บทที่ 762 เมื่อกี้คืออวดฉันหรอ
ฟังเขาพูดแบบนี้ กู้เนี่ยนก็นับว่าเข้าใจ
คุณชายกำลังวางแผนระยะยาวเพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น
ไม่กล้าให้เสียเวลา รีบไปทำในทันที
ทางนี้ เจียงสื้อสื้อคุยกับฟางเสว่มั่นอยู่นาน เจียงสื้อสื้อถึงออกมาจากบ้านพักตระกูลจิ้นอย่างอาลัยอาวรณ์
ในตอนที่เธอกลับถึงบ้านตระกูลฝู้ ก็สองทุ่มแล้ว
ผลักประตูเข้าไป พบว่าทั้งบ้านมืดสลัว เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง “ทำไม ในบ้านไม่มีคนอยู่หรอ?”
คำพูดพึ่งจบ ก็ได้ยินเสียง “ปัง” ไฟในห้องรับแขกก็สว่างขึ้น
เห็นเพียง ฝู้จิงเหวินยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าอึมครึม
เจียงสื้อสื้อเพียงแค่เหลือบตามองไป แต่ไม่ได้สนใจการแสดงออกบนใบหน้าของฝู้จิงเหวิน
หลังจากเธอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ตั้งใจจะขึ้นข้างบน กลับถูกฝู้จิงเหวินสกัดอยู่ตรงบริเวณบันได ถามว่า “คุณไปไหนมา?”
ฟังท่าทีในคำพูดของฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันไปหาแม่ฉันมา ทำไม นี่ก็ไม่ได้หรอ?”
ดูคล้ายกับว่าตัวเองเป็นสิ่งของส่วนบุคคลของเขาอย่างนั้น ความรู้สึกแบบนี้ตามความเป็นจริงแล้วทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย
“หลายวันมานี้ก็อยู่ที่บ้านตระกูลจิ้นใช่ไหม” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเย็นๆ
ได้ยินความไม่เชื่อใจและการแสดงความเป็นเจ้าของในคำพูดของเขา เจียงสื้อสื้อก็ปวดหัวขึ้นมา “แล้วยังไงอีก? หรือว่าแม้แต่สิทธิที่ฉันจะไปไหนก็ไม่มีแล้ว?”
ได้ยินอย่างนั้น ฝู้จิงเหวินก็หัวเราะเยาะ มองไปที่มือของเจียงสื้อสื้อแวบหนึ่งและพูดว่า “ผมไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเสรีภาพของคุณ ไม่ใช่ว่าผมเคยพูดว่าต้องการให้คุณอยู่ให้ห่างจากเขาหรอ? ทำไมคุณถึงไม่ฟังหล่ะ? คนแบบเขานั้นไม่ใช่คนที่คุณจะสามารถเข้าใกล้ได้”
ตอนที่พูด ลมหายใจของฝู้จิงเหวินมีกลิ่นเหล้า ทะลักไปที่จมูกของเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ผลักเขาออกไปและพูดว่า “คุณดื่มมากไปแล้ว ฉันไม่อยากคุยกับคุณ”
จากนั้นก็จะเดินขึ้นบันไดกลับห้องทันที แต่ว่า ฝู้จิงเหวินกลับก้าวถึงประตูห้องก่อนเธอหนึ่งก้าว
ตวาดออกมาเสียงสูงอย่างควบคุมไว้ไม่ได้ “ผมไม่ได้ดื่มเยอะ! ผมแค่ทนดูท่าทีคลุมเครือของคุณกับเขาไม่ได้! ตอนนี้ผมเป็นว่าที่เจ้าบ่าวคุณ เป็นเวลานานแล้วคุณคิดยังไงกับสังคมภายนอก? คุณทำอย่างนี้กับผมไม่ได้”
ฟังคำพูดจากปากของฝู้จิงเหวิน ในใจของเจียงสื้อสื้อก็ไม่สบาย
เธอพูดกับฝู้จิงเหวินชัดเจนนานแล้ว อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ฝู้จิงเหวินเองก็ตอบรับอย่างดี ยกเลิกการหมั้น
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคิดถึงร่างกายของแม่ฝู้ เดาว่าเธอคงย้ายออกจากบ้านตระกูลฝู้ไปแล้ว
ทำไมตอนนี้ ฝู้จิงเหวินถึงดึงเรื่องงานหมั้นขึ้นมาอีก?
แต่ว่า เห็นท่าทีเมาเล็กน้อยของเขา เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีวิธีที่จะโต้เถียงกับเขา เพียงแค่มองเขาอย่างจริงจัง พูดว่า “จิงเหวิน ฉันขอบคุณคุณมากที่ดูแลฉันที่ผ่านมา แต่ว่าขอโทษ ฉันตอบรับความรู้สึกของคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษ……คุณเหมาะสมกับคนที่ดีกว่านี้ ขอว่าอย่ามาเสียเวลากับฉันต่อไปอีกเลย”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ไม่สนใจฝู้จิงเหวินที่กระหืดกระหอบอยู่ด้านหลังอีก กลับไปที่ห้องของตัวเอง
ได้ยินเสียงปิดประตูห้องของเจียงสื้อสื้อดังลอยมา สติปัญญาของฝู้จิงเหวินก็
ถอยหลังกลับไปในทันที
เขาถึงคิดได้ว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไร
และมีท่าทีตอบโต้กับความหมายในคำพูดของเจียงสื้อสื้อ
คิดไปถึงสายตาเมื่อกี้ของเจียงสื้อสื้อ ในนั้นส่วนมากมีความจำใจอยู่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจะโต้เถียงกับเขา
อาการเมาของฝู้จิงเหวินสร่างขึ้นในทันที
วันนี้ตอนที่ยังไม่เลิกงาน เขาได้รับสายของแม่ฝู้
แม่ฝู้บอกกับเขา เรื่องที่หลายวันก่อนเจียงสื้อสื้อและเถียนเถียนถูกจิ้นเฟิงเฉินมารับไป
ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้ฝู้จิงเหวินก็ไม่เห็นเจียงสื้อสื้อ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอแม่ฝู้พูดแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางทนต่อไปได้
เขาแทบอยากจะตบตัวเอง เมื่อกี้ทำไมต้องพูดแบบนั้นออกไป
ไม่ง่ายที่จะทำให้ภาพลักษณ์ในใจของเธอดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้พังทลายลงมาทั้งหมด
เช้าวันถัดมา ฝู้จิงเหวินก็รออยู่ที่หน้าประตูห้องของเจียงสื้อสื้อ รู้ว่าเธอยังน่าจะออกไปอีก
พอดีในตอนที่เจียงสื้อสื้อตื่น ได้รับสายของฟางเสว่มั่น
หลังจากที่ฟางเสว่มั่นได้เจอกับเจียงสื้อสื้อ ร่างกายก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างเร็วมาก สองสามวันนี้สามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว
“สื้อสื้อ ถ้าเกิดว่าวันนี้งานไม่ยุ่ง ก็กลับมาเดินเล่นเป็นเพื่อนแม่เถอะ”
เสียงอ่อนโยนของฟางเสว่มั่นดังทะลุผ่านโทรศัพท์มา มือของเจียงสื้อสื้อที่กำลังเก็บของก็ชะงักไป
คิด วันนี้ที่ฝู้ซื่อกรุ๊ปดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ไหนที่ต้องการตัวเธอเป็นพิเศษ จึงตอบไปด้วยเสียงอ่อนโยน “ค่ะ หนูจะกลับไป”
หลังจากวางสาย เจียงสื้อสื้อก็เปลี่ยนชุดใหม่ และก็แต่งตัวให้เถียนเถียน ตั้งใจจะออกไป
ชั่วพริบตาเดียวที่เปิดประตู ก็ปะทะกับใบหน้าของฝู้จิงเหวิน
เห็นฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อไม่อยากให้ความสนใจ อยากเดินอ้อมเขาไป
แต่ฝู้จิงเหวินก็มารับเถียนเถียนไปก่อน พูดเหมือนเอาใจว่า “คุณจะออกไปใช่ไหม ผมไปส่งคุณเอง”
“ไม่ต้อง ฉันกับเถียนเถียนเรียกรถไปเองได้”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ยื่นแขนออกมา เถียนเถียนก็โผเข้าหาตัวเจียงสื้อสื้ออย่างเชื่อฟัง
