ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 827 พูดความจริง อย่าโกหกฉัน

บทที่ 827 พูดความจริง อย่าโกหกฉัน

บทที่ 827 พูดความจริง อย่าโกหกฉัน

เช้าวันต่อมา

เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าปวดเมื่อยไปทั่วตัว แม้แต่ปลายนิ้วยังไม่อยากขยับ

เมื่อเธอพลิกตัว ก็หันเข้าหาความอบอุ่นจากแผ่นอกของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มตื่นมาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อมองเห็นท่าทางการนอนของเจียงสื้อสื้อ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะ

“ตื่นแล้วเหรอครับ?”

“ค่ะ……”

เธอตอบรับเบาๆ ตอนนี้เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลืมตาก็ยังแทบไม่มี

เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกินยาอะไรมา ดึกดื่นเที่ยงคืนกว่าจะยอมให้เธอนอนหลับ

“บ่ายแล้วนะครับ”

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมา เนื่องจากรู้ว่าเมื่อคืนเขาทรมานเธอเสียจนไม่ได้หลับได้นอน จึงยังไม่ได้ปลุกให้เธอตื่น แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะนอนได้หลับสนิทขนาดนี้

หลังจากเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ก็ตกใจจนลุกขึ้นนั่ง ทำให้ผ้าห่มร่วงลงเผยให้เห็นร่างกายอันปราศจากเสื้อผ้าของเธอ

“ว้าย!!!”

เจียงสื้อสื้อตกใจร้องออกมาแล้วรีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่ข้างๆเธอก็คือร่างกายของจิ้นเฟิงเฉิน เธอรู้สึกว่าหนีไปไหนก็ไม่พ้น

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าเจียงสื้อสื้อซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มทั้งตัว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่เธอกลับเขินอายราวกับเด็กสาว

แม้ว่าในสายตาของเขา เจียงสื้อสื้อยังเป็นเด็กสาวตลอดกาลก็ตามและเขายินยอมจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต

“น่าอายจริงๆ……”

เจียงสื้อสื้อส่งเสียงดุออกมาราวกับนกกระจอกเทศ

จิ้นเฟิงเฉินเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มของเธอลง แล้วใช้นิ้วเขี่ยไปที่จมูกของเธอ

“ตรงไหนของคุณที่ผมไม่เคยเห็น? เรามีลูกกันตั้ง 2 คนแล้วคุณยังอายอีก”

แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เจียงสื้อสื้ออายมากขึ้น แล้วซุกหน้าลงไปในอ้อมอกเขา เธอแอบบ่นจิ้นเฟิงเฉินอยู่ในใจ ยิ่งอายุมากยิ่งทำตัวเป็นเด็กๆไปได้!

หลังจากเล่นกันอยู่สักพัก เจียงสื้อสื้อก็บอกว่าเธอหิวแล้ว

ทั้งสองคนจึงได้ลุกขึ้นจากที่นอน จิ้นเฟิงเฉินลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง

แม้ว่ารสชาติจะไม่ได้อร่อยเสียจนทำให้เธอต้องตกตะลึง แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็ยังชมเขาไม่หยุด

“อีกสักพักเดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกหน่อยนะครับ คุณรอผมอยู่ที่บ้านนะ อย่าออกไปข้างนอกเรื่อยเปื่อย ถ้าพบว่ามีคนน่าสงสัย ก็อย่าเปิดประตู ให้รีบโทรศัพท์บอกผม ถ้าติดต่อผมไม่ได้คุณบอกKingก็ได้ครับ”

จิ้นเฟิงเฉินทำการกำชับเจียงสื้อสื้อ จากนั้นจิ้มลงไปตรงแก้มของเธอ ต่อด้วยก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือ

เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น เธอรีบกินข้าวที่อยู่ในปากแล้วถามว่า “คุณจะไปไหนเหรอคะ?”

ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกของเธอบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไปในที่ไม่ธรรมดา

“ไป……”

“อย่าโกหกฉันนะบอกมาตามตรง”

เมื่อได้ยินคำพูดเปิดประโยคของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็จ้องไปยังเขาอย่างรู้ทัน เธอจึงได้พูดดักเอาไว้

จิ้นเฟิงเฉินกระอึกกระอัก เขาบีบแก้มของเธอเบาๆแล้วพูดว่า “ผมจะไปหาฝู้จิงเหวิน เพื่อเอาเอกสารของคุณคืนมา”

เจียงสื้อสื้อได้ยินชื่อคำว่าฝู้จิงเหวิน ก็ตัวสั่นเล็กน้อยก้มหน้าลง สีหน้าของเธอดูมืดมน

“คุณไม่ต้องกังวลนะครับผมไม่เป็นอะไรหรอก”

เห็นว่าเจียงสื้อสื้อไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน ก็รู้ทันทีว่าเธอกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา

เนื่องจากฝู้จิงเหวินหากว่าถูกกระตุ้นเสียจนเป็นบ้าขึ้นมาละก็ เขาอาจจะทำเรื่องอะไรที่ไม่มีใครคิดถึงได้

เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลงคล้ายกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งสายตามองไปยังจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดอย่างมั่นใจแน่วแน่ว่า “ฉันจะไปด้วยค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย เขาไม่อยากตกลงสักเท่าไหร่

เรื่องนี้แม้ว่าเขาจะพูดให้ดูเหมือนเรียบง่าย แต่ก็ยังมีอันตรายอยู่เยอะทีเดียว

แต่ว่าเมื่อเห็นสายตาของเจียงสื้อสื้อแล้วหากเขาปฏิเสธก็คงจะพูดยาก

เขารู้จักนิสัยของเจียงสื้อสื้อดี หากเป็นเรื่องทั่วไปเธอจะไม่พูดอย่างนี้แน่ นอกเสียจากว่าได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

“คุณห้ามปฏิเสธนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแอบไป” เจียงสื้อสื้อมองดูจิ้นเฟิงเฉินที่ทำท่าทางลังเล เธอรู้ว่าในใจเขาคงไม่อยากตกลง

แต่ในครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้จิ้นเฟิงเฉินไปคนเดียวแน่ๆ เขามักจะนำแรงกดดันทุกอย่างแบกรับไว้คนเดียว

ที่จริงเธอเองก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาภาระบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเธอ เธอจึงอยากจะไปกับเขา

“ครับ”

เพราะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่อาจชนะเจียงสื้อสื้อได้ ตามปกติแล้วเจียงสื้อสื้อมองดูว่านอนสอนง่าย แต่ถ้าเธอตัดสินใจจะทำเรื่องอะไรขึ้นแล้วละก็ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถขัดขืนได้

เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เจียงสื้อสื้อจะได้ไม่มองว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงที่เขาเลี้ยงเอาไว้ในบ้านเฉยๆ ให้เธอมาเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเอง

เห็นว่าเขาตอบรับแล้วเจียงสื้อสื้อก็ยิ้มด้วยความดีใจ จากนั้นรีบกินข้าวต่อและกินในปริมาณไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้วจิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่นัก เขาได้กำชับเธออยู่หลายเรื่องกว่าจะได้ออกจากบ้านกัน เขาตรวจสอบกระทั่งรองเท้าว่าจะทำให้บาดเจ็บหรือไม่ พูดได้ว่าเกือบให้เธอนำเสื้อเกราะกันกระสุนมาใส่แล้ว

เจียงสื้อสื้อรู้สึกสงสัยว่า หากว่าเธอไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธพกพาอาวุธเหล่านั้น คาดว่าเขาคงจะให้เธอใส่เสื้อกันระเบิดด้วย

เมื่อเดินมาถึงโรงจอดรถ เจียงสื้อสื้อก็เดินขึ้นไปนั่งบนรถที่ขับเป็นประจำด้วยความเคยชิน แต่กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินคว้าออกมาและกำชับให้คนขับรถคนอื่นนั่ง อีกทั้งให้คนขับรถขับออกไปทิศทางตรงข้ามกับพวกเขา

ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว คนของเบอร์เกนอาจจะค้นหาเธอจนเจอแล้วก็ได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ส่วนเขาและเจียงสื้อสื้อขับรถที่ค่อนข้างมองไปไม่สะดุดตาอีกคันหนึ่ง ค่อยๆออกจากโรงรถและหายไปจากสายตา

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้จอดรถตรงบริเวณใกล้กลับคฤหาสน์ของฝู้จิงเหวิน แต่จอดไว้บริเวณไกลทีเดียว

เขาจูงมือเจียงสื้อสื้อลงจากรถ และนำมือเธอกุมไว้ในมือตัวเองอย่างระมัดระวัง

ทั้งสองคนแต่งตัวเรียบง่ายจึงไม่เป็นที่สังเกต

จิ้นเฟิงเฉินได้ตรวจสอบเส้นทางมาก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนจึงเข้าใกล้บ้านของฝู้จิงเหวินได้อย่างง่ายดาย จิ้นเฟิงเฉินนำเจียงสื้อสื้อไปซ่อนไว้ในที่ที่ลับตาคน ใช้แววตาอันแหลมคมมองไปรอบๆ

ไม่รู้ว่าฝู้จิงเหวินรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เขาไม่มีแม้แต่ยางที่หน้าประตู?

“เข้ามาเถอะ ผมรู้ว่าพวกคุณจะมา”

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท