ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! – บทที่ 885 พวกเราไม่ต้องการสิ่งนี้

บทที่ 885 พวกเราไม่ต้องการสิ่งนี้

เมื่อได้ยินคำถามเหมือนกับสงสัยจากคำพูดของฟางอี้หมิง ฟางเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “จริงสิ ผู้ช่วยส่วนตัวของจิ้นเฟิงเฉินบอกพ่อเป็นการส่วนตัว แต่จิ้นเฟิงเฉินมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง นั่นคือ เขาต้องการพบกับผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ป อี้หมิงลูกดูสิว่า……”

เมื่อพูดจบ ฟางอี้หมิงที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์ก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตัดสินใจพูดว่า “พอดีที่ผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ปจะมาถึงจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าประธานจิ้นสามารถเดินทางมาพบเขาที่เมืองหลวงได้ก็ดี อาจใช้ฐานะองค์กรผู้ร่วมมือในการเข้าพบได้”

“ตกลงตามนี้ พ่อจะโทรบอกจิ้นเฟิงเฉินเดี๋ยวนี้”

หลังจากวางสาย ฟางเฉิงไม่ได้โทรหากู้เนี่ยน แต่โทรไปที่หมายเลขของจิ้นเฟิงเฉินโดยตรง

“เฟิงเฉิน ผู้ดูแลSAกรุ๊ปจะมาถึงเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณพอจะมีเวลาไปพบเขาไหม?”

ฟางเฉิงไม่ได้เรียกเขาว่าประธานจิ้น มองดูแล้วเขาต้องการใช้ความสัมพันธ์ของเจียงสื้อสื้อในการเจรจา

จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เมื่อผมจัดการธุระที่นี่เรียบร้อย ผมจะเดินทางไปเมืองหลวง รบกวนคุณฟางช่วยนัดหมายผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ปไว้ให้ผมด้วยครับ”

เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจียงสื้อสื้อ แน่นอนว่าเขาจะไม่รอช้า

“เฟิงเฉิน ไม่ต้องทำตัวห่างเหินกับผมก็ได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน พรุ่งนี้ผมเองก็ว่าง ถ้าอย่างนั้นเราไปพร้อมกันเลยดีไหม” ฟางเฉิงยังคงห้อมล้อมต่อไป

แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “คุณฟางล้อเล่นหรือเปล่าครับ สมาชิกในครอบครัวที่สื้อสื้อยอมรับ ถึงจะเป็นครอบครัวของผม เรื่องตั๋วเครื่องบินผมจะให้ผู้ช่วยจองให้ ถ้าคุณฟางต้องการไปด้วยกันก็ย่อมได้”

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรมากเกินไป แต่ตอนนี้หน้าของฟางเฉิงก็ร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย เขาทำได้เพียงยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนให้ผู้ช่วยของประธานจิ้นส่งข้อมูลเที่ยวบินมาให้ผมด้วยนะครับ”

“ครับ พอดีผมยังมีเรื่องต้องทำ ไว้พบกันครับ”

ก่อนที่ฟางเฉิงจะพูดอะไรออกไป จิ้นเฟิงเฉินก็วางสายไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมองไปยังหน้าจอที่ดับลง ฟางเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น

จิ้นเฟิงเฉินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มอ่านเอกสารกองโตที่กู้เนี่ยนเพิ่ง ส่งมาให้

ในตอนเย็น ระหว่างที่จิ้นเฟิงเฉินขับรถกลับบ้าน เขาได้แวะไปที่ร้านของหวานที่อยู่ใกล้ๆ เลือกขนมที่เถียนเถียนชอบ จากนั้นจึงขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลจิ้น

เมื่อเถียนเถียนเห็นจิ้นเฟิงเฉิน ขาน้อยๆของเธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดขาจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้ และตะโกนเบาๆว่า “แด๊ดดี้!”

“นี่ครับ พ่อซื้อเค้กมาให้เถียนเถียนด้วย”

จิ้นเฟิงเฉินพูด นั่งลงแล้วยื่นถุงในมือให้เถียนเถียน

เมื่อเจ้าหนูน้อยรับเค้กมาแล้ว เธอก็ทิ้งจูบที่เต็มไปด้วยน้ำลายไว้บนแก้มของจิ้นเฟิงเฉิน และพาจิ้นเฟิงเฉินไปที่ห้องอาหาร

เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี

สมาชิกในครอบครัวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารจิ้นเฟิงเหรายิ้มและวางมือพาดไหล่ของจิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “เร็วเข้าพี่ พวกเรารอพี่คนเดียวเลยนะ”

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินนั่งลง แม่จิ้นก็นำซุปที่ตุ๋นเรียบร้อยมาวางตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน “นี่เป็นซุปยาชูกำลังชั้นดี มันดีกับลูกและสื้อสื้อนะ”

ความหมายของประโยคนั้น ทุกคนที่นั่งอยู่เข้าใจได้ทันที

แก้มของเจียงสื้อสื้อก็แดงราวกับลูกเชอรี่

เมื่อเห็นว่าหน้าของหญิงสาวที่นั่งข้างๆตนแดงขึ้น จิ้นเฟิงเฉินจึงตอบว่า “แม่ครับ พวกเราไม่ต้องการสิ่งนี้หรอก”

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการปฏิเสธง่ายๆ แต่คนอื่นๆอีกหลายคนกลับตีความหมายต่างกัน

ไม่ต้อง……

ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะไปด้วยกันค่อนข้างดีเรื่องนั้น

ในตอนแรกทุกคนพยายามกลั้นหัวเราะออกมา แต่ในที่สุดจิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง

ตอนแรกเจียงสื้อสื้อไม่ทันได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา แก้มของเธอก็แดงขึ้นทันทีอีกครั้ง

มีเพียงสองคนเท่านั้นคือเสี่ยวเป่าและ ที่ฟังไม่ออกจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นทุกคนมีความสุข เด็กน้อยทั้งสองก็หัวเราะคิกคักไปด้วย

หลังมื้ออาหารเย็น จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อไปเดินเล่นที่สนาม นี่เป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่ค่อนข้างหายากและเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์สำหรับพวกเขา

สายลมปะทะผมของเจียงสื้อสื้อ

จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกมาหวีผมยุ่งของเธอให้เรียบ “สื้อสื้อ พรุ่งนี้ผมจะไปเมืองหลวง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็เบิกตาโตขึ้นแล้วถามว่า “มีธุระที่บริษัทเหรอคะ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเจ้ามาก่อนเลย?”

จิ้นเฟิงเฉินลังเลและพูดเหตุผลอย่างสั้นๆว่า “ก็มีปัญหาชั่วคราวกับโปรเจ็คนี้ ผมเลยต้องไปที่นั่น”

เขาไม่ได้บอกความจริงกับเธอ ถ้าเธอรู้ แน่นอนว่าเธอต้องกังวล

เจียงสื้อสื้อแสดงสีหน้าไม่เต็มใจออกมา มือโอบเอวบางๆของเขา แล้วซุกหน้าไว้บนหน้าอกเขา เธอถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “จะไปนานไหมคะ?”

เมื่อรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็โอบไหล่ของเธอไว้แน่นและพูดว่า “ประมาณสามวันผมก็กลับมาแล้ว ผมจะกลับมาทันทีที่ทำธุระเสร็จนะครับเด็กดี”

เมื่อพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม

……

วันรุ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบา

แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อยังคงตื่นขึ้นมา เธอลุกขึ้นด้วยสายตาอันง่วงนอนและเดินมาข้างๆจิ้นเฟิงเฉิน เสียงของเธอแฝงไปด้วยความเกียจคร้านตอนเพิ่งตื่น และเธอก็พูดว่า “กลับมาเร็วๆนะคะ ระวังเนื้อระวังตัวด้วย”

“ไม่ต้องห่วงครับ”

หลังจากจุมพิตที่หน้าผากของเธอแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็อาบน้ำและออกจากห้องไป

เมื่อมาถึงสนามบินก็ได้พบกับฟางเฉิง

ใบหน้าของฟางเฉิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เฟิงเฉิน ผมได้บอกอี้หมิงแล้ว เดี๋ยวเขาจะมารับเราเมื่อลงจากเครื่อง”

“อืม”

จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างแผ่วเบาและเดินตรงไปที่ห้องรอขึ้นเครื่อง

เมื่อดังนั้น ฟางเฉิงก็รีบตามไป

บนเครื่องบิน ฟางเฉิงพยายามจะพูดคุยกับจิ้นเฟิงเฉินสักหน่อย แต่ที่นั่งของเขาไม่ได้อยู่ในห้องโดยสารเดียวกันกับจิ้นเฟิงเฉินเลย

เมื่อเข้าใจความหมายของจิ้นเฟิงเฉิน ฟางเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่

เพียงแต่เขาไม่กล้าแสดงอะไรออกมา

อย่างไรเสีย ตอนนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดก็ไร้ความหมาย

……

เมืองจิ่นและเมืองหลวงอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก หากขับรถอาจใช้เวลาสองชั่วโมง ถ้านั่งเครื่องบินก็เร็วขึ้นไปอีก

หลังจากเที่ยวบินระยะสั้นนั้นสิ้นสุดลง เครื่องบินก็ลงจอดอย่างราบรื่น

ฟางเฉิงแทบรอไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปในห้องโดยสารที่จิ้นเฟิงเฉินอยู่ และลงจากเครื่องบินไปพร้อมกับเขา

หลังจากออกจากสนามบิน ฟางอี้หมิงได้รออยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อพบ จิ้นเฟิงเฉิน เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ประธานจิ้นครับ”

ขณะพูดเขาก็ยื่นมือออกไป แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ยื่นมือตอบกลับ เพียงตอบว่า “อืม” เบาๆ

จึงทำให้มือของฟางอี้หมิงชะงักลงกลางอากาศ เขาเสียหน้ามากทีเดียว

เมื่อเห็นภาพนี้ ฟางเฉิงก็รีบเปิดประตูรถและเชื้อเชิญจิ้นเฟิงเฉินให้ขึ้นรถ

ก่อนปิดประตูรถ ฟางเฉิงก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า “เฟิงเฉิน นั่งเครื่องบินมาคงเหนื่อย พวกเราคงไม่รบกวนเวลาของคุณ จะได้กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ว่าแต่ ประเดี๋ยวถึงเวลาอาหาร ไม่รู้ว่ามีเวลาออกมากินด้วยกันไหม?”

จิ้นเฟิงเฉินตอบเบาๆว่า “แล้วค่อยว่ากันใหม่นะครับ”

ความคิดของเขาคลุมเครือ ส่วนฟางเฉิงก็ไม่ต้องการกดดันเขามากเกินไป “อืม……ก็ใช้ เฟิงเฉิน ถ้าอย่างนั้น พักผ่อนให้เพียงพอค่อยว่ากัน”

เมื่อพูดจบ ฟางเฉิงก็กำชับกับคนขับรถให้พาจิ้นเฟิงเฉินไปที่โรงแรม

หลังจากกลับมาถึงตระกูลฟาง ฟางเฉิงก็ได้รีบจองโต๊ะสำหรับร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวงทันที

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะยังไม่ตอบตกลง แต่ฟางเฉิงยังคงต้องการเตรียมการทั้งหมดไว้ล่วงหน้า

ตอนนี้ฟางรุ่ยได้ยินข่าวมาว่าจิ้นเฟิงเฉินและฟางเฉิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน จู่ๆเขาก็เป็นกังวลขึ้นมา

ถ้าจิ้นเฟิงเฉินถูกฟางเฉิงลากเข้าไปอยู่พวกเดียวกัน เช่นนั้นพวกเขาจะไปมีความหวังอะไรอีก?

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน เพื่อช่วยแม่ของเธอ เธอบังคับตัวเองทําเรื่องเสื่อมทราม และกําเนิด ลูกให้คนอื่น หลังคลอดลูกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นลูกอีก ห้าปีต่อมา ซาลาเปาตัวน้อย กลับมาหาเขา และพัวพันอยู่กับเจียงสือสือ อยากจะจูบ อยากจะกอดและนอน ด้วยกัน เจียงซื้อซื้อก็เต็มใจและมีการตอบสนองด้วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท