ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่743 ไปโรงพยาบาล!

บทที่743 ไปโรงพยาบาล!

บทที่743 ไปโรงพยาบาล!

เมื่อเห็นว่าเธอจะกลับ จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลงและโพล่งออกมา “เถียนเถียนยังหลับอยู่ รออีกหน่อยดีกว่า”

น้ำเสียงดูเร่งด่วนเล็กน้อย

เขาดึงเจียงสื้อสื้อไว้อย่างไม่รู้ตัว

เมื่อสิ้นเสียงลงทั้งคู่ถึงกับผงะ

เมื่อมองหน้ากันมีความคลุมเครือจาง ๆ ในอากาศ

“ผมจะบอกว่าเถียนเถียนเพิ่งจะหลับ ระหว่างทางเสียงจะดังแล้วเธอจะตื่น ถ้าอย่างนั้น คุณพาเธอไปนอนพักที่ห้องรับรองก่อน ช่วงเย็นค่อยกลับ”

จิ้นเฟิงเฉินปล่อยมือและอธิบายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ปกปิดความไม่อยากจะปล่อยไปในดวงตา

หากไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอสองแม่ลูกอีกทีเมื่อไหร่

ตอนนี้ความร่วมมือระหว่างฝู้ซื่อกรุ๊ปและ JSกรุ๊ปล้มเหลวแล้วความร่วมมือถูกตัดขาดไป ก็ยากที่จะได้เห็นเจียงสื้อสื้ออีกครั้ง

เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงสื้อสื้อก็มองลึกในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉิน

เธอลังเลริมฝีปากของเธอเปิดขึ้นเล็กน้อยแล้วเธอก็กระซิบ “อือ แบบนี้ก็ได้ หนูน้อยหลับไม่ค่อยลึก ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนเวลาคุณแล้ว”

ดวงตาที่สลัวของจิ้นเฟิงเฉินสว่างขึ้นในทันทีและเขากล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่รบกวน การที่พวกคุณอยู่เป็นสิ่งที่เกินจะร้องขอ”

เมื่อรับรู้การจ้องมองที่รุนแรงของเขาเจียงสื้อสื้อรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

ก้มตาลงกอดเถียนเถียนแล้วเดินไปที่ห้องรับรอง

ในจังหวะที่หันหลังไปจู่ ๆ ตาก็เกิดวูบและสติก็วุ่นวายเล็กน้อย

เจียงสื้อสื้อรู้สึกเพียงครึ่งตัวบนไม่มีแรงเท่าไหร่และกำลังจะล้มไปข้างหน้าขณะที่กำลังอุ้มเถียนเถียน

หัวใจจิ้นเฟิงเฉินสั่นสะท้าน เขาลุกขึ้นทันทีวิ่งไปคว้าพวกเธอไว้ด้วยมือและสายตาที่ว่องไวและถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรนะ?”

แต่เจียงสื้อสื้อไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

เมื่อหันไปมองใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ซีดเซียว

จิ้นเฟิงเฉินตกใจทันที

“สื้อสื้อ คุณเป็นอะไร?”

“สื้อสื้อ?”

เธอหลับตาแน่นราวกับว่าเธอหมดสติไปเธอไม่ตอบสนองใด ๆ และมีเหงื่อออกมากที่หน้าผากของเธอ

จิ้นเฟิงเฉินเรียกเจียงสื้อสื้อก็ไม่เป็นผล เขาหันกลับไปและร้องเรียกที่ด้านนอกประตู

“กู้เนี่ยน!”

น้ำเสียงที่ตื่นตระหนกทำให้กู้เนี่ยนตกใจและรีบวิ่งเข้ามา

เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบรับตัวเถียนเถียนจากอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน

เถียนเถียนตกใจกับภาพตรงหน้าและกอดคอของกู้เนี่ยนแน่นไม่กล้าจะส่งเสียงแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อหลับตาแน่น สีหน้าซีดขาว กู้เนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะถาม “นี่คุณหญิงเป็นอะไรครับ? น้ำตาลต่ำรึเปล่า?”

