“ขอบคุณครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูดขอบคุณออกไปตามมารยาท
มองดูท่าทางของฟางเฉิง เจียงสื้อสื้อก็พอจะเดาออกว่า อาของเธอคนนี้ น่าจะอยากมาสร้างความสัมพันธ์ที่นี่
“คุณอา ในเมื่อมาแล้วก็เข้าไปสนุกข้างในดีกว่า” เจียงสื้อสื้อชวนให้ฟางเฉิงเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยงด้วยกัน
เพราะยังไงก็มีคนอื่นเฝ้าดูอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากเจอฟางเฉิง แต่มารยาทก็ควรจะมี
ฟางเฉิงก็น่าจะมั่นใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ได้ยินเจียงสื้อสื้อพูดแบบนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที
เจียงสื้อสื้อเรียกคนมาต้อนรับฟางเฉิง จากนั้นก็กลับไปที่ห้องจัดงานเลี้ยงพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉิน
หนูน้อยทั้งสองคนรออยู่ที่จิ้นเฟิงเหราตั้งนานแล้ว เห็นหม่ามี๊กับแด๊ดดี้กลับมาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
เห็นเจียงสื้อสื้อพยายามหลบเขาอยู่ไกลๆ แต่ฟางเฉิงก็ไม่ได้สนใจ
ตั้งแต่ตอนที่กินอาหารเย็นด้วยกันที่บ้านของตระกูลฟางวันนั้น เขาก็รู้แล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้รู้สึกดีกับเขามากนัก จะเข้าไปประจบสอพลอเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่คนที่มาในงานเลี้ยง โดยพื้นฐานแล้วล้วนแต่เป็นพวกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงและภูมิฐานที่ดี
มันคงจะดีมากถ้าเขาได้สร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนที่อยู่ในนั้น
อย่างน้อยต่อไปอนาคตก็คงไม่มีขีดจำกัด
คิดแบบนี้ ฟางเฉิงก็ยิ้มออกมา เขาหยิบไวน์แดงแก้วหนึ่งออกมาจากถาดในมือของบริกร
จากนั้นก็เดินไปรอบๆห้องจัดงานเลี้ยง ราวกับว่าถ้าเจอเศรษฐีคนไหนที่หน้าคุ้นๆ ก็จะเข้าไปทักทายทันที
“สวัสดีครับสวัสดีครับ คุณหลิน ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว”
ฟางเฉิงเข้าไปทักทายกับหนึ่งในใบหน้าที่คุ้นเคย ที่มักจะปรากฏอยู่ในทีวีบ่อยๆ
อีกฝ่ายถูกรั้งเอาไว้จนสับสนไปหมด
ชายคนนั้นมองไปที่ฟางเฉิง คิดไม่ออกจริงๆว่าเขาเป็นใคร
แต่เพราะการอบรมสั่งสอนที่ดี ชายคนนั้นยิ้มอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ”
“หลินกรุ๊ปของท่านช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ฟางเฉิงดึงเขามาสนทนาด้วยอย่างช่ำชอง
ชายคนนั้นถูกรั้งเอาไว้ แต่ก็ไม่กล้าขัดจังหวะฟางเฉิงที่เฟรนลี่ขนาดนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับฟังเขาพูดต่อไป
ฟางเฉิงแนะนำตัวเองราวกับพนักงานขายของ ทำให้ชายคนนั้นยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแปลกๆ
สุดท้ายเขาเลยหาข้ออ้างและเดินออกไป
ฟางเฉิงยังยิ้มและโบกมือให้ชายคนนั้นอย่างไม่รู้ตัว “คุณท่านหลิน ครั้งหน้ามีเวลาค่อยคุยกันใหม่นะ”
เจียงสื้อสื้อกลัวว่าฟางเฉิงจะสร้างปัญหา เธอเลยมองดูฟางเฉิงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนเป็นครั้งเป็นคราว
เขาเดินไปๆมาๆอยู่ในฝูงชนอย่างอิสระ พูดคุยกับคนที่ตัวเองไม่รู้จักพวกนั้นได้ทุกคน
พวกเศรษฐีรวมถึงคนที่มีชื่อเสียงในงานล้วนแต่ถูกฟางเฉิงเข้าไปทักทายเกือบทั้งงาน
คนที่นิสัยดีหน่อยก็จะยิ้มพูดคุยกับฟางเฉิงอย่างสุภาพ แต่คนที่นิสัยรุนแรงบางคนก็ไม่สนใจฟางเฉิงเลยแม้แต่น้อย
เขาเป็นเหมือนตัวตลกที่วิ่งอยู่รอบๆงานเลี้ยง แต่ตัวเองกลับไม่รู้ตัว
เจียงสื้อสื้อมองดูจนรู้สึกอับอาย
“เฟิงเฉิน ฉันขอโทษ ฉัน……ไม่รู้ว่าคุณอาจะเป็นแบบนี้”
แก้มของเจียงสื้อสื้อแดงไปหมด
ถึงแม้คนที่รู้ว่าฟางเฉิงเป็นอาของเธอจะมีไม่มากนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
การที่จิ้นเฟิงเฉินได้รับตำแหน่งคุณท่านจิ้นของบริษัท เดิมทีควรที่จะเป็นเรื่องที่มีความสุข
แต่การมาของฟางเฉิงดูเหมือนจะทำให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไป
จิ้นเฟิงเฉินรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมเจียงสื้อสื้อถึงได้พูดขอโทษ
เขายื่นมือไปลูบหัวเจียงสื้อสื้อเบาๆ ก้มหน้าลงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“สื้อสื้อ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่เป็นไร”
“อืม……”
เจียงสื้อสื้อตอบกลับไปคำหนึ่งและหันหน้ามองไปที่ฝูงชนอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าฟางเฉิงเหนื่อยแล้วหรืออะไร เขานั่งดื่มไวน์แดงอยู่ข้างๆ
เธอถอนหายใจเบาๆ
ขอแค่อาคนนี้สงบลงได้ก็ไม่ดีมากแล้ว
เจียงสื้อสื้อจะได้ดูแลหนูน้อยทั้งสองคนได้อย่างเต็มที่
ครั้งนี้ฟางเฉิงจ้องมองไปที่จิ้นเฟิงเหรา
เมื่อกี้ที่เดินวนไปรอบๆแบบนั้น ก็ถือว่าได้ข่าวที่เป็นประโยชน์อยู่เหมือนกัน
นั่นก็คือ เขารู้แล้วว่าน้องชายของจิ้นเฟิงเฉินที่มีชื่อว่าจิ้นเฟิงเหราเป็นใคร และตอนนี้ได้รับตำแหน่งอะไรในจิ้นกรุ๊ป
จิ้นเฟิงเหรายังไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมาย เขายังพูดคุยกับเศรษฐีคนหนึ่งอยู่
ฟางเฉิงหยิบไวน์แดงขึ้นมาอีกแก้วแล้วเดินเข้าไปหาจิ้นเฟิงเหรา
“ประธานจิ้น สวัสดีครับ!”
การสนทนาถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน จิ้นเฟิงเหราผงะไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมอง
เขาไม่เคยเจอกับฟางเฉิง ตอนที่เจียงสื้อสื้อพูดถึงตระกูลฟาง เธอก็พูดถึงแค่อาพิสดารสองคนที่เคยเลี้ยงเธอ
ดังนั้น ครั้งนี้ที่เจอกับฟางเฉิง จิ้นเฟิงเหราก็ยังคงคิดอยู่ในหัวว่าเขาเป็นใคร
“สวัสดีตอนเย็นครับ” เขายิ้มและทักทาย
แต่ฟางเฉิงไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสที่ดีในการเข้าหาจิ้นเฟิงเหราไปง่ายๆ
ดึงจิ้นเฟิงเหราพูดวนไปวนมา พูดเรื่องสัพเพเหระ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
แต่สำหรับจิ้นเฟิงเหราแล้ว เรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดลง เจียงสื้อสื้อก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าแล้วเหมือนกัน
แม้แต่เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนที่มีพลังเหลือล้นก็ยังหาวครั้งแล้วครั้งเล่า
“สื้อสื้อ เหนื่อยแล้วเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินที่พึ่งคุยกับแขกเสร็จ หันหน้ามาเห็นเถียนเถียนที่กำลังหาวอยู่ โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ถามเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อที่อุ้มเสี่ยวเป่าอยู่พยักหน้า
จิ้นเฟิงเฉินก็เลยจับมือเจียงสื้อสื้อ พูดกับแขกที่อยู่ข้างๆว่า “ทุกท่าน ขอโทษด้วยครับ ภรรยาของผมเหนื่อยแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนครับ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานครับ”
เสียงของเขาดังเข้ามาในหูของเจียงสื้อสื้อ เธออดไม่ได้ที่จะตกใจ ทันใดนั้นเธอก็ซาบซึ้งขึ้นมาทันที
จิ้นเฟิงเหราที่อยู่ไม่ไกล ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินพูดแบบนั้นก็รีบเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วและพูดว่า “พี่! พี่นี่เป็นพี่ชายแท้ๆของผมจริงๆ พี่ไปแบบนี้ ปล่อยให้ผมเป็นเจ้าภาพคนเดียว?”
เขาพูดเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วและพยักหน้าอย่างจริงจัง
“แม่ง!” จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้ที่จะพูดคำหยาบออกมา
ฟางเฉิงก็เดินตามไปด้วย เขาเหลือบมองไปที่หนูน้อยที่กำลังง่วงนอน
จากนั้นก็หยิบซองอั่งเปาสองซองออกมาแล้วยัดเข้าไปในมือของเจียงสื้อสื้อ
“สื้อสื้อ ครั้งก่อนอาไม่ได้ให้อั่งเปาเด็กทั้งสองคน ครั้งนี้เลยชดเชยให้ ถ้าเธอมีเวลาก็กลับไปหาที่บ้านให้บ่อยๆ!”
ฟางเฉิงพูดกับเจียงสื้อสื้อด้วยท่าทีของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ดี
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก็คลายออกอย่างรวดเร็ว
ต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ เธอลังเลอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็รับอั่งเปาเอาไว้
สุดท้ายสองพี่น้องก็เจรจากันเสร็จ ถึงแม้จิ้นเฟิงเหราจะรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้เจรจาอะไรกันเลยก็ตาม
เจ้าภาพของงานเลี้ยงถูกส่งไปให้จิ้นเฟิงเหราเป็นคนจัดการ
จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อและหนูน้อยทั้งสองคนออกไปจากห้องจัดงานเลี้ยง ท่ามกลายสายตาที่อิจฉาของพวกผู้หญิง
“พระเจ้า คุณท่านจิ้นรักภรรยาของเขามากเลย!”
“ถ้าฉันหาสามีที่รักฉันแบบนี้ได้ ต่อให้ต้องชีวิตสั้นลงสองสามปีฉันก็ยอม”
“คุณหญิงจิ้นมีความสุขจังเลย!”
……
บรรยากาศเต็มไปด้วยการสนทนา
“ทุกท่าน ควรดื่มก็ดื่ม ไม่ต้องยับยั้งตัวเองมากเกินไป”
จิ้นเฟิงเหราส่งทั้งสี่คนออกไป สุดท้ายก็ถอนหายใจยอมรับชะตากรรม พูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
ห้องจัดงานเลี้ยงก็กลับมาครึกครื้นเหมือนตอนแรกอย่างรวดเร็ว