บทที่747 จะให้ข่าวรั่วไม่ได้
แม้คำตอบของจิ้นเฟิงเฉินจะเด็ดขาดแต่เจียงสื้อสื้อก็ดูออกบางอย่างจากอารมณ์ที่รุนแรงของเขา
หลังจากเงียบไปสักพักเธอก็พูดนิ่งๆ “ฉันอยากได้ยินความจริง”
เมื่อได้ยินเธอถาม จิ้นเฟิงเฉินก็เงียบไป
เขากำหมัดแน่นแล้วคลาย
หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาก็เจ็บปวดและตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หากปล่อยให้แบคทีเรียสร้างทำลายร่างกายคุณ ใช่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เย็นชา
เธอนั่งลงบนเตียงอย่างว่างเปล่าจู่ ๆ ก็รู้สึกกระหายน้ำมากและพยายามหาน้ำสักถ้วยที่ข้างเตียง
แต่มือของเธอสั่นมากและไม่สามารถจับถ้วยได้อย่างมั่นคง เกิดเสียงเล็กน้อยและตกลงกับพื้นและแตกเป็นชิ้น ๆ
เศษแก้วที่กระเด็นอยู่บนพื้นก็เหมือนกับเธอ แตกสลาย
เมื่อเห็นเช่นนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ตกใจและจับมือเธอและพูดอย่างร้อนรน “ไม่เป็นไรนะ?”
เจียงสื้อสื้อปล่อยให้เขาจับมันอย่างว่างเปล่า และไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ
เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็ใจสลาย ลูบใบหน้าของเธอและพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก “สื้อสื้อ ไม่เป็นไรนะ ผมจะหาผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดในโลกมากำจัดแบคทีเรียนี้ออกไปจากตัวคุณ เชื่อผมนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาดวงตาของเจียงสื้อสื้อก็กลอกไปมา หลังจากนั้นไม่นานก็ถามด้วยเสียงต่ำ “จริงเหรอคะ?”
“จริงสิ”
จิ้นเฟิงเฉินยืนยันหนักแน่น
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้”
จู่ ๆ เจียงสื้อสื้อก็ปิดใบหน้าของเธอด้วยมือข้างหนึ่งและเสียงของเธอก็สั่นสะท้าน
เธอไม่เข้าใจ เธอก็แค่อยากจะมีชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตดีๆ แต่กลับมีคนไม่ยอมปล่อยเธอไป
และมักสรรหาวิธีต่างๆ มาทรมานเธอ
ลักพาตัว อุบัติเหตุ เชื้อโรค…
เรื่องพวกนี้ทรมานเธอจนแทบจะเป็นบ้า
ที่สำคัญคือเธอไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ
นี่คือสิ่งน่ากลัวที่สุด
เธอเคยทำเรื่องร้ายแรงอะไรกันแน่งั้นเหรอถึงได้มีคนเกลียดเธอถึงเพียงนี้?
เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของเจียงสื้อสื้อผิดปกติไป จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกไปกอดเธอแล้วตบหลังเพื่อปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างๆ อยู่เสมอ”
เจียงสื้อสื้อคว้าเสื้อผ้าของเขาแน่นราวกับจับฟางเส้นสุดท้ายและพึมพำ “ขนาดหมอยังไม่มีทางรักษาแล้วคุณจะทำอะไรได้?”
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินนั้นแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ใช่หมอ
จิ้นเฟิงเฉินรับรู้ได้ถึงความว้าวุ่นของเธอในตอนนี้จึงพูดอย่างอ่อนโยน “ผมมีลูกน้องเป็นหมอที่เก่งมาก เขาอยู่ต่างประเทศ ผมให้คนติดต่อเขาแล้ว เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
“เขารักษาฉันให้หายได้ไหม?” เจียงสื้อสื้อสงสัย
“ได้แน่ ถ้าไม่ได้ ผมก็จะให้หมอที่เก่งที่สุดจากทั่วโลกจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ จะต้องรักษาได้แน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณจากผมไปหรอก”
คำพูดนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้ว่าปลอบใจเธอหรือปลอบใจตนเองกันแน่
เทียบกันแล้วความว้าวุ่นใจของเจียงสื้อสื้อ ของจิ้นเฟิงเฉินเพิ่มความกลัวเข้าไปด้วย
เขาเคยเสียของรักไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เขายิ่งต้องรักษาช่วงเวลานี้ไว้
ตอนนี้เขาหาเธอพบแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นฉกเธอไปอย่างแน่นอน
ต่อให้เป็นเทพแห่งความตายก็ไม่มีวัน!
เจียงสื้อสื้อรู้สึกประทับใจมากเมื่อเขาได้ยินและความอบอุ่นก็ไหลผ่านหัวใจของเธอ
ตอนแรกเธอรู้สึกกลัวมากในใจ แต่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจิ้นเฟิงเฉินเธอก็เริ่มกลัวน้อยลง
และอ้อมกอดของเขาอบอุ่นมาก อยู่ในนั้นราวกับว่าไม่ต้องคิดถึงอะไรอีกเลย
ทำให้เธออดไม่ได้ที่ติดความรู้สึกนี้เล็กน้อย
แต่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ เจียงสื้อสื้อก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขา
เมื่อเห็นอ้อมกอดที่ว่างเปล่า แววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็เห็นกับได้รับความเจ็บปวด
แต่เขาก็ปกปิดมันไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เขามองตาเจียงสื้อสื้ออย่างจริงจัง
“เรื่องนี้ คุณอย่าเพิ่งพูดให้คนนอกรู้ ทำเหมือนตัวเองไม่รู้อะไรเลย ควรทำอะไรก็ทำไม รู้ไหม?”
เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยเข้าใจและมองเขาด้วยความสงสัย
“ทำไมคะ?”
“กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเย็นชา
ตอนนี้เขาต้องการจะจับคนที่อยู่เบื้องหลังเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้มีข่าวเรื่องนี้ได้
เพื่อไม่ให้บุคคลนั้นได้รับข่าวสารล่วงหน้าและทำสิ่งที่ไม่เอื้ออำนวย
เมื่อเห็นเขาเอาจริงแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็เข้าใจและพูดอย่างประหลาดใจ “คุณคิดว่าคนที่ทำฉีดมันเป็นคนใกล้ตัวฉันเหรอคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าแล้วพูด “มีความเป็นไปได้แต่ก็ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ให้มันมาทำร้ายคุณอีก”
เมื่อรู้ว่าเขากำลังปลอบตนเอง เจียงสื้อสื้อก็โล่งอกแต่ในขณะเดียวกันก็วุ่นวายใจ
แบบนี้มันน่ากลัวมาก เมื่อคิดว่ามีคนคิดร้ายกับเธออยู่ทุกวี่วัน เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกขนหัวลุก
เมื่อเห็นเธอเหม่อ จิ้นเฟิงเฉินก็เตือนสติ “ตระกูลฝู้ก็ห้ามบอกนะ เข้าใจไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเจียงสื้อสื้อยังมีความเชื่อใจในตระกูลฝู้ และไม่ปิดบังเรื่องต่างๆ จากพวกเขา แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะเห็น
เมื่อคำพูดจบลงเจียงสื้อสื้อไม่ได้ถามอะไร มีเพียงแค่ความรู้สึกที่หลากหลายในใจของเธอ
ในเมื่อสามารถฉีดแบคทีเข้าไปในตัวเธอได้อย่างเงียบเชียบ นั่นจะต้องเป็นคนที่เธอไว้ใจมาก
ถ้าหากเป็นคนที่อยู่ข้างเธอ งั้นทุกคนก็มีความเป็นไปได้
โชคดีที่มีจิ้นเฟิงเฉินอยู่ข้างกายเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำเช่นไร
จากนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ให้หมอเข้ามาตรวจร่างกายของเจียงสื้อสื้ออีกครั้ง
หลังจากมั่นใจว่าไข้ลดแล้ว เขาก็ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล
เมื่อออกมาจากห้องคนไข้ จิ้นเฟิงเฉินก็ถามความเห็นของเจียงสื้อสื้อ
“ช่วงนี้ไปอยู่กับผมก่อนได้ไหม? ผมรู้สึกว่าตอนนี้อยู่บ้านตระกูลฝู้ไม่ปลอดภัย”
อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อยังคงปั่นป่วนในขณะนี้ เธอพิงหน้าต่างและจ้องมองออกไปข้างนอก
เมื่อได้ยินเสียงของจิ้นเฟิงเฉินได้แต่รับคำ “ค่ะ”
เมื่อเห็นเธอรับปาก จิ้นเฟิงเฉินก็โล่งอก
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อต้องอยู่ภายใต้สายตาเขาเท่านั้น เขาถึงจะสบายใจ
หลังจากทั้งสองกลับถึงบ้าน เถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าก็ปรี่เข้ามา
เด็กน้อยทั้งสองคนจูงมือของเจียงสื้อสื้อคนละข้างแล้วพาเธอไปที่ห้องอย่างระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อรู้สึกอบอุ่นมาก
ต่อให้ในร่างกายมีเชื้อที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ตอนนี้เจียงสื้อสื้อก็ไม่กลัว
เพราะเธอเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้านั้นยุติธรรม
ตกเย็น ฝู้จิงเฟวินทำงานเสร็จก็โทรกลับไปที่บ้าน
เป็นแม่ฝู้ที่รับสาย “มีอะไรเหรอคะจิงเหวิน?”
“แม่ครับ สื้อสื้อเป็นยังไงบ้าง?” ฝู้จิงเหวินใช้มือเท้าหน้าผากแล้วถาม
สองวันนี้เพราะเรื่องของ JSกรุ๊ป ทำให้เขายุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวได้
ไม่ได้ถามไถ่ถึงเจียงสื้อสื้อ และไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง
เมื่อได้ยินแม่ฝู้ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “เธอเหรอ เมื่อวานหลังจากพาเถียนเถียนออกไปก็ยังไม่กลับ เธอไม่ได้อยู่กับลูกเหรอ?”
เมื่อพูดจบฝู้จิงเหวินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เขาทำโอทีอยู่ออฟฟิศตลอดและไม่เห็นแม้เงาของเจียงสื้อสื้อที่บริษัท
เป็นไปได้ไหมที่เธอไปหาจิ้นเฟิงเฉินอีกแล้ว?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าของฝู้จิงเหวินก็ดูน่ากลัว
เมื่อเห็นฝู้จิงเหวินเงียบไปนาน แม่ฝู้ก็ส่งเสียงให้ฝู้จิงเหวิน
“ไม่มีอะไรครับแม่ แค่นี้แหละ”
หลังจากวางสายไปฝู้จิงเหวินก็ทุบโต๊ะ
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาถามทันที “ประธานฝู้เป็นอะไรครับ? เกิดเรื่องอะไร?”