เขาถามอย่างคาดเดา

แต่จิ้นเฟิงเฉินตกใจกับสภาพของเจียงสื้อสื้อที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาในสภาพนี้แม้แต่ปลายนิ้วที่กอดเธอก็ยังสั่น

กระแสเลือดที่ไหลเวียนเย็นเยียบ

เจียงสื้อสื้อเป็นลมล้มไปอย่างกะทันหัน ทำให้จิ้นเฟิงเฉินตื่นตระหนกไปชั่วขณะ

ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาใส่ใจคำพูดของกู้เนี่ยนแล้ว ได้แต่ออกคำสั่งเสียงดัง “รีบไปเตรียมรถ ไปโรงพยาบาล!”

กู้เนี่ยนได้ยินดังนั้นจึงรีบอุ้มเถียนเถียนแล้วรีบวิ่งนำไปที่ลานจอดรถด้านล่าง

รถแล่นไปบนทางด่วน

“ขับเร็วๆ หน่อย!”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วแน่นและพูดกับกู้เนี่ยนเสียงสูงอย่างกระตือรือร้น

เขามองดูใบหน้าที่ซีดขาวของเจียงสื้อสื้อ และนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างไม่มีเหตุผล

อุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้นเล็กน้อยและหน้าแดง

ในระหว่างที่หมดสติก็สามารถดูออกถึงสีหน้าทรมาน

เธอครวญครางและคร่ำครวญเป็นครั้งคราวจิ้นเฟิงเฉินเพียงรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบอย่างรุนแรง

เหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของกู้เนี่ยนและเขาก็รู้สึกประหม่าแล้ว

คันเร่งรถถูกเหยียบจนมิดและความเร็วรถก็เพิ่มขึ้น

เดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ด้วยทักษะและความเร็วของกู้เนี่ยนทำให้ร่นเวลาไปกว่าครึ่ง

เมื่อถึงโรงพยาบาล จิ้นเฟิงเฉินก็อุ้มเจียงสื้อสื้อเข้าไปในโรงพยาบาล

เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเถียนเถียนยังอยู่ในรถ จิ้นเฟิงเฉินก็หยุดและหันไปหากู้เนี่ยน “เดี๋ยวนายพาเถียนเถียนเข้ามา”

พูดจบก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาล

ท่าทางที่รีบร้อนของจิ้นเฟิงเฉินทำให้เหล่าพยาบาลต่างตกใจ

เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อที่ดูอ่อนแอแบบนั้นก็รีบตะโกนเรียกหมอเข้ามา

ผ่านไปครู่หนึ่งหมอรีบมาถึงและสอบถาม “คนไข้เป็นอะไรครับ?”

“ไม่ทราบครับ จู่ ๆ ก็หมดสติไป รบกวนคุณช่วยรีบดูเถอะครับ”

จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างเจ็บปวด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

หมอขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ

เมื่อลูบที่หน้าผากของเจียงสื้อสื้อและฟังเสียงหัวใจเต้น

ผ่านไปครู่หนึ่งก็แสดงออกอย่างเคร่งขรึม

หมอเรียกพยาบาลมาเพื่อเจาะเลือดของเจียงสื้อสื้อไปหลอดหนึ่ง

จากนั้นก็ให้น้ำเกลือและย้ายเธอไปที่ห้องพักคนไข้

จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างๆ จ้องมองอาการของเจียงสื้อสื้ออยู่ตลอด จนหมอเสร็จธุระแล้วจึงเข้าไป

เขามองไปที่เจียงสื้อสื้อบนเตียงด้วยสายตาที่เป็นห่วงและถามอย่างกระตือรือร้น “หมอครับ เธอเป็นยังไงบ้าง? ทำไมจู่ ๆ ก็เป็นลม?”

หมอคนนั้นได้ยินแล้วก็ยืดตัวตรงแล้วหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน

และพูดด้วยน้ำเสียงกล่าวโทษ “ไม่ใช่จู่ ๆ เธอน่าจะเป็นหวัดและมีไข้มาระยะหนึ่งแล้ว นี่น่าจะเป็นลมไปเพราะไม่มีแรง ช่วงนี้คนในครอบครัวไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้างเหรอ?”

จิ้นเฟิงเฉินพูดไม่อะไรไม่ออกในทันที และดวงตาของเขาก็ปกคลุมไปด้วยความเหี้ยมโหด

เขาเป็นสามีที่ไร้ความสามารถจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อสามปีก่อนหรือสามปีให้หลัง…ก็ไม่สามารถจะปกป้องเธอให้ดีได้

เมื่อหมอเห็นการแสดงออกของเขาแบบนั้นก็ไม่สามารถทนที่จะพูดอะไรได้

สายตาของจิ้นเฟิงเฉินมองไปที่ใบหน้าซีดขาวของเจียงสื้อสื้อ ดวงตาของเขากะพริบเล็กน้อยและถามอย่างกังวล “หมอครับ เธอแค่มีไข้เป็นหวัดจริงๆ ใช่ไหมครับ?”

อันที่จริงเธอป่วยแบบกะทันหันมากจริงๆ โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

ดังนั้นเขาจึงเป็นห่วงว่าสื้อสื้อจะไม่ได้เป็นเพียงแค่หวัดง่ายดายแบบนั้น

เมื่อเห็นเขาเป็นกังวลเช่นนี้ หมอตบไหล่จิ้นเฟิงเฉินและปลอบใจ “วางใจเถอะ เป็นอาการของโรคหวัดจริง ๆ ขอเพียงอีกครู่หนึ่งไข้ลด เธอก็น่าจะฟื้น

เลือดก็นำไปตรวจแล้ว อย่างไรก็ตามน่าจะไม่มีปัญหาอะไร คุณอยู่ที่นี่ก่อน มีอะไรให้พยาบาลไปเรียกหมอก็ได้”

“ครับ รบกวนคุณหมอแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินรีบหลีกทางให้หมอ

หลังจากหมอไปได้ไม่นาน กู้เนี่ยนก็รีบอุ้มเถียนเถียนเข้ามา

หนูน้อยถูกอุ้มไปมาแบบนี้ก็นอนไม่หลับเสียแล้ว

อยู่ในอ้อมแขนของกู้เนี่ยนดวงตาที่สะลึมสะลือ

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นเจียงสื้อสื้อบนเตียงคนไข้แล้ว หนูน้อยมุ่ยปากแทบจะร้องไห้

“แด๊ดดี้ หม่ามี๊เป็นอะไรคะ? ทำไมถึงนอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?”

เธอยังคงจำครั้งสุดท้ายที่แม่ได้รับบาดเจ็บและเธอนอนอยู่บนเตียงสีขาวพร้อมให้น้ำเกลือที่มือ

เมื่อเห็นห้องคนไข้ขาวโพลนอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นตระหนกก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

มือเล็ก ๆ โบกไปมาอย่างรุนแรงในอากาศเพื่อจะให้พ้นจากอ้อมแขนของกู้เนี่ยนและร้องไห้จ้า

“หนูจะเอาหม่ามี๊ หนูจะเอาหม่ามี๊…”

จิ้นเฟิงเฉินกำลังเปลี่ยนผ้าขนหนูให้เจียงสื้อสื้อและเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รีบรับตัวหนูน้อยมาจากอ้อมแขนของกู้เนี่ยน

เช็ดน้ำตาออกจากมุมหางตาของเถียนเถียนอย่างอ่อนโยนและพูดปลอบ “เถียนเถียน ไม่ต้องกลัวนะ หม่ามี๊แค่เป็นหวัดเดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว หนูเป็นเด็กดีอย่าเสียงดังรบกวนหม่ามี๊ได้ไหมลูก?”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท