บทที่ 826 หวานจัง
แม้ว่าเขาจะเดาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินชื่อของเบอร์เกน จิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“นิสัยมันนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”
เขาพูดออกมาเพียงประโยคเดียว คิ้วอันดกดำเข้ารูปของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เบอร์เกน! คนคนนี้เหมือนกับงูพิษที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในมุมมืด จะต้องคอยระมัดระวังอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เขาเข้ามากัด
เมื่อKingมองเห็นท่าทางของจิ้นเฟิงเฉินเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันเช่นกัน
เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ของเบอร์เกนทำให้ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหวนัก หากว่าตอนนี้อยู่ในประเทศจีนละก็ คงไม่กังวลว่าเบอร์เกนจะมาวุ่นวาย
แต่ตอนนี้สถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญก็คือ ในมือของพวกเขาไม่มีเอกสารต่างๆของเจียงสื้อสื้อ
และหากว่าไม่มีเอกสาร ก็ไม่สามารถเดินทางออกจากที่นี่ได้ง่ายๆ
“ฝู้จิงเหวิน!” จิ้นเฟิงเฉินกัดฟันกรอดๆแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม
หากไม่ใช่เพราะฝู้จิงเหวินเอาเอกสารของเจียงสื้อสื้อไปจนหมด พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังขนาดนี้
พวกมันช่างทำเกินไปจริงๆ ถึงขั้นจัดการกับคนที่นำรถไปทำร้ายเจียงสื้อสื้อ และยังเอาเอกสารของเจียงสื้อสื้อไป ทำให้พวกเขาต้องพบกับความยากลำบาก
“ต่อจากนี้จับตาดูคนจากฝั่งนั้นเอาไว้ และคิดหาวิธีเอาของกลับมาให้เร็วที่สุด การออกจากที่แห่งนี้จึงจะปลอดภัย”
จิ้นเฟิงเฉินเอามือขึ้นกุมขมับแล้วกำชับ
ก่อนหน้าที่จะออกไปจากที่นี่ เขาทำได้เพียงค่อยๆก้าวไป
“ครับ” Kingตอบรับเสียงเบา เมื่อพบว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่มีอะไรจะกำชับตนแล้วจึงได้เดินจากไป
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินกลับมาในห้องนอนก็พบว่า เจียงสื้อสื้อยังคงกำลังอาบน้ำอยู่ จึงได้เดินไปหยุดอยู่ตรงข้างหน้าต่าง
หลังจากนั้นประมาณ 2 นาที เจียงสื้อสื้อก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ไออุ่นแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ แก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อ ชุดนอนยาวพลิ้วไสวเผยให้เห็นขาวอันขาวผ่อง
ผมของเธอยังคงเปียกชุ่ม น้ำหยดลงมาติ๋งๆทำให้พื้นเปียกเป็นหยดๆ
“เฟิงเฉิน” เจียงสื้อสื้อมองไปทางรูปร่างกำยำที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
จิ้นเฟิงเฉินหันหลังกลับไป และพบกับหญิงสาวที่อ่อนโยนยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ความกังวลใจเมื่อสักครู่ลอยหายไปดั่งเมฆหมอก
เขาก้าวขาเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อ และหยิบผ้าขนหนูในมือของเธอมาเช็ดผมให้เธอ
“ทีหลังคุณเช็ดผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยออกมานะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะป่วยได้“ จิ้นเฟิงเฉินเช็ดผมให้เธอและไม่ลืมที่จะกำชับ
เธอชอบออกมาพร้อมกับผมที่เปียกปอน ถ้าหากว่าป่วยขึ้นมาคงไม่ดี
เจียงสื้อสื้อยืนอยู่กับที่อย่างว่าง่าย เมื่อได้ยินคำกำชับของจิ้นเฟิงเฉินเธอก็อยากจะหัวเราะออกมา
หลังจากที่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกัน จิ้นเฟิงเฉินก็เป็นห่วงกังวลเธอเสียทุกเรื่อง ประธานจิ้นที่คนภายนอกลือกันนั้น แตกต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง
“เอาล่ะครับเสร็จแล้ว นั่งลงสิผมจะเป่าผมให้” จิ้นเฟิงเฉินมองดูแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเจียงสื้อสื้อ น้ำเสียงของเขายิ่งอ่อนโยนลง
เขาจูงมือเจียงสื้อสื้อมานั่งลงตรงขอบเตียง หลังจากนั้นก็เสียบปลั๊กเครื่องเป่าผม
หลังจากที่กดสวิตช์ นิ้วมืออันเรียวงามสัมผัสเข้ากับผมของเธอ สายตาของเขาช่างตั้งใจราวกับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
หลังจากที่ผมถูกเป่าจนแห้ง กลิ่นของน้ำยาสระผมก็หอมยิ่งกว่าเดิม
เมื่อผสมผสานไปกับกลิ่นอายของเจียงสื้อสื้อเอง และจิ้นเฟิงเฉินได้ทำการสูดดมเข้าไป จึงทำให้ความรู้สึกของเขาพลุ่งพล่าน
