บทที่ 833 มาดูเรื่องตลก
“ที่เขามาวันนี้………”
“มาดูเรื่องตลก” จิ้นเฟิงเฉินดูเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เนี่ยนก็เข้าใจทันที
เห็นได้ชัดว่าเบอร์เกนคนนี้ยกก้อนหินทุบขาตัวเองชัดๆ
กู้เนี่ยนดึงสติกลับมา แล้วถาม “คุณชาย ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไร”
เบอร์เกนหยิ่งผยองเช่นนี้ กดขี่มาถึงบนหัวแล้ว ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้
สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินไม่เปลี่ยน กล่าวอย่างเรียบๆ “ ยังไม่ต้องรีบลงมือก่อน ”
กู้เนี่ยนติดตามอยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเฉินมาหลายปี แต่ก็ยังตามความคิดของเขาไม่ค่อยจะทัน
ตามความคิดของกู้เนี่ยน หน้าแบบนี้ก็ควรจะตบกลับไปในตอนนั้น ให้เบอร์เกนได้สัมผัสกับความรู้สึกหัวแหวกหน้าแหวกสักครั้ง
อย่างกับรู้ความคิดของกู้เนี่ยน จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “บริษัทสูญเสียมากมายเช่นนี้ ย่อมต้องเอาคืนอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หากเราลงมือตอนนี้ เบอร์เกนจะต้องถือโอกาสเล่นเกมอีกครั้ง สถานการณ์บริษัทจะแย่ลงไปอีก ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือรักษาเสถียรภาพสถานการณ์บริษัท อย่างอื่นระงับไว้ก่อนชั่วคราว”
“ครับ”กู้เนี่ยนพยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกไป
เมื่อกู้เนี่ยนเดินไปถึงประตูห้องทำงาน จิ้นเฟิงเฉินเรียกเขาไว้ “แจ้งผู้บริหารระดับสูง อีกห้านาที ประชุมที่ห้องประชุม”
หลังกู้เนี่ยนรับคำ ก็รีบออกไปแจ้งเพื่อทราบทันที
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ใบหน้าที่สมบูรณ์ราวกับใช้มีดแกะสลักขึ้นมา ช่างเยือกเย็น และในแววตามีแสงเฉียดคมวาดผ่าน
เบอร์เกนชอบเล่นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้น เขาก็ควรหาเวลาเล่นกับเบอร์เกนบ้าง
……
เบอร์เกนขึ้นลิฟต์ลงมาชั้นล่าง ตลอดทาง ใบหน้ามืดมนราวกับท้องฟ้าที่พายุฝนจะกระหน่ำลงมาเช่นนั้น
ผู้ช่วยวิ่งเหยาะๆตามหลังเขา
หลังจากออกจากประตูบริษัทแล้ว รถหรูคันใหญ่ก็จอดรออยู่ตรงข้างทางแล้ว
เมื่อคนขับรถเห็นเบอร์เกนออกมา รีบลงจากรถ ยกมือขึ้นอย่างเคารพยำเกรง จะเปิดประตูรถให้เบอร์เกน
ใครจะรู้ว่า กลับถูกผลักอย่างแรงกระเด็นไปอีกด้านหนึ่ง
เบอร์เกนใช้แรงดึงประตูรถออกเอง ก้มตัวนั่งเข้าไปในรถ
จากนั้น เสียง “ปัง ” กระแทกประตูรถอย่างอารมณ์เสีย
คนขับรถชำเลืองมองผู้ช่วยอย่างไร้เดียงสา
ผู้ช่วยส่งสายตาให้เขา บอกให้เขาไม่ต้องสนใจ
ตอนนี้เบอร์เกนกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ใครกล้าไปกระตุกหนวดเสือในเวลานี้ ก็ได้ตายอย่างน่าอนาถอย่างแน่นอน
คนขับรถเงียบดังไก่ อ้อมไปทางท้ายรถแล้วเข้าไปนั่งในที่คนขับ
ผู้ช่วยนั่งข้างคนขับ และเอียงหัวแอบมองไปที่เบอร์เกนอย่างเงียบๆ
เห็นเพียง รูปร่างสูงใหญ่ของเบอร์เกนนั่งยุบลงไปที่เบาะหนังแท้ ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีแสดงอาการใดๆ ในตาเต็มไปด้วยกลิ่นพายุฝนกระหน่ำ
เจ้านายของบ้านเพิ่งจะสูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่ง อารมณ์ย่อมไม่ดีอยู่แล้ว
แต่ผู้ช่วยก็เข้าใจดีว่า สาเหตุแท้จริงที่ทำให้เบอร์เกนโกรธนั้น เขาตั้งใจจะไปดูเรื่องตลกของจิ้นเฟิงเฉิน สุดท้ายกลับถูกจิ้นเฟิงเฉินเห็นเป็นตัวตลก
เรื่องนี้จะทนได้อย่างไร
นึกถึงจิ้งเฟิงเฉินที่บอกเขาว่าจะแจ้งตำรวจด้วยสีหน้าเรียบๆ เบอร์เกนก็ทุบกำปั้นไปที่ประตูรถแรงๆ
เสียงอู้อี้ทำให้ ทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างหน้าตกใจ
ผู้ช่วยมองมา แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “ คุณผู้ชาย มือของท่าน ”
ข้อนิ้วเบอร์เกนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาชักมือกลับด้วยสีหน้าไม่แสดงอาการใดๆ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้ช่วยก็ปิดปากทันที
เบอร์เกนนั่งมองไปนอกหน้าต่างรถ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
เขาถูกจิ้นเฟิงเฉินข่มขู่อยู่หรือ
อารมณ์ขุ่นมัวปรากฏขึ้นในตาของเขา ตอนนี้เขาอยากจะทำให้จิ้นซื่อกรุ๊ปพังทลายลงไปทันที ดูซิว่าจิ้นเฟิงเฉินยังจะสามารถหยิ่งยโสได้หรือไม่
แต่ว่า ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ว่า จิ้นเฟิงเฉินระมัดระวังตัวอย่างมาก และเด็ดขาดด้วย
มิเช่นนั้น จิ้นซื่อกรุ๊ปก็คงจะไม่ขยายตัวเร็วขนาดนี้
คราวนี้ลงมือกับบริษัทของเขาต่อหน้าต่อตาเขา ยิ่งทำให้เขาตื่นตัวมากขึ้น คิดจะลงมืออีกนั้น เป็นเรื่องยากเหมือนกับขึ้นสวรรค์
ไม่เพียงแต่ลงมือกับเขายากขึ้น ยังต้องป้องกันเขาเปิดเผยอะไรให้ตำรวจด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าที่เย็นชาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
เมื่อรถเคลื่อนตัวไปได้สักระยะ ผู้ช่วยที่กำลังคิดเรื่องที่เกิดที่ตระกูลซื่อ แล้วกลั้นใจถามออกไปว่า “คุณผู้ชาย แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อไป”
จิ้นเฟิงเฉินนั้นยากจะคาดเดาได้ ผู้ช่วยมีความรู้สึกรำไรว่า เจ้านายบ้านตัวเองจะเทียบไม่ได้
แต่ว่า เรื่องแบบนี้ เขาจะไม่พูดต่อหน้าเบอร์เกนอย่างแน่นอน
ถ้าพูดขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่ว่าเบอร์เกนอาจจะโยนเขาลงจากรถ
“อะไรจะทำอย่างไร แกคิดว่าฉันจะกลัวจิ้นเฟิงเฉินหรือ”
เบอร์เกนสีหน้าไม่สบอารมณ์
ผู้ช่วยเช็ดเหงื่อแล้วกล่าวว่า “ผมหมายถึง จิ้นเฟิงเฉินรู้เรื่องสถาบันวิจัยของเราแล้ว เราควรจะย้ายไปทันทีหรือไม่ ”
ในสถาบันวิจัยส่วนตัวของเบอร์เกน สิ่งที่วิจัยออกมา ไม่ว่าจะไปวางไว้ประเทศไหน ก็เพียงพอที่จะจับไปยิงเป้าได้เลย
เมื่อใดที่จิ้นเฟิงเฉินรั่วไหลออกไป ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ
ได้ยินเช่นนั้น เบอร์เกนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ เชี่ยเอ้ย แกคิดว่าเขารู้ทุกอย่างหรือ”
ผู้ช่วยเหงื่อซึมเล็กน้อย เบอร์เกนที่ประกาศตัวว่าเป็นคนชั้นสูงมาโดยตลอด ไม่เคยแสดงด้านหยาบคายเช่นนี้มาก่อน ดูแล้วน่าจะโกรธจนสับสนแล้ว
แต่ ประโยคนี้ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ช่วยจึงทำได้เพียงถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “งั้น……….ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ย้ายหนี”
“ย้ายอะไรย้าย ” เบอร์เกนกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “แกคิดจริงๆหรือว่าเขามีรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งของเรา ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ช่วยก็รู้สึกสับสนมาก
หรือว่าจะไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ ทำไมเบอร์เกนถึงถูกเขาข่มขู่ได้
“เขาโกงเราหรือ ”จู่ๆผู้ช่วยก็พูดขึ้นพร้อมกับแสงวาบเข้ามาในความคิดของเขา
เบอร์เกนจ้องมองและหัวเราะเยาะ“อย่างน้อย เขาก็ไม่รู้ว่าสถาบันวิจัยอยู่ที่ไหน”
ถึงแม้จิ้นเฟิงเฉินจะรู้ว่าพวกเขามีสถาบันวิจัย แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดตำแหน่งที่ตั้ง
หากจิ้งเฟิงเฉินแจ้งตำรวจจริงๆ เขาก็ยังสามารถย้อนกลับมาฟ้องจิ้นเฟิงเฉินข้อหากล่าวเท็จได้
“เขาก็แค่จะเอาเรื่องนี้มาคุกคามแค่นั้นเอง คราวนี้จิ้นซื่อกรุ๊ปเสียหายหนักมาก จิ้นเฟิงเฉินไม่มีที่ระบาย แกไม่เห็น หน้าอย่างเขาภายนอกแข็งกร้าวแต่ภายในขี้ขลาดหรือ ”
เบอร์เกนเข้าใจดีว่าวันนี้ตัวเองสู้จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ เสียเปรียบเขา แต่ว่า ต่อหน้าผู้ช่วยของตัวเอง เขาจะยอมรับได้อย่างไร
ผู้ช่วยจำได้ว่า จิ้นเฟิงเฉินเหมือนจะพูดแค่สองสามคำก็ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้านายพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเพื่อรนหาที่ตาย ทำได้เพียงพยักหน้า
เบอร์เกนสองขาไขว้กัน แล้วกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น หากเขารู้ตำแหน่งเฉพาะเจาะจงว่าอยู่ไหน ทำไมถึงทนไว้ไม่ลงมือ ต้องรู้นะว่า เชื้อไวรัสในร่างกายของภรรยาเขายังไม่ได้แก้ไข”
การวิเคราะห์นี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล ตอนนี้ผู้ช่วยก็เห็นด้วยเล็กน้อย รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
หากจิ้นเฟิงเฉินหาตำแหน่งสถาบันวิจัยของพวกเขาเจอจริง สิ่งแรกที่ทำต้องไม่ใช่การไปหาตำรวจอย่างแน่นอน แต่ตัวเองต้องลงมือก่อน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จิ้นเฟิงเฉินทำในตอนนี้ทั้งหมด ล้วนเพื่อแสวงหาวิธีการรักษาเชื้อไวรัสให้กับภรรยาของเขา
“คุณผู้ชาย ท่านพูดถูก” ผู้ช่วยประจบสอพลอ
เบอร์เกนเหลือบมองเขาแล้วกล่าวเรียบๆ “ถึงจะเป็นเช่นนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยของสถาบันวิจัยก็ต้องเข้มแข็งขึ้น เมื่อพบปัญหา เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายตลอดเวลา”
ผู้ช่วยรับคำครับ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นเริ่มติดต่อคนขึ้นมา
ส่วนเบอร์เกนพิงพนักเก้าอี้ นวดและจับหว่างคิ้วด้วยมือเดียว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ทำให้คนมองไม่เห็นอารมณ์