บทที่ 836 แด๊ดดี้เป็นคนเลว
สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินไม่เปลี่ยน กล่าวอย่างเรียบๆ “คนที่กล้าขึ้นไปจับคนบนเครื่องบิน แกคิดว่าพวกเขาจะดีขนาดไหน รีบไปตรวจสอบ ถือว่าเป็นการช่วยงานคุณตำรวจโดยไม่มีค่าตอบแทน ”
“ครับ ” กู้เนี่ยนรับคำ
คนที่เคยมีเรื่องกับคุณชายบ้านเขาในอิตาลี นอกจากเบอร์เกนก็ไม่มีใครอีกแล้ว
ถึงแม้ฝู้จิงเหวินจะอยู่ที่อิตาลีด้วย แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้มันน้อยมาก
และคนที่ทำงานให้กับเบอร์เกนนั้น ต่างมีมลทินมากบ้างน้อยบ้าง
แค่ตรวจสอบ ก็สามารถตรวจเจอเรื่องราวมากมายออกมาได้แล้ว
ถึงแม้จะไม่ถูกยิงเป้าประหารชีวิต ก็ต้องรอติดคุกไปตลอดชีวิต
เจียงสื้อสื้อนั่งรออยู่ในรถอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินเดินออกมา ก็เปิดประตูรถลงมาทันที แล้วเดินเข้าไปรับเขา
“ทำไมถึงนานอย่างนี้ ”
เห็นสีหน้าเธอเป็นกังวล จิ้นเฟิงเฉินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ต้องตามขั้นตอน ทำให้เสียเวลาไปหน่อย จนทำให้คุณรอนานเลย ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหัว “คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ”
จิ้นเฟิงเฉินจูงมือเธอ แล้วพาเธอเข้าไปนั่งแถวหลัง โดยลูบหลังเธอเบาๆ
“ กังวลใช่ไหม หืม ”
วันนี้เจียงสื้อสื้อตกใจมาก สีหน้าซีดเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกสงสารเธอมาก ยิ่งทำให้เกลียดคนพวกนั้น นิ้วมือเรียวยาวลูบไล้แก้มเธอเบาๆ ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ทำไมสีหน้าซีดขนาดนี้ ”
เจียงสื้อสื้อถูแก้มไปมา แล้วผิวหนังที่ถูกเธอนวดและถู กลับมามีสีเลือดบ้างเล็กน้อย
เธอฝืนยิ้มแล้วกล่าว “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณลงไม้ลงมือกับคนแบบนี้”
มันน่ากลัวมาก แต่น่าเป็นห่วงมากกว่า
จิ้นเฟิงเฉินโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วกล่าวปลอบใจว่า “ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว ”
เจียงสื้อสื้อไม่พูดอะไร ทั้งสองโอบกอดกันอย่างเงียบๆ
ผ่านไปได้สักพัก เจียงสื้อสื้อถึงเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอเบ้า กล่าวอย่างกังวลว่า “คุณเจอเรื่องแบบนี้บ่อยไหม”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็จะมีกลุ่มคนจำนวนมากโผล่มา จู่โจมอย่างกะทันหัน
หากวันหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามเจ้าเล่ห์เกินไป จิ้นเฟิงเฉินไม่ทันระวังแล้วเสียรู้ ควรจะทำอย่างไร
เธอไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ เพียงแค่รู้สึกว่าบีบหัวใจเธอเหลือเกิน
จิ้นเฟิงเฉินจับและลูบหัวเธอเบาๆ “ไม่มาก มีแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจเจียงสื้อสื้อรู้สึกกลัวแล้วถามต่อว่า “ คนเหล่านั้นเป็นใครกัน คือศัตรูที่ต่อต้านคุณในเมื่อเร็วๆนี้หรือไม่”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินกล่าวเรียบๆ
เจียงสื้อสื้อลุกออกจากอ้อมกอดเขา แล้วกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “แล้วจะทำอย่างไร หากทำไม่สำเร็จในครั้งแรก พวกเขาจะมาครั้งที่สองไหม ”
เธอกังวลจริงๆ มีเส้นผมติดอยู่บนริมฝีปากโดยบังเอิญ แต่เธอไม่สังเกตเห็น
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ เสียงหัวเราะเบาๆน่าฟัง
เขายื่นมือไปเขี่ยเส้นผมออกให้เจียงสื้อสื้อ เกี่ยวท้ายทอยเธอไว้ด้วยมือเดียว แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
“เขาอยากมาก็มา คุณก็เห็น พวกเขาไม่สามารถชนะผมได้อยู่แล้ว ”
ใบหน้าเจียงสื้อสื้อแนบตรงหน้าอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา ความไม่สบายใจ ก็ค่อยๆสงบลง
ในที่ที่เธอมองไม่เห็น รอยยิ้มบนใบหน้าจิ้นเฟิงเฉินลบไปทีละน้อย ดวงตามืดมิดราวค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
รถได้ถึงบ้านตระกูลจิ้นแล้ว
แต่เจียงสื้อสื้อกลับหลับอยู่ในอ้อมกอดจิ้นเฟิงเฉิน เขาให้คนขับรถลงจากรถ ไม่ต้องเสียงดัง แล้วรอเธอตื่นอย่างเงียบๆ
ผ่านไปประมาณสิบนาที เจียงสื้อสื้อลืมตาขึ้น ด้วยอาการงุนงง
เธออยู่ในรถไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ไป
มีเสียงลอยมาจากบนหัว “ตื่นแล้วหรือ เราลงรถกันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อมองไปนอกหน้าต่าง ถึงเห็นว่าได้ถึงบ้านแล้ว ถามอย่างงุนงงว่า “ทำไมไม่ปลุกฉัน
ในตาเธอมีชั้นไอน้ำ หมอกหนาๆ ดูแล้วช่างเรียบร้อยประพฤติดี
จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ ที่จะยื่นมือไปจับที่หางตาเธอ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นคุณนอนดีขนาดนั้น อดไม่ได้ที่จะปลุกคุณ”
เจียงสื้อสื้อหน้าแดง รีบลูบไปที่มุมปากทันที กลัวว่าตอนหลับจะน้ำลายไหลอะไรประมาณนั้น
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
เจียงสื้อสื้อมองค้อน แล้วเปิดประตูลงไป ก้าวเท้าใหญ่เดินไปข้างหน้าโดยไม่รอจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งใส่ในกระเป๋ากางเกง เดินตามหลังอย่างไม่เร่งรีบ
“หม่ามี๊”
เสียงใสๆสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับร่างสองร่าง หนึ่งตัวใหญ่หนึ่งตัวเล็กก็วิ่งอย่างเร็วเข้ามาหา
เหมือนกระสุนสองนัด พุ่งมายังทิศทางของเจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อรีบนั่งลง ต้องการรับพวกเขาไว้
เธอถูกพุ่งใส่จนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เธอก็ทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว
เธอโอบเด็กน้อยทั้งสองไว้ในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้างๆ
“หม่ามี๊ เถียนเถียนคิดถึงหม่ามี๊มาก”
“ผมก็เหมือนกัน เสี่ยวเป่าก็คิดถึงหม่ามี๊มาก”
ลูกหมีสองตัว แขวนอยู่บนตัวเจียงสื้อสื้อ และทั้งสองยังเอาหัวถูไปที่บนตัวเธอ
ในน้ำเสียงหวานแหววเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึง
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียน หม่ามี๊ก็คิดถึงพวกหนูมาก”
เธอยังไม่เคยจากลูกๆไปเป็นเวลานานขนาดนี้เลย ในใจตื่นตระหนกมานานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขา หัวใจของเธอเหมือนกับถูกเติมเต็มด้วยฝ้ายเช่นนั้น ในตาก็รู้สึกเฝื่อนๆโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าข้างนอกจะดีหรือไม่ดี แต่เธอชอบอยู่บ้านกับเด็กๆมากที่สุด
จิ้นเฟิงเฉินเดินมา เอาเสี่ยวเป่าลงจากตัวเจียงสื้อสื้อ เสี่ยวเป่าไม่ยอม สองขาใช้แรงรัดไว้
“เชื่อฟังนะ หม่ามี้อุ้มเธอสองคนไม่ไหว ”
เสี่ยวเป่าถึงยอม แต่ก็ยังมองดูเถียนเถียนอย่างไม่เต็มใจ
เขาก็ชอบให้หม่ามี๊อุ้ม แต่น้องสาวอายุน้อยกว่าเขา จึงเสียสละอ้อมกอดหม่ามี๊ให้เธอไป
ตรงกันข้าม เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นท่าทีของจิ้นเฟิงเฉิน กลับรู้สึกตลกเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่ายังเด็ก ฉันอุ้มไหว”
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือเธอข้างที่ยังว่าง ประสานนิ้วมือไว้ กล่าวเรียบๆ “ไม่ต้องฝีน เขาไม่เล็กแล้ว ”
เสี่ยวเป่าทำปากจู๋ “แด๊ดดี้เป็นคนเลว”
แยกเขากับหม่ามี๊ออก เป็นคนเลวกันทั้งหมด แด๊ดดี้ก็ไม่ยกเว้น
เจียงสื้อสื้ออุ้มเถียนเถียนขึ้นมา หลุดยิ้ม “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดี จูงมือแด๊ดดี้ไว้ ตอนเย็นหม่ามี๊จะทำของอร่อยให้กิน”
ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเสี่ยวเป่าสว่างวาบขึ้น กล่าวอย่างดีใจ “มีแต่หม่ามี๊ดีที่สุด”
ระยะทางจากสวนหน้าบ้านถึงห้องรับแขก เสียงเด็กน้อยสองคนพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด
พวกเขาไม่เห็นเจียงสื้อสื้อนานแล้ว ในใจรู้สึกเป็นห่วงและก็กลัว
ตอนนี้ได้เห็นแล้ว มีคำพูดมากมายอยากแบ่งปันกับหม่ามี๊
ฟางเสว่มั่นก็รออยู่ตรงหน้าประตู เห็นลูกสาวและลูกเขยกลับมาอย่างปลอดภัย ดีใจอย่างมาก ผิวพรรณบนใบหน้าก็ดีขึ้นกว่าก่อนเยอะมาก
คนทั้งครอบครัวรวมตัวในห้องรับแขก พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องใหญ่เล็กที่เกิดในช่วงเวลานี้
เวลานี้ มือถือจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น
เขามองดูสายเรียกเข้า แล้วเดินไปรับสายที่ระเบียง
“อืม มีความคืบหน้าใหม่หรือ ดี ฉันจะรีบไปทันที”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินวางสายแล้ว สีหน้าเย็นชาของเขาดูมีความสุขอย่างหายากที่สุด