ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1745 : เบาะแสใหม่

ตอนที่ 1745 : เบาะแสใหม่

กล่าวได้ว่าซื่อซินคือตัวแทนของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตตะวันตก แม้แต่จ้าวแห่งเขตตะวันตกอย่างไมโลก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของเขาได้ หากซื่อซินพ่ายแพ้ให้กับจางหยู มันก็เท่ากับว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับเขตตะวันออกตอนบน คนในเขตตะวันตกจะรู้สึกเสียหน้าไปด้วย
ไม่มีใครอยากเสียหน้าแต่ทุกคนก็รู้ว่าซื่อซินยากที่จะชนะได้ !
แม้จะรู้ดีกว่าโอกาสที่ซื่อซินจะชนะมีน้อยมาก แต่ก็มีหลายคนที่ยังหวังพึ่งโชค พวกเขาหวังว่าจะมีโชคที่ทำให้ซื่อซินเอาชนะจางหยูได้ เพื่อไม่ให้เขตตะวันตกต้องเสียชื่อเสียง

ในโลกจำลองของจางหยูนั้นไม่รู้เลยว่าทำให้ซื่อซินบาดเจ็บมากี่ครั้งแล้ว
ซื่อซินไม่เคยหมดสภาพแบบนี้มาก่อน ในอดีตนั้นแม้ว่าจะเจอกับคนที่ไม่อาจจะเอาชนะได้อย่างราชาตะวันออก แต่เมื่อเขายอมรับความพ่ายแพ้ทุกอย่างก็จบ แต่จางหยูนั้นถึงเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่จางหยูก็ไม่ยอมจบการต่อสู้ แต่กลับสู้ต่ออีกเป็นเดือน
สิ่งที่ทำให้ซื่อซินโล่งอกคือจางหยูไม่ได้ใช้พลังออกมาเต็มที่ ทุกครั้งจางหยูจะใช้พลังออกมามากกว่าของซื่อซินเพียงเล็กน้อย ดังนั้นถึงเขาจะเอาชนะไม่ได้แต่ก็พอรับมือได้จนบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและยังสู้ต่อได้
“ ข้ารับมือไม่ไหวแล้ว หากเจ้าคิดจะฆ่าข้าก็เอาเลย ทำไมต้องมาปั่นหัวข้าเช่นนี้ด้วย ?” ซื่อซินเริ่มใจสลาย
เขาไม่รู้ว่าเขาตกอยู่ในสภาพปางตายกี่ครั้งแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาจะทนได้นานแค่ไหน
มันน่าปวดใจเกินไป !
จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ “ เจ้ากับข้าไม่ได้มีเรื่องผิดใจอะไรกัน ทำไมข้าต้องฆ่าเจ้าด้วย ?”   ซื่อซินยังไม่ทันได้พูดอะไร จางหยูก็พูดขึ้นต่อ “ เราตกลงกันไว้ว่า 1 เดือนก็ต้องเป็น 1 เดือน เจ้าสบายใจได้ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก การสู้กับข้านั้นเจ้าก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย บางทีระดับการบ่มเพาะของเจ้าอาจจะพัฒนาก็ได้…”
ความก้าวหน้าแลกกับความเจ็บปวดแบบนี้ ซื่อซินไม่ต้องการ เขารู้สึกว่าจางหยูไม่ได้มาหาเขาเพื่อประมือแต่เป็นการดูหมิ่นเขาเสียมากกว่า
เพราะเขาคิดไม่ออกจริงๆ ดูจากความแข็งแกร่งที่จางหยูมีแล้ว ทำไมถึงบังคับให้เขาสู้ต่อถึง 1 เดือนด้วย
เขาคิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกนอกจากการดูหมิ่น
จิตใจเขาเริ่มพังทลาย ตอนนี้เขารู้สึกว่าจางหยูกำลังเหยียดหยามเขาอยู่ ในใจเขากลับร้อนรนขึ้นมา เขาลงมือหนักขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการโจมตีเขาไม่ได้เป็นภัยต่อจางหยู แต่เขาก็ยังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะต้องตายแต่เขาก็ต้องทำให้จางหยูเจ็บตัวไปด้วย
เมื่อเห็นซื่อซินโกรธ จางหยูก็ไม่ได้หงุดหงิด ยิ่งซื่อซินโกรธเท่าไหร่ การโจมตีก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น มันยิ่งช่วยเขาไปในตัว
คู่ซ้อมนี้คือคู่ซ้อมที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้ !