“เสร็จหรือยังคะ?” เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่ชะงักลง เจียงสื้อสื้อจึงได้ถามออกมาเบาๆ
น้ำเสียงของเธอพูดอย่างอ่อนโยนเพิ่มความหวานเข้าไปอีก
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมา เสียงต่ำของเขานั้นเหมือนกับแม่เหล็ก ทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็หวั่นไหวเช่นกัน
จิ้นเฟิงเฉินวางไดร์เป่าผมในมือลงแล้วนั่งลงข้างๆเธอ จ้องเข้าไปยังสายตาอันมีน้ำมีนวล
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะเอนศีรษะและกะพริบตาถามเขาว่า
“เป็นอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ” จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะและส่ายหน้า
เขาจะไม่ยอมให้เจียงสื้อสื้อกังวลกับเรื่องราวเหล่านั้นเด็ดขาด เรื่องพวกนี้เขารับรู้คนเดียวก็พอแล้ว เขาหวังว่าหญิงสาวคนที่อยู่ข้างกายจะไร้ความทุกข์โศกไปตลอดชีวิต
แต่ว่านิสัยที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนของเจียงสื้อสื้อ เธอสัมผัสได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้อารมณ์ไม่ดีนัก จึงได้ฉีกยิ้มขึ้นให้หวานกว่าเดิม
เธอไม่รู้ว่าเธอจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง บางทีเธออาจจะทำให้เขาวุ่นวายกว่าเดิมก็ได้
สิ่งที่เธอทำได้นั่นก็คือ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินไม่มากังวลเรื่องของเธอ และไปจัดการกับเรื่องราวปวดหัวต่างๆอย่างสบายใจ
เมื่อเห็นเจียงสื้อสื้อที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ อารมณ์หงุดหงิดในตาของจิ้นเฟิงเฉินก็จางหายไป มือใหญ่ของเขาโอบลงที่บ่าของเธอ ก้มหน้าลงแล้วจูบเธอเข้าทันที
เจียงสื้อสื้อตกตะลึงมากแต่ร่างกายของเธอกลับค่อยๆอ่อนระทวยลง มือทั้งสองกอดไปที่คอของจิ้นเฟิงเฉินโดยอัตโนมัติ เธอแทบจะละลายในอ้อมแขนของเขา
ผ่านไปเนิ่นนานเลยทีเดียว ในขณะที่เจียงสื้อสื้อเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ปล่อยเธอออก
แก้มทั้งสองข้างของเจียงสื้อสื้อแดงเรื่อ หูของเธอก็เช่นกัน อาการอันอ่อนช้อยเช่นนั้น ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่อยากจะกัดเข้าสักที
จิ้นเฟิงเฉินคิดดังนั้นและเขาก็ทำจริงๆ
หลังจากนั้นเขาก็โอบเอาหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด ก้มหน้าลงเล็กน้อยและกัดเข้าตรงหูของเธอเบาๆจนกลายเป็นรอยฟัน
เจียงสื้อสื้อตกใจ และผละออกจากอ้อมอกของจิ้นเฟิงเฉิน
แต่กลับถูกเขาดึงกลับไปใหม่
“หวานจังครับ”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็อายเสียจนซุกหน้าเข้าไปในอกของเขาไม่กล้าเงยขึ้น
ปลายนิ้วของจิ้นเฟิงเฉินสัมผัสตรงบริเวณรอยฟันและทำท่าทางเหม่อลอย
จิ้นเฟิงเฉินนำมือข้างหนึ่งวางไว้ตรงกลางหลังของเธอ น้ำเสียงของเขาดังขึ้นตรงหูของเธอว่า “ผมยังไม่สามารถพาคุณออกจากที่นี่ได้”
ถ้าหากว่ามีแค่เขาเพียงคนเดียว เขาคงไม่กลัวคนพวกนั้นเข้ามาหาเรื่อง หรืออาจจะรู้สึกสนุกไปด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขาไม่วางใจก็คือตอนนี้จะต้องพาเจียงสื้อสื้อไปด้วย
ใครก็ตามที่มีจุดอ่อนก็มักจะทำให้ครุ่นคิดพิจารณาถึงผลการกระทำอย่างละเอียดเสมอ
เจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงของจิ้นเฟิงเฉินที่ดูต่ำทุ่มลงเช่นนั้น เธอก็ชะงักลงเช่นกันราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงได้พลิกมือกลับไปกอดเขา “พูดว่า ไม่เป็นไรเลยค่ะ เพียงแค่คุณอยู่ด้วยฉันไปที่ไหนก็ได้”
เมื่อได้ยินประโยคอันอ่อนโยนของเจียงสื้อสื้อเมื่อสักครู่ อีกทั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ จิ้นเฟิงเฉินจึงได้กดเธอลงบนเตียง
ร่างอันกำยำของเขาทับลงมา เจียงสื้อสื้อมองเข้าไปในดวงตาอันลึกล้ำของจิ้นเฟิงเฉิน ความรู้สึกบอกกับเธอว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ทำให้หน้าของเธอแดงขึ้นกว่าเดิม แล้วซุกตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม แต่กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินดึงออกมา
“สื้อสื้อ” น้ำเสียงแหบแห้งกระเส่าของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้นข้างหูเจียงสื้อสื้อ
เสื้อผ้าค่อยๆหล่นลงบนพื้นทีละชิ้น แสงจันทร์จากนอกหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาตามช่องว่าง ราวกับกำลังแอบดูความลับที่อยู่ด้านใน