บทที่ 857 คงไม่ได้สวมรอยใช่มั้ย
เจตนาร้ายที่ไม่มีสาเหตุนี้ทำให้เจียงสื้อสื้อจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เธอก็ไม่ได้เอามันมาใส่ใจ
ฟางยู่เชินก็เห็นเช่นกัน เขาพาครอบครัวทั้งสี่คนไปยังพื้นที่พักผ่อนก่อน จากนั้นก็หยิบแก้วเปล่าสองใบแล้วมารินน้ำผลไม้ให้เถียนเถียนและเสี่ยวเป่า
จากนั้นถึงแนะนำให้เจียงสื้อสื้อรู้จัก “คนที่อยู่ข้างหน้าทางซ้ายมือคือลุงใหญ่ฟางเฉิง ซึ่งก็เป็นคุณลุงใหญ่ของเธอ”
เขายกคางขึ้นพยักพเยิดให้เจียงสื้อสื้อมองตาม
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมองตาม
ชายหญิงวัยกลางคนสองคนยืนเคียงข้างกัน ฝ่ายชายมีรูปร่างผอมสูง ภายนอกดูเป็นคนไม่อ่อนโยนและดูเป็นคนเฉลียวฉลาด
ส่วนหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆมีใบหน้าอ้วนกลม มีขนาดตัวใหญ่กว่าเขาเกือบหนึ่งเท่า
แม้ว่าจะแต่งตัวประดับประดาด้วยเพชรพลอย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดออร่าที่ดูดุร้ายนั้นได้
ข้างๆพวกเขาทั้งสองคนนั้นมีชายหนุ่มดูสุภาพในชุดสูทที่หน้าตาคล้ายพวกเขาทั้งสองยืนอยู่
เจียงสื้อสื้อมองเขาสักพัก ฟางยู่เชินเห็นว่าเธอมองอยู่จึงเหมาะที่จะแนะนำ “คนนั้นคือลูกชายของคุณลุงใหญ่ ชื่อฟางอี้หมิง ดูแลบริษัทลูกสาขาต่างประเทศของฟางซื่อกรุ๊ป ความสามารถไม่เลวเลย”
เจียงสื้อสื้อตอบรับแล้วถอนสายตาออกจากฟางอี้หมิง
หลังจากฟางยู่เชินหยิบหลอดมาใส่ในแก้วให้เถียนเถียนแล้วเขาก็ชี้ไปอีกทาง
เพื่อบอกให้ทั้งคู่มองตาม
“คนนั้นคือน้ารองฟางรุ่ยและลูกชายทั้งสองของเขา ทางด้านซ้ายคือลูกชายคนโตของน้ารองมีชื่อว่าฟางเย้นซิน ดูแลกิจการภายในประเทศบางส่วนของฟางซื่อกรุ๊ป
ลูกชายคนเล็กฟางเย้นชิงเป็นคนขี้เกียจเอาแต่เที่ยวเล่นทั้งวัน ปกติแล้วไม่ค่อยได้เจอตัวหรอก…ไม่คิดเลยว่าวันนี้พวกเขาจะมากันพร้อมหน้า”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามอง
ครอบครัวของฟางรุ่ยมีหน้าตาคล้ายคลึงกับครอบครัวฟางเฉิงอยู่บ้าง ยังไงซะพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน
ฟางเย้นซินที่อยู่ข้างๆฟางรุ่ยดูมีหน้าตาเย่อหยิ่ง
ฟางเย้นชิงน้องชายเขาเป็นคนมั่วโลกีย์เกินพอดี
เจียงสื้อสื้อมองเพียงครั้งเดียวก็ถอนสายตาออก
ทั้งสองครอบครัวดูไม่ถูกชะตาด้วย ไม่มองจะดีกว่า
“สื้อสื้อ ฉันจะพาเธอไปเจอพ่อแม่ของฉัน พวกเขาบ่นฉันมาหลายวันแล้ว”
หลังจากฟางยู่เชินแนะนำสั้นๆ เขาก็หันหน้ามาพูดกับเจียงสื้อสื้อ
“ได้สิ”
ฟางยู่เชินพาครอบครัวสี่คนไปเจอพ่อแม่เขา
พ่อฟางฟางเถิงมีคิ้วหนาตาโต ดูเป็นคนมีคุณธรรมต่างจากฟางเฉิง ฟางรุ่ยอย่างสิ้นเชิง
ซ่างหยิงแม่ของเขาดูเป็นผู้หญิงอ่อนโยนและมีคุณธรรมเช่นกัน
“พ่อครับ แม่ครับ นี่เจียงสื้อสื้อลูกสาวของคุณป้าครับ”
ฟางยู่เชินแนะนำเจียงสื้อสื้อให้พ่อแม่ของเขารู้จัก
เมื่อได้ยินว่าเป็นลูกสาวของฟางเสว่มั่น ฟางเถิงและภรรยาก็มุ่งความสนใจไปที่เจียงสื้อสื้อทันที
เจียงสื้อสื้อก้มตาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนแล้วพูดเบาๆว่า”น้าเล็ก น้าสะใภ้เล็ก”
“ดี ดี!”
ฟางเถิงยื่นมือออกมาตบบ่าของเจียงสื้อสื้อด้วยความตื่นเต้น ขอบตาเขาร้อนขึ้น
ในบรรดาคนในตระกูลฟาง เขาสนิทกับฟางเสว่มั่นที่สุด
ไม่เจอกันมานานแล้ว พอวันนี้มารวมตัวกันได้เจอลูกสาวของฟางเสว่มั่น ทำให้ในใจเขารู้สึกมีความสุขมากๆ
ซ่างหยิงก็เช่นกัน เพราะตอนที่อยู่บ้านฟางเสว่มั่นก็ใจดีกับเธอมาก
“สื้อสื้อ ไม่คิดเลยว่าเธอจะโตขนาดนี้แล้ว”
ซ่างหยิงยื่นมือออกมาจับแขนของเจียงสื้อสื้ออย่างสนิทสนม สายตาเต็มไปด้วยความยินดี
ฟางเถิงสังเกตมองเจียงสื้อสื้ออยู่นานจากนั้นก็พูดอย่างยินดีว่า “เหมือนมาก สื้อสื้อ เธอเหมือนพี่สาวมากๆ”
คิ้วและดวงตาดูอ่อนโยนคล้ายกันมาก ทำให้ใครๆก็เห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงอยากปกป้อง
เจียงสื้อสื้อมองความรู้สึกที่ทั้งสองมีต่อแม่ออก ในใจก็รู้สคกอบอุ่นขึ้น เธอรีบก็ก้มหัวบอกกับเด็กทั้งสองว่า “เถียนเถียน เสี่ยวเป่า ทักทายสิคะ”
เถียนเถียนและเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมาทีละคนแล้วเรียกคุณตาคุณยาย
เรียกเสียจนฟางเถิงและภรรยายิ้มไม่หุบ
“ดีดี น่ารักมากๆเลย ไม่คิดเลยว่าสื้อสื้อจะมีลูกแล้ว”
ฟางเถิงย่อตัวลงลูบหัวเด็กน้อยทั้งสอง ดวงตาของเขาดูตกใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นลูกหลานของพี่สาวยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็อดถอนหายใจในใจไม่ได้
วันเวลาผ่านไปไวจริงๆ
ซ่างหยิงก็ชอบเด็กๆ พอเถียนเถียนพยักหน้าอนุญาตก็อุ้มเธอไม่ยอมปล่อย
พูดตรงๆว่าน่ารัก แล้วพูดกระซิบเร่งรัดให้ฟางยู่เชินเร่งความเร็ว
ฟางยู่เชินลูบจมูกแล้วหัวเราะขึ้นมา
ความสนใจของฟางเถิงอยู่ที่จิ้นเฟิงเฉิน
ออร่าและหน้าตาของชายคนนี้ยากที่จะไม่สนใจ
“สื้อสื้อ คนนี้คือ…ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”
ฟางเถิงมองจิ้นเฟิงเฉินแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วดูจากความสนิทสนมของทั้งสองก็มองออก
เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันพูด ฟางยู่เชินก็พูดขึ้นว่า “นี่คือจิ้นเฟิงเฉิน สามีของสื้อสื้อ”
ฟางเถิงมองจิ้นเฟิงเฉินที่ไม่ธรรมดาแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เขายังไม่ทันถามอะไร ครอบครัวของฟางเฉิงและฟางรุ่ยก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขา
จึงเดินเข้ามาด้วยกัน
“อ้าว อาสี่ ทำไมตรงนี้คึกคักจัง”
คนที่พูดคือฟางเย้นชิง น้ำเสียงแปลกๆนี้กระตุ้นให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่พอใจในทันที
“พี่ใหญ่ พี่รอง”
ฟางเถิงมองพวกเขา รอยยิ้มบนใบหน้าก็ถูกเก็บไปแล้วพยักหน้าให้เบาๆ
ทั้งสองครอบครัวเดินมาอย่างยิ่งใหญ่ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
เมื่อทุกคนเห็นบรรยากาศที่ค่อนข้างพิสดารในกลุ่มพวกเขาก็ต่างยินดีที่จะได้ชมละคร
หลินหลานภรรยาของฟางเฉิงเหลือบมอง เนื้อแนวนอนบนใบหน้าสั่นไหวตามจังหวะเดินของเธอ
เธอยืนอยู่ไม่ไกลจากเจียงสื้อสื้อ สายตามองมาอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นก็เลิกคิ้วจงใจขึ้นเสียง “นี่คงจะเป็นลูกสาวของน้องสาวที่หายตัวไปหลายปีคนนั้นใช่มั้ย?”
ลูกของลูกสาวคุณท่านฟางที่หายตัวไปหลายปี?
ประโยคนี้เข้าหูแขกทุกคน ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองมา
“คุณท่านฟางมีลูกสาวด้วยเหรอ?”
“ใช่ แต่ได้ยินมาว่าหายตัวไปหลายปีแล้วไม่ใช่หรอ?”
…
เมื่อถูกผู้คนจำนวนมากจับตามอง สีหน้าของเจียงสื้อสื้อก็เรียบเฉยไม่ไหวติง
“แค่ดูก็มองออกเลยนะ ไม่เช่นนั้นน้องสี่จะคุยกับเธอหรอ?”
เฉินหยุนภรรยาของฟางรุ่ยรีบพูดขึ้น
ฟางเฉิงและฟางรุ่ยไม่คิดจะหยุดพวกเขาเลย แต่กลับปล่อยให้ผู้หญิงสองตอบโต้กัน
เจียงสื้อสื้อยิ้มหวาน ไม่เพียงแต่ไม่รำคาญ แต่ยังพยักหน้าให้ทั้งสองครอบครัวแล้วเรียกชื่อทักทายพวกเขาทั้งหมด
การที่เธอไม่ถูกชะตากับพวกเขานั้นไม่ผิด แต่เธอก็ยังต้องรักษามารยาท
ไม่พูดจาไม่ดีใส่ถึงจะถูก
ฟางเถิงขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะชินแล้วกับทัศนคติแปลกๆของพี่สะใภ้สองคนนี้
แต่เขากลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะทนไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “วันนี้สื้อสื้อมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณพ่อ พี่สะใภ้ทั้งสองมีอะไรมั้ยครับ?”
“พ่อก็จริงๆเลย!”
เฉินหยุนเอาสายตามองตรงไปที่เจียงสื้อสื้อ พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมากๆว่า “น้องสาวหายไปตั้งหลายปีแล้ว ทำไมจู่ๆถึงจำได้ขึ้นมาล่ะ?”
“ใช่ๆ ไม่รู้ว่านี่ตัวจริงหรือเปล่า ได้ข่าวมาว่าแม้แต่ตัวน้องสาวก็ยังไม่เจอเลยใช่มั้ย?”
“ตรวจDNAแล้วหรอ? ไม่ใช่ว่ามีใครมาสวมรอยใช่มั้ย?”
หลินหลานหันไปมองฟางยู่เชินราวกับต้องการหลักฐานพิสูจน์ “น้องสาวหายตัวไปตั้งนานแล้ว จะบอกว่าเจอก็เจอเลยได้ยังไง? ต่อให้เจอแล้วทำไมเธอไม่มาแต่กลับให้คนในครอบครัวอย่างสาวน้อยคนนี้มาด้วย?”