เห็นเธอปฏิเสธ ฝู้จิงเหวินก็พูดอย่างขอโทษมาก “เมื่อคืนผมดื่มเยอะเกินไป พูดคำพูดที่ไม่เหมาะสมไปมาก ขอโทษ คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง ให้ผมไปส่งพวกคุณแม่ลูกเถอะ”
ในตอนที่พูดประโยคนี้ ฝู้จิงเหวินวางท่าทีของตัวเองไว้ต่ำมาก
เจียงสื้อสื้อก็ต้องการจะไว้หน้าเขา จึงไม่ได้ปฏิเสธอีกครั้ง ก็เลยต้องตามเขาไป
ในตอนที่เดินลงข้างล่าง ฝู้จิงเหวินกระตือรือร้นอย่างมากที่จะเปิดประตูข้างคนขับแทนเจียงสื้อสื้อ แต่เจียงสื้อสื้อมุ่งตรงข้ามเขาไป เดินไปที่นั่งข้างหลัง อุ้มเถียนเถียนเข้าไปนั่ง
มองมือของตัวเองที่ทิ้งไว้กลางอากาศ ฝู้จิงเหวินก็รู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูกขึ้นมาในทันที
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ทำได้เพียงปิดประตูรถ เดินไปทางประตูข้างคนขับ
ถามตำแหน่งที่เจียงสื้อสื้อจะไป ได้ยินสถานที่ที่เธอจะไปคือบ้านพักตระกูลจิ้น
ฝู้จิงเหวินอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
แต่ว่า เพื่อไม่ทำให้เธอดูออกถึงความผิดปกติ ฝู้จิงเหวินทำได้เพียงควบคุมพฤติกรรมของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
หลังจากนั้นสิบนาที รถก็จอดนิ่งอยู่ที่บ้านพักตระกูลจิ้น
จิ้นเฟิงเฉินออกมาต้อนรับที่หน้าประตู
เถียนเถียนเห็นจิ้นเฟิงเฉิน กระโดดโลดเต้นเข้าไปอ้อมกอดของเขาอย่างเบิกบานใจ
ฟางเสว่มั่นเดินออกมาจากด้านหลังของจิ้นเฟิงเฉินพอดี มองเห็นฝู้จิงเหวิน ก็อยากจะเดินมาด้วยความรวดเร็ว เจียงสื้อสื้อเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคอง
“คุณคือคุณฝู้ใช่ไหม ฉันเคยได้ยินเจียงสื้อสื้อพูดถึงคุณ ฉันควรจะขอบคุณคุณอย่างจริงจังสักหน่อย มีโอกาสฉันจะเลี้ยงข้าวคุณแน่นอน
เพื่อแสดงคำขอบคุณของฉัน ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าคุณช่วยสื้อสื้อในตอนแรก ฉันคงสูญเสียลูกสาวคนนี้ไปแล้วจริงๆ”
น้ำเสียงของฟางเสว่มั่นอ่อนโยนมาก ฝู้จิงเหวินได้ฟังก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
เขาเกาหัวและพูดว่า “คุณ คุณน้า นี่เป็นความโชคดีของผม คุณน้าไม่ต้องเกรงใจมากขนาดนี้ครับ”
เห็นท่าทีสนิทสนมของฟางเสว่มั่นและเจียงสื้อสื้อ ในตอนแรกฝู้จิงเหวินก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าว่ายังไงดี
ถ้าเกิดว่าเรียกว่าแม่ตรงๆ เขากลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ ดังนั้นชั่วพริบตาเดียวที่อ้าปากจึงเปลี่ยนเป็นคุณน้า
แต่ว่า แบบนี้ก็ทำให้จิ้นเฟิงเฉินลำพองใจ
เป็นอย่างที่คาดไว้ ในตอนที่เขาพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินจึงเปิดปากพูด “สื้อสื้อ คุณประคองแม่เข้าไปก่อนเถอะ ข้างนอกลมแรง”
เจียงสื้อสื้อฟังออกว่าคำพูดของเขาตั้งใจจะพูดกับฝู้จิงเหวิน ก็เลยทำได้เพียงประคองฟางเสว่มั่นเข้าประตูไป
เห็นทั้งสองเดินจากไป บรรยากาศระหว่างชายทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมาในทันที
ฝู้จิงเหวินมองจิ้นเฟิวเฉินอย่างเย็นๆ พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ทำไม เมื่อกี้คืออวดฉันหรอ?”