ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 783 เกลียดเข้ากระดูกดำ

บทที่ 783 เกลียดเข้ากระดูกดำ

บทที่ 783 เกลียดเข้ากระดูกดำ

ผู้ชายน่ารังเกียจ!

ข่ายสื้อลินโมโหเสียจนกระทืบเท้าปังๆเดินจากออกไปเช่นกัน

ณ ตรอกซอยตรงประตูข้างหลังของผับ ข่ายสื้อลินหยิบมือถือขึ้นมาและโทรออก

รอจนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งรับสายเธอจึงได้เอ่ยขึ้นด้วยความเคารพว่า

“คุณเบอร์เกน ตอนนี้เวลาใกล้เข้ามาถึงแล้ว ฝู้จิงเหวินเกลียดแค้นจิ้นเฟิงเฉินเสียจนเข้ากระดูกดำ”

น้ำเสียงของเบอร์เกนถูกส่งผ่านมายังโทรศัพท์ “ผมรู้แล้ว คุณคิดจะทำอย่างไรต่อจากนี้?”

“แม้ว่าตอนนี้ฝู้จิงเหวินยังไม่ตอบรับ แต่จากที่ฉันมองดูเขาเริ่มหวั่นไหวบ้างเล็กน้อย” ข่ายสื้อลินพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

เมื่อพูดจบเบอร์เกนที่อยู่ปลายสายก็พยักหน้าแล้วเอ่ยชม “ดีมาก คุณทำได้ไม่เลวเลย ในเมื่อเขาเริ่มหวั่นไหวเราก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลว่าเขาจะไม่ยอมร่วมมือ ไม่แน่ว่าอีกสักพักผมอาจจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”

หลังจากฟังเบอร์เกนพูดขึ้น ข่ายสื้อลินก็ตกตะลึง “ท่านจะมาที่นี่ด้วยตัวเองงั้นหรือ?”

“ใช่ ฝู้จิงเหวินคนคนนี้ พวกเราน่าจะใช้เป็นประโยชน์ได้” เบอร์เกนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ

ข่ายสื้อลินคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาว่า “ดิฉันจะรอท่านอยู่ที่นี่”

“จับตามองสถานการณ์ของเจียงสื้อสื้อต่อไป ผมอยากจะรู้จริงๆว่า หนูทดลองของเราจะเป็นอย่างไรต่อ”

มือของเบอร์เกนกำโทรศัพท์เอาไว้ ความรู้สึกบนใบหน้าของเขาช่างเยือกเย็นจนน่ากลัว

แมวดำตัวหนึ่งไม่รู้ว่าวิ่งออกมาจากตรงไหน มันส่งเสียงร้องเมี๊ยวออกมาหนึ่งที จากนั้นกระโดดผ่านหน้า ของข่ายสื้อลินไป

เธอตกใจเสียจนสะดุ้งโหยงก่อนที่จะด่ามันออกมา หลังจากวางสายลงเธอก็หายไปท่ามกลางความมืดมิด

อีกด้านหนึ่ง ณ โรงกลั่นไวน์ เจียงสื้อสื้อใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะจัดการงานในมือทุกอย่างจนเสร็จสิ้น

แม้จะรู้ว่าการที่เธอลาออกโดยกะทันหันจะทำให้เกิดปัญหาระลอกใหญ่ตามมา แต่เจียงสื้อสื้อก็ไม่สนใจมันอีกต่อไป

ตอนนี้สิ่งที่เธอชื่นชอบที่สุดก็คือการเป็นตัวของตัวเอง

เมื่อเจียงสื้อสื้อไม่มีธุระต้องจัดการเธอก็ค่อนข้างว่าง และไม่จำเป็นต้องไปรายงานตัวทุกวันที่ฝู้ซื่อกรุ๊ปอีกแล้ว

คนที่ดีใจที่สุดคงเป็นใครไม่ได้นอกจากเถียนเถียน

ทั้งสามคนนั่งอยู่ท่ามกลางศาลาในคฤหาสน์ สายลมพัดมาเบาๆ

เถียนเถียนกะพริบตากลมโตอันสดใสของเธอ และยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ เจ้าหนูน้อยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “หม่ามี๊คะ ต่อจากนี้หม่ามี๊จะอยู่กับเถียนเถียนได้ทุกวันเลยใช่ไหมคะ?”

เจียงสื้อสื้อลูบศีรษะของเธอแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ ต่อจากนี้หม่ามี๊จะอยู่เป็นเพื่อนเถียนเถียนได้ตลอดไปเลย”

“โอ้โห!ดีจังเลยนะคะ!” เถียนเถียนตะโกนออกมาด้วยความดีใจ เธอวิ่งไปกอดขาของจิ้นเฟิงเฉินและบอกข่าวดีให้เขาฟังว่า “แด๊ดดี้คะ หม่ามี๊จะอยู่เป็นเพื่อนเถียนเถียนได้ทุกวันแล้วนะ”

จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอขึ้นมากอดเอาไว้ สายตาของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปสบตากับเจียงสื้อสื้อ แววตาอันลึกล้ำนั้น ทำให้คนมองรู้สึกหวั่นไหว

เจียงสื้อสื้อจึงได้ละสายตาหนี ใบหูของเธอร้อนผ่าว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยกล้าสบตากับจิ้นเฟิงเฉินเท่าไหร่นัก

ความรู้สึกของเขาช่างร้อนแรงเหลือเกิน จนทำให้เธอทำตัวไม่ถูก

จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเธอกำลังเขินอายก็ไม่อยากทำให้เธอต้องอึดอัด จึงได้ละสายตาจากเธอไปแล้วพูดว่า “เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่คุณลาออกจากงานได้สำเร็จ คืนนี้เราจะไปรับประทานอาหารนอกบ้านกันนะครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา นี่คือเหตุผลในการเลี้ยงฉลองที่แปลกประหลาดจริงๆ

เธอเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธความหวังดีของจิ้นเฟิงเฉิน จึงได้พยักหน้ายอมรับ

หลังจากนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็พาเจียงสื้อสื้อและเถียนเถียนไปรับเสี่ยวเป่าหลังเลิกเรียน

และทั้งสี่คนก็เดินทางไปยังร้านอาหารส่วนตัว

ระยะทางระหว่างไปร้านอาหารนั้น เถียนเถียนได้บอกข่าวดีให้กับพี่ชายของเธอ เสี่ยวเป่าเองก็ดีใจมาก

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นจะต้องไปโรงเรียน เจ้าหนูน้อยก็รู้สึกเสียดายเพียงแต่ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา

พวกเขาร่วมรับประทานอาหารเย็นกันในร้านอาหาร และตอนที่เดินออกมาก็พบว่าฝนเริ่มลงเม็ด

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมน เกรงว่าฝนคงจะไม่หยุดลงง่ายๆ

เขาหันมามองเจียงสื้อสื้อที่สวมชุดเดรส จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วคลุมเธอเอาไว้

เดิมทีสุขภาพร่างกายของเธอก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก หากโดนฝนอีกละก็เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อไวรัสในร่างกาย

เจียงสื้อสื้อยืนจับเสื้อคลุมที่ยังมีไออุ่นจากร่างกายของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้อยู่ที่เดิม

เธอมองดูเขาอุ้มเถียนเถียนวิ่งออกไป และวางเธอเอาไว้ในรถทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกหวั่นไหว

เสี่ยวเป่าที่อยู่ข้างๆหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ

แด๊ดดี้ของเขาดูแลคนอื่นได้เก่งจริงๆ

แม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะรู้สึกเขินอาย แต่ว่ามือทั้งสองข้างของเธอก็ยังคงกำเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้

ในใจของเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นลอยมา มันซาบซ่านรู้สึกดีไปทั้งร่างกาย

หลายวันมานี้ที่เธออยู่ในคฤหาสน์ตระกูลจิ้น จิ้นเฟิงเฉินมักจะคำนึงถึงเธออยู่ทุกวินาที

เจียงสื้อสื้อสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนของเขาที่มีมากขึ้นทุกวัน และหัวใจดวงนั้น ราวกับมีน้ำอุ่นหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ

เมื่อพบว่าเจียงสื้อสื้อยืนงงอยู่กับที่ เสี่ยวเป่าจึงได้เอ่ยแซวขึ้นมาว่า

“หม่ามี๊ ความรู้สึกบนใบหน้าของหม่ามี๊แทบจะล้นออกมาข้างนอกแล้วนะครับ พวกเรายังไม่รีบไปอีกล่ะก็ อาจจะติดฝนหนักอยู่ที่นี่ก็ได้”

เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นก็อายเสียจนหน้าแดง แล้วรีบจูงมือเสี่ยวเป่าวิ่งออกไป

เมื่อทั้งสี่คนเดินทางกลับมาถึงบ้าน จิ้นเฟิงเฉินก็ได้กำชับทุกคนให้ทยอยกันไปอาบน้ำร้อน

