านหลังของหงอี
หงอีมองไปที่จางหยูด้วยความแปลกใจ “เจ้าสำนักจาง มาหาข้าที่นี่เพราะอะไรกัน ?”
“ เพราะสองเรื่อง ” จางหยูมองไปที่หงอีด้วยสีหน้าจริงจัง “ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าออกตัวแทนสำนักคังเฉียง เจ้าสร้างความวุ่นวายไว้ไม่ใช่น้อย การที่สำนักคังเฉียงอยู่ดีได้แบบนี้คงต้องขอบคุณเจ้า”
หงอียิ้มออกมา “ เจ้าสำนักจางพูดเกินไป ข้าไม่ได้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับท่าน การที่ได้ช่วยสำนักคังเฉียงด้วยคำพูดไม่กี่คำนั้นจะได้ผลได้ยังไง จากความแข็งแกร่งที่เจ้าสำนักจางมีแล้วก็ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหากับสำนักคังเฉียง ไม่งั้นแล้วก็คงเป็นพวกเขาที่ตกที่นั่งลำบากเอง”
“ นั่นก็เพราะเจ้าด้วย” จางหยูพูดขึ้นมา “เจ้าช่วยสำนักคังเฉียง บุญคุณนี้ข้าต้องจดจำเอาไว้”
“ งั้นข้าขอรับความดีความชอบนี้ไว้แล้วกัน ” หงอียิ้มออกมา รอยยิ้มนี้งดงามราวกับความงดงามของทั้งโลก
สมาชิกวังดอกไม้แดงต่างก็พากันตะลึงพวกนางไม่เคยเห็นหงอีแสดงด้านนี้มาก่อน
จางหยูยังไม่ทันได้พูด หงอีก็พูดขึ้นต่อ “ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสำนักจางได้ฆ่าโจวทงและเหมิงเกอ ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงรึไม่ ?”
จางหยูพยักหน้าตอบรับ เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วโกลาหลแล้ว เขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ ข้าอาจจะพูดไม่ดีนัก แต่เหมิงเกอไม่ใช่คนดี เขาตามจีบข้าอยู่หลายครั้ง การที่เขาไปหาเรื่องเจ้าสำนักจาง ข้าเกรงว่าคงมีเหตุผลอื่น” หงอีถอนหายใจออกมา “ ดีที่ความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักจางโดดเด่นและฆ่าเขาได้ แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังถูกจัดการ ไม่งั้นแล้วคงเป็นหงอีที่เป็นคนผิด”
“ เรื่องในอดีตไม่จำเป็นต้องพูดถึงหรอก ” จางหยูโบกมือแล้วพูดขึ้น “ มีอีกเรื่องที่ข้าอยากขอให้เจ้าช่วย”
“ เรื่องอะไรกัน ?” หงอีกระพริบตาด้วยความสงสัย
“ เจ้ารู้จักยอดฝีมือเก่าแก่ที่อยู่ระดับหมื่นเท่ารึไม่” จางหยูมองไปที่หงอีแล้วถามขึ้นมา “ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะแนะนำเขาให้ข้าได้รึไม่ ?”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท