ฟางยู่เชินพาครอบครัวเจียงสื้อสื้อสี่คนเดินเที่ยวคฤหาสน์ที่กว้างขวาง
บอกว่าบ้านใหญ่ตระกูลฟางเป็นวิลล่า แต่ยังคงรูปแบบของเรือนสี่ประสานในอดีต
ทุกที่มีความแปลกตาและมีอายุ
“บ้านใหญ่ตระกูลฟางก็ถือเป็นคฤหาสน์เก่าแล้ว มีมูลค่ามาก พวกคุณลุงก็คิดอยากได้ตลอด
ถ้าไม่ใช้เพราะคุณปู่ไม่เห็นด้วย คิดว่านี่คือบ้านของเขาและคุณย่า พวกเขาน่าจะลงมือกับคฤหาสน์เก่าแล้ว”
ดูไปด้วย ฟางยู่เชินก็เล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้เจียงสื้อสื้อ
น้ำเสียงของเขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
ร่างกายของคุณปู่ถือว่ายังแข็งแรง ฟางเฉิงและฟางรุ่ยสองครอบครัวก็อดไม่ไหวอยากแย่งชิงสมบัติ
ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ ก็ไม่แปลกที่คุณปู่ไม่ชอบพวกเขา
ฟางยู่เชินพาเจียงสื้อสื้อและคนอื่นเดินรอบคฤหาสน์ เดินอ้อมระเบียง กลับมาที่ห้องนั่งเล่น
เถียนเถียนนั่งลงก็งอแงอยากดื่มน้ำผลไม้ปั่น
ฟางยู่เชินก็ตามใจเขา ไปที่ห้องครัวทันทีและปั่นน้ำสตรอว์เบอร์รีมา
หนึ่งแก้วให้เถียนเถียน อีกหนึ่งแก้วให้เสี่ยวเป่า
เจียงสื้อสื้อนึกถึงเรื่องไร่สมุนไพร อดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่สงสัย “พี่ชาย คุณยายล่ะ?”
ตัดสินจากสิ่งที่ฟางยู่เชินพูดเมื่อกี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณตากับคุณยายต้องลึกซึ้งมากๆ
แต่ว่ามาที่คฤหาสน์นานขนาดนี้แล้ว……เธอไม่เคยเห็นคุณยาย
ได้ยินคำถามของเจียงสื้อสื้อ สายตาของฟางยู่เชินหมองลง ทั้งตัวเหมือนถูกความโศกเศร้าปกคลุม
เห็นลูกชายของตัวเองเป็นแบบนี้ ซ่างหยิงถอนหายใจเบาๆ พูดแทนเขา “คุณยายของเธอเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ในชีวิตของท่าน ท่านรักแม่ของเธอที่สุด ก่อนที่ท่านจะหมดลมหายใจยังพูดถึงแม่ของเธอ”
จู่ๆ บทสนทนาก็ตึงเครียดขึ้นมา บรรยากาศก็เหมือนถูกแช่แข็ง
“ขณะที่ยังมีชีวิตคุณย่าก็รักฉันมาก ฉันเคยคิดจะหาคุณป้า แต่ว่า……”
ฟางยู่เชินพูดถึงที่นี่ ถอนหายใจหนักๆ ในดวงตาเหมือนมีน้ำตา
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปากล่าง ในใจรู้สึกผิดต่อฟางเสว่มั่น
ในเมื่อบางเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว มันไร้ประโยชน์ที่จะพูดทุกอย่างในตอนนี้
เธอรู้สึกเห็นใจมากขึ้นเมื่อมีลูกสองคน
คนเป็นแม่ แยกกับลูกสาวที่รักมาหลายปี ก่อนสิ้นลมหายใจก็ไม่ได้เจอลูกสาว
เจียงสื้อสื้อสามารถรับรู้ความรู้สึกของคุณยาย เจ็บปวดมากแค่ไหน
“เพราะตอนนั้นแม่ของฉันไม่เชื่อฟัง”
เธอเปิดปาก พูดประโยคนี้ออกมา
ในใจของเธอรู้ดี ในฐานะที่เป็นลูกสาว แม่ของเธอเป็นแบบนี้คือไม่กตัญญู
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็โทษเธอทั้งหมดไม่ได้……ถ้าตอนนั้นคุณปู่ไม่ดื้อ แม่ของเธอก็ไม่ออกจากบ้าน……”
ซ่างหยิงปลอบเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อยิ้มเศร้า ไม่สามารถพูดประโยคที่จะให้แม่หลุดพ้นได้
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูด เคลื่อนมือไปดึงร่างผอมบางของเธอมากอดไว้ในอ้อมอก
“คุณอาเล็ก คุณอาสะใภ้ พี่ชาย พาฉันไปดูคุณยายได้ไหม?”
สักพัก เจียงสื้อสื้อถึงจะเงยหน้า มองไปที่ครอบครัวฟางยู่เชินสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทำการร้องขอ
ในเมื่อตอนนั้นแม่ของเธอกลับมาไม่ทัน
งั้นก็ให้เธอไปจุดธูปให้คุณยายแทนแม่ของเธอ ถือว่าตัวเองทำลูกกตัญญูเพื่อแม่
ฟางเถิงและซ่างหยิงได้ยิน ซาบซึ้งทันที รู้สึกว่าเจียงสื้อสื้อมีใจที่ดี
ฟางเถิงพยักหน้าแรงๆ “สื้อสื้อ เธอเป็นเด็กดีจริงๆ ฉันพาเธอไปที่ศาลบรรพบุรุษ”
ยังไงก็ต้องเจอกันหน่อย อย่างไรก็ตามเจียงสื้อสื้อและลูกของเธอ ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลฟางครึ่งหนึ่ง
ดังนั้น คนทั้งกลุ่มก็ไปทางศาลบรรพบุรุษ
ศาลบรรพบุรุษเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับฮวงจุ้ยในคฤหาสน์เก่า
ที่นั่นถูกสาวใช้ทำความสะอาดได้สะอาดมาก เงียบและเคร่งขรึม
เมื่อเด็กน้อยสองคนที่วุ่นวายตลอดทางมาถึงที่นี่ ก็เงียบลง เหมือนรับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนกัน
เดินเข้าศาลบรรพบุรุษ ก็เห็นเบอร์การ์ดของตระกูลฟางวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
ด้านล่างมีกระถางธูปและผลไม้สดเป็นเครื่องไหว้
ฟางยู่เชินพาครอบครัวเจียงสื้อสื้อสี่คน เดินไปหน้าป้ายวิญญาณที่ระบุไว้เป็นรายบุคคล
เขาหยิบธูปสามดอก หลังจากจุดแล้วก็ไหว้สามครั้งแล้วเสียบธูปลงไปในกระถางธูป
“นี่คือป้ายวิญญาณของคุณยาย”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า หันไปมอง
ยังสามารถมองเห็นภาพถ่ายขาวดำใบเล็กๆ ข้างบนเป็นผู้หญิงรอยยิ้มเป็นมิตร
แม้ว่าบนใบหน้ามีริ้วรอย แต่ก็ดูออกไม่ยาก ฟางเสว่มั่นเหมือนเธอเล็กน้อย
นี่ก็คือคุณยาย คุณยายที่เลี้ยงดูแม่ของเธอให้เติบโตเป็นคน
ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกถึงรสชาติที่ไม่อาจบรรยายได้
เธอหยิบธูปสามดอกมาจุด ถือไว้ข้างหน้า คุกเข่าลงหน้าป้ายวิญญาณของคุณยาย
“คุณยายคะ ฉันชื่อเจียงสื้อสื้อ เป็นหลานสาวของท่าน ธูปสามดอกนี้ฉันจุดให้ท่านแทนแม่ของฉัน”
เธอพูดเบาๆ จนจบ กราบสามครั้งแล้วเสียบธูปลงในกระถางธูป
หลังจากที่เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น จิ้นเฟิงเฉินถือธูปสามดอกที่จุดเสร็จให้เธอ
ต่อมาก็หยิบอีกสามดอก คุกเข่าลงข้างๆ เธอ
ในใจของเจียงสื้อสื้ออบอุ่นมาก คุกเข่าลงอีกครั้ง แล้วกวักมือเรียกเถียนเถียนและเสี่ยวเป่ามา
“คุณยายคะ ตอนนี้แม่ของฉันไม่อยู่ รอผ่านไปอีกสักพัก ฉันและแม่จะมาชดใช้ท่านแน่นอนค่ะ”
พูดจบ เธอก็กราบอีกสามครั้ง จิ้นเฟิงเฉินก็เช่นกัน
กราบเสร็จ ทั้งสองเสียบธูปลงกระถางธูปพร้อมกัน
“คุณยายครับ ผมชื่อจิ้นเฟิงเฉิน เป็นหลานเขยของท่าน”
ขณะที่เสียงต่ำของจิ้นเฟิงเฉินออกมาจากข้างๆ ทำให้เจียงสื้อสื้อชะงัก “คุณยายท่านวางใจได้ครับ ชีวิตที่เหลือของคุณแม่ผมจะดูแลให้ดี และผมจะไม่ให้เจียงสื้อสื้อถูกทำร้ายแม้แต่นิด”
เธอหันไปมอง เห็นเขาจ้องไปป้ายวิญญาณของคุณยายอย่างจริงจัง หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยความหวานและความซึ้ง
ถูกผู้ชายที่ดีแบบนี้ตามใจ ยังมีอะไรให้เสียใจ?
“คุณยายคะ นี่คือเหลนชายและเหลนสาวของท่าน เสี่ยวเป่าและเถียนเถียน”
เจียงสื้อสื้อก็แนะนำลูกชายและลูกสาวของตัวเอง
เถียนเถียนมองไปที่คนแก่บนป้ายวิญญาณด้วยสีหน้าที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ เสี่ยวเป่ากะพริบตา ไม่กล้าพูดอะไร
เจียงสื้อสื้อลูบหัวของพวกเขา
หากคุณยายยังอยู่ ก็ต้องชอบเด็กน้อยทั้งสองแน่ๆ
หลังจากพูดสิ่งที่ควรพูดเสร็จ เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น ครอบครัวสี่คนเดินออกจากศาลบรรพบุรุษ
ฟางเถิงและซ่างหยิงมองดูพวกเขาด้วยสายตาที่โล่งใจและมีความสุข
ซ่างหยิงเช็ดน้ำตาที่หางตา พูดสะอึกสะอื้น “ถ้าคุณแม่ยังอยู่ จะมีความสุขขนาดไหนกัน”
ฟางเถิงนิ่งไปสักพัก “คุณแม่ต้องภูมิใจในตัวลูกสาวและลูกเขยของพี่สาวแน่ๆ”
ฟางเสว่มั่นไม่ได้กลับมา น่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนเสียดายที่สุด
แต่ว่า สิ่งที่เจียงสื้อสื้อทำถือได้ว่าเป็นน้ำใจส่วนหนึ่ง
“เสร็จแล้ว พ่อครับ แม่ครับ เรากลับห้องรับแขกกันเถอะ!”
ฟางยู่เชินออกมาเปลี่ยนเรื่องคุย
“เฮ้อ ใช่สิ ตอนนี้คุณพ่อก็น่าจะจัดไร่สมุนไพรเสร็จแล้ว”
ซ่างหยิงพูดต่อ