ในขณะที่จิ้นเฟิงเฉินกำลังเป่าผมให้กับเถียนเถียนอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของจิ้นเฟิงเฉินก็ดังขึ้น

จิ้นเฟิงเฉินจึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “สื้อสื้อ ช่วยผมดูหน่อยว่าใครโทรมา”

เจียงสื้อสื้อมองไปและพบว่าหน้าจอปรากฏขึ้นว่า “แม่” จึงได้ยื่นโทรศัพท์ให้จิ้นเฟิงเฉิน

เมื่อวิดีโอคอลนั้นถูกรับสาย แม่จิ้นก็พูดด้วยท่าทางดีอกดีใจขึ้นมาว่า

“เฟิงเฉิน เมื่อไหร่จะพาสื้อสื้อและเสี่ยวเป่ากลับมาสักที ตอนนี้หวั่นชีงก็ตั้งครรภ์แล้ว ครอบครัวของเราควรจะร่วมฉลองด้วยกันสักทีนะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อก็ตกตะลึง

จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมา เสี่ยวเป่าก็ยื่นหน้าเข้ามาแล้วพูดว่า “ผมจะได้เป็นพี่ชายอีกแล้วใช่ไหม?”

จิ้นเฟิงเหราหัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่แล้วครับ ตอนนี้เถียนเถียนก็จะได้เป็นพี่สาวแล้วด้วย”

เมื่อได้ยินว่ามีคนกล่าวถึงเธอ เถียนเถียนก็ชะโงกหน้าเข้าไป

“หนูจะได้เป็นพี่สาวแล้วเหรอคะ? เป็นพี่สาวใคร?”

คำพูดของเจ้าหนูน้อยทำให้อีกฝ่ายหนึ่งทั้งสามคนหัวเราะออกมา แม่จิ้นพูดด้วยความเอ็นดูว่า “เป็นพี่สาวของเบบี๋ในท้องของคุณอาไงคะ”

เมื่อพูดจบ ส้งหวั่นชีงก็เดินเข้ามา แม้จิ้นได้ยื่นโทรศัพท์มาข้างๆเธอ หลังจากเห็นภาพในหน้าจอที่ปรากฏขึ้น ส้งหวั่นชีงก็เอ่ยทักทายพวกเขา

เดิมทีเธอไม่อยากจะบอกเรื่องที่ตั้งครรภ์ให้กับคนในครอบครัวรู้เร็วขนาดนี้ แต่ปากของจิ้นเฟิงเหราหุบเอาไว้ไม่ได้จริงๆ

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ในวันนั้นคนทั้งจิ้นกรุ๊ปก็รับรู้ไปทั่ว

เมื่อกลับมาถึงตระกูลจิ้น พ่อจิ้นและแม่จิ้นก็ทะนุถนอมเธอราวกับทรัพย์สมบัติล้ำค่า ทำให้ส้งหวั่นชีงรู้สึกทำตัวไม่ถูก

ประกอบกับที่จิ้นเฟิงเหรารู้ว่าตนกำลังจะเป็นแด๊ดดี้แล้ว เขาก็ขยันขันแข็งขึ้นทุกวัน

ไม่ให้เธอทำอะไรสักอย่างเดียว ราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาปั้น แต่ส้งหวั่นชีงก็รู้ว่าพวกเขานั้นหวังดี เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่ง

เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา จิ้นเฟิงเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ยินดีด้วยนะ ในที่สุดคุณชายเพลย์บอยก็จะได้เป็นแด๊ดดี้แล้ว”

เพราะรู้ดีว่าเขากำลังแกล้งตน ดังนั้นจิ้นเฟิงเหราจึงได้ตอบกลับไปว่า “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมจะพยายามต่อไปเพื่อให้ตระกูลจิ้นของเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้น ในเมื่อภารกิจนี้พี่ใหญ่ทำไม่สำเร็จก็มอบให้ผมทำแทนละกัน”

แต่คำพูดของเขาก็ถูกแม่จิ้นโจมตี

แม่จิ้นดุเขาว่า “อะไรคือภารกิจที่พี่ชายของเธอทำไม่สำเร็จกัน เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนไม่ใช่หรือไง!”

จิ้นเฟิงเหราทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ เขาเพียงแค่พูดออกมาเล่นๆเท่านั้น ทำไมแม่ถึงคิดเป็นเรื่องจริงจังไปได้

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท