โม่เหยียและหานยู่ยืน ทั้งสองคนอยู่ข้างเตียงของเจียงสื้อสื้อไม่ยอมห่าง
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทำงานอีกต่อไป เฝ้าดูเจียงสื้อสื้ออย่างไม่ให้คลาดสายตา
จู่ๆก็มีไข้สูงอย่างกะทันหัน ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกเหมือนกับตัวทั้งตัวถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งอยู่ในเตาไฟ อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในห้องน้ำแข็ง
หยาดเหงื่อที่เย็นเฉียบไหลออกมาจากแผ่นหลังของเธอ แทบจะทำให้ชุดนอนที่เธอใส่อยู่เปียกชื้นไปหมด
มองดูเจียงสื้อสื้อที่นอนท่าไหนก็ไม่สบายตัว คงไม่ต้องบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินรู้สึกเป็นทุกข์มากแค่ไหน
แต่เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะคาดเดาได้ เขาทำได้เพียงแค่ระงับอารมณ์เอาไว้ พยายามใจเย็นๆและถามว่า “จะมีอาการอะไรตามมาหรือเปล่า?”
โม่เหยียและหานยู่หันมามองหน้ากัน
“ดูจากตอนนี้แล้วน่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
โม่เหยียรีบอธิบายออกมา กลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไม่เชื่อ เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดอีกว่า “ไวรัสในร่างกายของเธอเดิมทีก็รุนแรงอยู่แล้ว ยาที่เราวิจัยขึ้นมาคือยายับยั้งไวรัส ยาทั้งสองมีปฏิกิริยาต่อกันในร่างกายของเธอ เป็นเรื่องธรรมดาที่ทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเธอลดลง”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจ
พูดง่ายๆก็คือเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ต้องพยายามทำให้ไข้ลดลงโดยเร็วที่สุด
“เฟิงเฉิน…..”
ริมฝีปากที่ซีดเซียวเนื่องจากมีไข้ของเจียงสื้อสื้อค่อยๆขยับ เสียงที่อ่อนแอดังออกมา
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปที่ข้างเตียง โน้มตัวลงจับมือเล็กๆที่ร้อนระอุของเธอและตอบเธอเบาๆว่า “สื้อสื้อ ผมอยู่นี่”
“ฉันร้อนจัง”
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
จิ้นเฟิงเฉินเอาปากเข้าไปใกล้ๆหูของเธอ กระซิบเสียงต่ำปลอบใจเจียงสื้อสื้อ
ทันใดนั้นเขาก็สั่งให้คนรับใช้ไปเอาน้ำเย็นในห้องน้ำมาหนึ่งกะละมัง
บิดผ้าขนหนูที่เอาไปแช่น้ำให้แห้ง แล้วเอาไปวางไว้บนหน้าผากที่มีอุณหภูมิร้อนกว่าปกติของเจียงสื้อสื้อ
สิ่งที่เขาคิดได้ก็มีแค่วิธีระบายความร้อนทางกายภาพแบบนี้
ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงความเย็น คิ้วที่ขมวดอยู่ของเจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆคลายออก
หานยู่เห็นแบบนี้ รู้สึกว่าแบบนี้อาจเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาชั่วคราว เขาจึงหันหลังเดินไปที่โต๊ะที่มีกล่องยาวางอยู่ ก้มหน้าลงค้นหาของ
โม่เหยียเดินตามไป ถึงขั้นปรึกษากับหานยู่ว่าควรใช้ยาชนิดไหนถึงจะสามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายตอนนี้ของเจียงสื้อสื้อให้คงที่ได้และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
สุดท้ายโม่เหยียก็หยิบยาแก้ไข้ห่อเล็กๆยื่นให้จิ้นเฟิงเฉิน
แต่หานยู่กลับหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา ฉีดของเหลวสีใสๆที่อยู่ในเข็มให้กับเจียงสื้อสื้อ
“ยาพวกนี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่ออาการป่วยของเธอ ยาลดไข้พิเศษนี้ไม่มีผลข้างเคียงอะไร”
จิ้นเฟิงเฉินรับยามา เล้าโลมอย่างนุ่มนวล เกลี้ยกล่อมให้เจียงสื้อสื้อกินลงไป
ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะดูแลเจียงสื้อสื้ออย่างระมัดระวัง
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อก็ยังคงมีไข้ขึ้นสูงตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งรุ่งสาง ท่ามกลางความช่วยเหลือของฤทธิ์ยา อุณหภูมิร่างกายของเจียงสื้อสื้อค่อยๆลดลง
โม่เหยียที่อดหลับอดนอนทั้งคืน ยังคงนั่งอยู่หน้ากองเครื่องมือแพทย์เฝ้าสังเกตการณ์อย่างใจจดใจจ่อ
หานยู่ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ สังเกตอาการของเจียงสื้อสื้อต่อไป
แน่ใจแล้วว่าเธอจะไม่กลับมามีไข้สูงอีก ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จิ้นเฟิงเฉินที่อดหลับอดนอนทั้งคืนเหมือนกัน ทำงานของบริษัทในห้องจนเสร็จ
หานยู่ดึงเข็มน้ำเกลือที่ฉีดเรียบร้อยแล้วออกจากหลังมือให้เจียงสื้อสื้อ
เขาโยนเข็มลงในถังขยะ จากนั้นก็พูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณหญิงอาจจะนอนหลับไปประมาณสองวัน เพราะร่างกายของเธอจะอ่อนแอเล็กน้อย”
ก็ถือว่าเป็นการฉีดยาป้องกันให้จิ้นเฟิงเฉินก่อน หากเจียงสื้อสื้อนอนหลับไม่ตื่นไปอีกสองวัน เขาจะได้ไม่ต้องกังวล
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “ตอนนี้สถานการณ์ไวรัสในร่างกายเจียงสื้อสื้อเป็นยังไง?”
สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือไม่สามารถควบคุมไวรัสไม่ได้
“ไวรัสในร่างกายของเธอถูกยับยั้งแล้ว แต่รูปธรรมต้องรอดูอาการถึงพรุ่งนี้”
โม่เหยียตอบกลับอย่างรวดเร็ว
นี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเบาๆ เห็นใต้ตาที่ดำคล้ำของโม่เหยียและหานยู่ เขาก็ออกคำสั่งว่า “พวกคุณไปพักที่ห้องนั่งเล่นข้างๆก่อนก็ได้ ผมจะดูแลเจียงสื้อสื้อเอง”
โม่เหยียและหานยู่ไม่กล้าออกไปไกล ก็เลยนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นข้างๆ
ต้องได้พักผ่อนบ้างถึงจะมีสมาธิรักษาผู้ป่วยได้ดีขึ้น
ก่อนที่ฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอยู่พอสมควร
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ข้างเตียงของเจียงสื้อสื้อ จ้องมองไปที่ใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะของเธอ
วันนี้ทั้งวันก็ถือว่าไม่เป็นอะไร
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เถียนเถียนส่งเสียงดังรบกวนเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินพยายามให้แม่บ้านและคนรับใช้ไปเล่นกับเธอ
พอโม่เหยียและหานยู่ตื่นขึ้นมา พวกเขาก็รีบตรงเข้าไปสังเกตอาการของเจียงสื้อสื้อในห้องทันที
รอจนถึงเช้าของวันต่อมา
โม่เหยียและหานยู่ก็ได้ทำการตรวจสอบร่างกายของเจียงสื้อสื้ออย่างละเอียดอีกครั้ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ยืนดูรายงานในมือที่พิมพ์เต็มไปด้วยตัวหนังสือ
“ร่างกายของคุณเจียงปกติดีทุกอย่าง คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
โม่เหยียถอนหายใจอย่างโล่งอกและยื่นรายงานให้จิ้นเฟิงเฉินดู
จิ้นเฟิงเฉินรับรายงานมาดูอย่างจริงจัง ในขณะที่หานยู่ยืนอธิบายในส่วนที่เขาไม่เข้าใจอยู่ข้างๆ
แน่ใจแล้วว่าเจียงสื้อสื้อปลอดภัยดี คิ้วที่ขมวดแน่นมาแล้วสองวันของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้คลายออก
“ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
“แด๊ดดี้!”
ทันใดนั้นเสียงที่มีกลิ่นอายของน้ำนมก็ดังมาจากห้องนอนข้างๆ แถมยังร้องไห้เล็กน้อย
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินสั่งให้โม่เหยียและหานยู่ไปเฝ้าดูเจียงสื้อสื้อ เขาก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องที่เถียนเถียนอยู่
เถียนเถียนตื่นแล้ว
เธอเห็นว่าหม่ามี๊ไม่ได้อยู่ข้างๆ แด๊ดดี้ก็ไม่อยู่ เธอจึงร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉิน เธอจึงรีบปีนลงมาจากเตียง ก้าวขาสั้นๆ ยื่นมือเล็กๆวิ่งเข้ามา
“แด๊ดดี้ หนูต้องการหม่ามี๊! เถียนเถียนจะไปหาหม่ามี๊!”
เมื่อวานนี้ไม่ได้เจอกับเจียงสื้อสื้อทั้งวัน เถียนเถียนคิดถึงเธอเป็นอย่างมาก
จิ้นเฟิงเฉินอุ้มหนูน้อยที่เอะอะโวยวายขึ้นมาด้วยความอดทน อุ้มมาไว้ในอ้อมแขนและตบที่หลังเบาๆ
“เถียนเถียนเป็นเด็กดี หม่ามี๊ไม่สบาย ถ้าเถียนเถียนยังเสียงดังอยู่แบบนี้ มันจะรบกวนการพักผ่อนของหม่ามี๊นะ แบบนี้นหม่ามี๊ก็คงจะมาเล่นกับหนูไม่ได้ รู้ไหม?”
“แต่ แต่ว่าเถียนเถียนคิดถึงหม่ามี๊”
มุมตาของเถียนเถียนมีหยดน้ำตาห้อยอยู่ เห็นแล้วช่างน่าสงสาร
“หม่ามี๊พึ่งฉีดยาเสร็จ ต้องการพักผ่อน”
จิ้นเฟิงเฉินพูดเบาๆ
เถียนเถียนบึนปาก ถอยหลังออกไปและพูดต่อรองกับเขาว่า “งั้นแด๊ดดี้ แด๊ดดี้พาหนูไปหาหม่ามี๊ได้ไหม?เถียนเถียนไม่ทำให้หม่ามี๊ตื่นแน่นอน”