“ ป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่จบ ?”
กลุ่มผู้ควบคุมขั้น 9 ของเขตตะวันตกต่างก็พากันกังวล
ไมโลยังเยือกเย็นดังเดิม “ การต่อสู้ของผู้ควบคุมขั้นที่ 9 อาจจะกินเวลาหลายพันปี สำหรับระดับเจ้าสำนักและท่านซื่อซินแล้ว แม้ว่าจะสู้กันเป็นหมื่นปีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทำไมต้องกังวลเช่นนั้นด้วย ?”
นอกซะจากว่าช่องว่างพลังของทั้งสองฝ่ายจะต่างกันอย่างมาก งั้นมันก็ยากที่จะตัดสินได้ว่าใครจะชนะในเวลาอันสั้น  ทุกคนเข้าใจความจริงเรื่องนี้แต่พวกเขาแค่อยากรู้ผลลัพธ์ขอการต่อสู้จนเริ่มกังวลขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักซื่อซิน รึไม่ได้เจอซื่อซินกับตาแต่พวกเขาต่างก็เป็นคนของเขตตะวันตก เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเอาใจช่วยและหวังว่าซื่อซินจะชนะ
ถึงจะเสียเปรียบแค่ไหนแต่เสมอได้ก็ยังดี
….
ในโลกจำลอง
หลังจากที่โดนทรมานกว่ายี่สิบวัน ซื่อซินก็จิตใจพังทลาย เขาเริ่มร้องขอความเมตตา “ ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่อยากสู้แล้ว นี่มันการรังแกกันชัดๆ”
“ ทนเอาไว้ เชื่อในตัวเองหน่อย เจ้าทำได้” จางหยูให้กำลังใจ
มุมปากของซื่อซินพลันกระตุก หากสายตาของเขาฆ่าคนได้ งั้นจางหยูคงตายเป็นหมื่นๆครั้งแล้ว  …
สุดท้ายก็ครบ 1 เดือน ซื่อซินเหมือนแทบจะตายด้านกับทุกอย่าง ตอนนั้นเองจางหยูก็หยุดมือ “ ดูสิ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าทำได้ ผ่านมา 1 เดือนแล้ว การประมือของเราก็จบแล้ว”
ซื่อซินได้สติขึ้นมา “ จบแล้วรึ ?”
เขาแปลกใจอย่างมาก แต่ก็กลัวว่าจางหยูจะหาข้ออ้างประมือกับเขาต่อ
เนื่องจากโดนจางหยูทรมานมากว่า 1 เดือน เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นทันทีที่เห็นจางหยู มันมีความกลัวที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้ในใจเขา นี่ไม่ใช่การกลัวความตายแต่เป็นการกลัวโดนทรมาน !
ซื่อซินเคยผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนโดยเฉพาะก่อนที่จะมาถึงขั้น 9 เขาต่อสู้มาแทบทุกวันและมีการฆ่าฟันกันเกิดขึ้น มีการต่อสู้แบบไหนที่เขาไม่เคยเจอมาบ้าง ? เขาคิดเสมอว่าสิ่งสุดท้ายที่เขาจะกลัวคือการต่อสู้ ! แม้ว่าเขาจะสู้กับราชาตะวันออกมาแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัว !   แต่การได้สู้กับจางหยูนี้กลับทำให้เขารู้สึกกลัวการต่อสู้ขึ้นมา ซื่อซินเข้าใจความหมายของความกลัวนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเหนื่อยกับการต่อสู้ !
เดาว่าหลินเป่ยชานเองก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับหลินเป่ยชานได้
“ เจ้ายังไม่พอใจรึ ?” จางหยูเหมือนอยากจะสู้ต่อ “ รึว่าเราควรจะสู้กันต่อดี ?”
“ ไม่ !” ซื่อซินรีบพูดขึ้นมา “ พอแล้ว พอแล้ว ไม่สู้แล้ว”
เขาสาบานว่าในชีวิตนี้จะไม่สู้กับจางหยูอีก ไม่สิ มันไม่ใช่การต่อสู้แต่เป็นการรังแกกันมากกว่า
จางหยูเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้บังคับอะไร ยังไงซะการประมือกับซื่อซินนี้การใช้พลังสร้างของเขาก็พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก เขาไม่อาจจะทรมานคู่ซ้อมของเขาได้
คู่ซ้อมน่ะก็มีจิตใจ !   ดังนั้นต้องให้อีกฝ่ายผ่อนคลายบ้าง
“ เอาล่ะ เมื่อเจ้าไม่อยากจะสู้ต่อแล้ว งั้นก็พอ” จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อซื่อซินเห็นรอยยิ้มนั้นกลับรู้สึกว่านี่คือรอยยิ้มของปิศาจ มันทำให้เขาขนลุก “ จริงสิ เจ้ารู้จักคนที่แกร่งๆรึไม่ ?”
ปากของซื่อซินกระตุกไปตาม “ เจ้ายังอยากหาคนประมือด้วยอีกรึ ?”
จางหยูยิ้มออกมา “ การใช้พลังสร้างของข้ายังด้อยกว่าความเข้าใจ เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องนี้”
ซื่อซินใจสั่น เขาอยากบอกว่าเขาไม่เข้าใจ เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้นแต่เมื่อคิดจากการที่เขาอาจจะได้ประโยชน์จากจางหยูในอนาคต ซื่อซินก็เงียบไป
แต่ถ้าเขาเงียบ จางหยูอาจจะประมือกับเขาต่อ เมื่อคิดแบบนั้นซื่อซินก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น สายตาของเขาแสดงความกลัวออกมา
“ ข้าจะบอกเจ้าตราบใดที่เจ้าตกลงเงื่อนไขกับข้า” ซื่อซินกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา
“ เงื่อนไขอะไร ?”
“ อย่ามาสู้กับข้าอีก” ซื่อซินพูดขึ้น
“ ได้ ข้าจะทำตาม” ตราบใดที่หาคนที่เหมาะสมได้ จางหยูก็ไม่จำเป็นต้องมาสู้กับซื่อซิน “ ตอนนี้เจ้าบอกได้รึยัง ?”
ซื่อซินสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ ในนเขตตะวันออกตอนบนของเจ้าก็มีคนระดับพันเท่าอยู่ ซึ่งมีชื่อว่าเหลิ่งอู้ ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าข้าเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วเขตใต้ตอนบนก็มีคนเก่าแก่อยู่ ชื่อนั้นข้าไม่อาจจะจำได้แต่แกร่งกว่าข้า ข้าได้ยินว่าหงอีกับเขาชอบพอกัน”
หงอี ?
จางหยูคิดตาม นี่คือผู้ควบคุมขั้น 9 ที่หงอีพูดถึงน่ะรึ ?
“ มีใครอีกรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ น่าจะเป็นผู้นำวิหาร” ซื่อซินอธิบาย “ว่ากันว่าผู้นำวิหารนั้นมีพี่สาว พรสวรรค์ของนางดีเด่น นางแกร่งกว่าผู้นำเสียอีก สำหรับว่าแกร่งกว่าแค่ไหนนั้นข้าไม่รู้ แต่ไม่น่าจะด้อยกว่าข้า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็ต้องแปลกใจ วิหารอวี๋ฮุ่นมียอดฝีมือหลบซ่อนตัวอยู่จริงๆ !
ดูเหมือนว่าจ้าวแห่งโลกพันเขตจะรู้จักวิหารอวี๋ฮุ่นไม่ดีนัก
“ สมกับเป็นคนระดับพันเท่า” จางหยูพูดขึ้น “หากเจ้าไม่พูด ข้าก็คงไม่รู้ว่ามียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ในโกลาหลกี่คน”
เมื่อได้ยินคำชมจากปากจางหยู ซื่อซินก็ถลึงตาใส่ “ ข้ารู้แค่นี้ สำหรับคนอื่นๆน่ะข้าไม่รู้”
“ แค่นี้ก็พอแล้ว” จางหยูพูดขึ้น “ ยอดฝีมือ 3 คนก็สามารถช่วยให้การใช้พลังสร้างของข้าขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าได้”
ซื่อซินแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา แม้ว่าเขาจะโดนทรมานมากว่า 1 เดือน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของจางหยูน่ะน่ากลัวจริงๆ หากจางหยูขึ้นไประดับหมื่นเท่าจริงๆได้ งั้นความแข็งแกร่งก็อาจจะน่ากลัวที่สุดทั้งในปัจจุบันและในอดีต !
“ ข้าพูดจบแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ผิดคำพูด” ซื่อซินพูดขึ้น

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท